คำให้การ เปมิกา สู้คดีเป็นชู้หมอเผ่า

ระบุบริสุทธิ์ใจแจ้งความช่วยไม่ได้หวังอะไร...


สาวคนดัง "เปมิกา วีรชัชรักษิต" สู้คดีเมียหมอประกิตเผ่าฟ้องเรียก 27 ล้านบาทฐานเป็นชู้แล้ว ส่งทนายความยื่นคำให้การต่อศาล

เปมิกา วีรชัชรักษิต งัดความบริสุทธิ์ใจสู้คดีเมียหมอประกิตเผ่าฟ้องฐานเป็นชู้ เรียกเงิน 27 ล้านบาท ระบุ ดิ้นรนแจ้งความให้ช่วยหมอประกิตเผ่าออกจากรพ. ทำไปเพราะเป็นพลเมืองดีไม่ได้หวังประโยชน์ ไม่ได้เป็นชู้อย่างที่ถูกกล่าวหา

ชี้ ในคำฟ้องของเมียหมอเผ่ายังคลุมเครือ ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงความเป็นชู้ ส่งทนายความยื่นคำให้การต่อศาล นัด 22 พ.ค. พร้อมคู่ความ

ด้านทนายเมียหมอ เผย ต้องพิสูจน์ในชั้นศาล

หากฝ่ายตรงข้ามจะไกล่เกลี่ยต้องเสียทรัพย์สินกว่า 10 ล้านบาทที่ได้ไปมาคืนก่อน ครอบครัวทมทิตชงค์ยินดีให้อภัย


ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง เมื่อวันที่ 15 พ.ค.


น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ได้มอบอำนาจให้นายอภิชาติ จรสาย ทนายความ ยื่นคำให้การต่อสู้คดีที่นางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยาของ นพ.ประกิต เผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพ พลายด์ฟิสิกส์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นจำเลยฐานละเมิด

แสดงตนทำนองเป็นชู้สาวกับสามีโจทก์

และเรียกค่าทดแทน 27 ล้านบาท พร้อมดอก เบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา


โดยคำให้การของ น.ส.เปมิกา สรุป ว่า


คำฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เนื่องจากไม่แสดงให้แจ้งชัดว่าจำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยต่อสาธารณชนและบุคคลทั่วไปว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว และโจทก์เองก็ ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าการกระทำใดของจำเลยมีพฤติการณ์อันเป็นการแสดงว่า

มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ฉันชู้สาว และมีพฤติการณ์เช่นนั้นเมื่อใด ที่ใด อย่างไร ซึ่งความจริงแล้วจำเลยไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ นพ.ประกิตเผ่า และไม่ได้แสดงตนโดยเปิดเผยแต่อย่างใด

เพื่อแสดงตนว่า มีความสัมพันธ์ดังกล่าวที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ บุตรของโจทก์ และกิจการ ที่ดำเนินอยู่ และไม่ได้ทำให้เสียหายแก่สุขภาพจิตอันเป็นการเสียหายแก่อนามัยของโจทก์และบุตรตามที่โจทก์ฟ้อง


คำให้การระบุต่อว่า


ข้อความที่ระบุว่าจำเลยได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บาง ซื่อ ว่า นพ.ประกิตเผ่า ถูกควบคุมตัวโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย

ก็เพื่อที่จำเลยต้องการตัวสามีโจทก์มาอยู่กับจำเลยในฐานะสามีของจำเลยนั้น เป็นการนำความเท็จมากล่าวทั้งสิ้น

ซึ่งความจริงเป็นที่ทราบดีว่าเหตุที่จำเลยได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เพราะมีเหตุการณ์อันควรเชื่อได้จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่ามีการควบคุม นพ.ประกิตเผ่าโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

และสาเหตุที่จำเลยแจ้งความก็เพื่อให้ตำรวจช่วยนำตัว นพ.ประกิตเผ่าออกมาจาก รพ.ศรีธัญญา ในฐานะเป็นพลเมืองดีคนหนึ่งเท่านั้น


นอกจากนี้คำฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายให้ชัดเจนว่า


จำเลยมีความสัมพันธ์ทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ คำฟ้องโจทก์จึงล้วนเป็นคำกล่าว อ้างที่เลื่อนลอย ปราศจากมูลความจริง และปรักปรำจำเลยให้เสียหาย ซึ่งโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและค่าทดแทน 27 ล้านบาท

เพราะเป็นการกล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐานสนับสนุนว่า จำนวนเงินดังกล่าวโจทก์คิดจากอะไร จำเลยจึงไม่ ต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว

ศาลรับคำให้การของ น.ส.เปมิกาไว้พิจารณา และนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.


นายอภิชาติ จรสาย ทนายความจำเลย เปิดเผยว่า


น.ส.เปมิกา ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่า

ไม่เคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับ นพ.ประกิตเผ่า จึงถือโอกาสนี้ไปแสดงความบริสุทธิ์ผ่านพยานหลักฐานในชั้นศาลเพื่อจะได้พิสูจน์ความจริงให้ปรากฏว่า

ไม่ได้ไปละเมิดต่อครอบครัวของโจทก์ เหตุที่โจทก์นำความมาฟ้องน่าจะเกิดจากเข้าใจข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน

หลังจากถูกฟ้อง น.ส.เปมิกามี อาการเครียด มีความวิตกกังวล และเกรงว่าสังคม จะเข้าใจตนเองผิดว่าเป็นคนไม่ดี คดีนี้หากเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยในชั้นศาลได้ก็ยินดี


นายทองหลาง แพงศรีละคร ทนายความของนางอลิสา ทมทิตชงค์ กล่าวว่า


การ พิสูจน์ความจริงต่าง ๆ ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นศาล ตนไม่ขอพูดอะไรมาก ส่วนการไกล่เกลี่ยประนีประนอมชดใช้ค่าเสียหายนั้นตนเชื่อว่าครอบครัวทมทิตชงค์ก็มีความยินดี และให้อภัย

อย่างไรก็ตาม ทาง น.ส.เปมิกา จะต้องนำทรัพย์สิน ต่าง ๆ ทั้งรถยนต์ เงินสด และอื่น ๆ มูลค่านับสิบล้านบาทที่ได้จาก นพ.ประกิตเผ่ามาคืนให้กับครอบครัวก่อน

เพราะจะให้โจทก์ถอนฟ้องคดีเลยคงเป็นไปไม่ได้.



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์