ตร.งัดแผนเด็ดปราบแว้นซ่า

ตร.งัดแผนเด็ดปราบแว้นซ่า



 ซิ่ง..ซ่า..บิดป่วนเมือง ปัญหาที่แก้ไม่ตกของสังคมไทย โดยเฉพาะในช่วงค่ำคืนมักมีเด็กและเยาวชนใช้รถจักรยานยนต์ขับประลองความเร็ว..ท้า..นรก..อย่างไม่กลัวตาย จนหลายคนเรียกกันติดปากว่า "เด็กแว้น" แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้มาตรการปราบปรามอย่างจริงจังแค่ไหน แต่พวกนักบิดเหล่านี้เหมือนจะไม่หลาบจำ มักรวมตัวกันในช่วงวันหยุด เลือกถนนสายหลักย่านฝั่งธนบุรี เป็นสนามท้าประลองความเร็ว ยิ่งทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ไม่เว้นแต่ละวัน

               พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกูล ผบก.น.9 จึงมีมาตรการให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกโรงพักในสังกัด บก.น.9 จำนวน 300 นาย ออกปราบปรามเด็กแว้นที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ โดยเฉพาะบริเวณถนนเอกชัย ถนนวุฒากาศ ถนนราชพฤกษ์ ถนนกัลปพฤกษ์ และถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นถนนเชื่อมต่อกันระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร

               พล.ต.ต.ชัชวาลย์ กล่าวว่า ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทาง บก.น.9 ใช้รถบรรทุกทำการปิดถนนกาญจนาภิเษก ฝั่งมุ่งหน้าพระราม 2 แขวงและเขตบางบอน โดยสามารถจับกุมเด็กแว้น ขณะแข่งขันรถมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยครั้งนั้นสามารถจับกุมรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งได้ 25 คัน คุมตัวผู้ต้องหาทั้งคนขับขี่และซ้อนท้าย ทั้งชายและหญิงไว้ได้ถึง 42 คน มีเยาวชนอายุระหว่าง 14-17 ปี อยู่ในกลุ่มมากถึง 31 คน และผู้ต้องหาที่เป็นผู้ขับขี่ถูกส่งตัวฟ้องศาลในข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ซึ่งตำรวจได้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด

               ล่าสุดในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา บก.น.9 ยังมีการวางแผนจับกุมแก๊งซิ่งอีก โดยสามารถควบคุมตัวผู้ขับขี่ได้ทั้งสิ้น 39 ราย แบ่งเป็นชาย 37 คน และหญิง 2 คน ในจำนวนนี้มีเยาวชนอายุระหว่าง 16-18 ปี ถึง 32 คน แต่ครั้งนี้แผนการจะแตกต่างจากคราวที่แล้ว ซึ่งเป็นยุทธวิธีล้อมจับขณะผู้ต้องหาทำการแข่งขัน แต่ครั้งนี้เป็นมาตรการตัดไฟแต่ต้นลม โดยจะเข้าจับกุมผู้ต้องหาขณะรวมตัวกันบริเวณสถานีจ่ายน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) เพราะกลุ่มนักบิดเหล่านี้จะต้องแวะเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ และซื้อของในร้านสะดวกซื้อตามสถานีบริการน้ำมันและก๊าซต่างๆ โดยนัดหมายเข้าไปจอดรวมตัวกัน ก่อนซิ่งออกมาบนถนนเป็นกลุ่มๆ ทุกครั้ง

               เมื่อชุดจับกุมดักรอจนถึงเวลาตามแผนที่กำหนดไว้ จึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้โดยละม่อม พร้อมรถของกลาง โดยผู้ต้องหาพร้อมรถของกลางจะถูกนำตัวไปเปรียบเทียบปรับข้อหาดัดแปลงสภาพรถ และความผิดที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.จราจรทุกคดี จากนั้นจะให้ฝ่ายสืบสวนช่วยกันทำประวัติ และปล่อยตัวกลับบ้านไป ส่วนรถของกลางทั้งหมดจะตรวจยึดเอาไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบหมายเลขทะเบียน หมายเลขเครื่อง เลขตัวถัง และประวัติการครอบครอง หากพบมีความผิดก็จะเรียกผู้ต้องหา และเจ้าของรถมาดำเนินคดีเพิ่มอีก


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์