สามี ‘ป้าสังเวียน’ ไม่ดีใจเมียได้ยกหนี้

สามี ‘ป้าสังเวียน’ ไม่ดีใจเมียได้ยกหนี้


สามี ‘ป้าสังเวียน’ ไม่ดีใจเมียได้ยกหนี้-น้องสาวเผยเหตุก่อนเผาตัว ตร.เร่งปราบกู้ดอกโหด

 กรณีนางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ อายุ 52 ปี ชาวจ.ลพบุรี ก่อเหตุใช้น้ำมันราดจุดไฟเผาตัวเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างกายไหม้ครึ่งตัวบน สาเหตุเนื่องจากความเครียดเรื่องหนี้สิน จำนวน 1.5 ล้านบาท ที่กู้หนี้ยืมสินมาจากนายทุนเงินกู้ เหตุเกิดภายในศูนย์บริการประชาชน ชั่วคราว สำนักคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ( ก.พ. ) เขตดุสิต กทม.  โดยขณะนี้ทีมแพทย์ รพ.วชิระ ดูแลอย่างใกล้ชิดภายในห้องไอซียูตามที่นำเสนอข่าวไปนั้น

 ความคืบหน้าดังกล่าว เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่ห้องไอซียู ศัลยกรรม ชั้น 4 ร.พ.วชิระ น.ส.จันทร์จ๋า ทองอร่าม อายุ 41 ปี น้องสาวของนางสังเวียน เปิดเผยว่า ช่วงเช้าเดินทางมาเข้าเยี่ยมพี่สาวเพื่อจะมาบอกข่าวดีว่า เจ้าหนี้ยอมยกหนี้สินทั้งหมด จำนวน 1.5 ล้านบาท รวมทั้งให้สิทธิเข้าทำกินในที่ดินดังเดิม แต่แพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม ทั้งนี้เรื่องการยกหนี้สิน ตนยังไม่มั่นใจ เนื่องจากไม่เห็นหลักฐานเอกสารที่ชัดเจนมายืนยัน 

 อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงค่ำ วันที่ 16 ต.ค. เจ้าหนี้ได้โทรศัพท์มาบอกว่า ยกหนี้ให้แล้วและให้กลับมาใช้ที่นาเช่นเดิม แต่ทางญาติปรึกษากันแล้วยืนยันว่าจะไม่ให้นางสังเวียนเข้าไปทำกินในพื้นที่ของเจ้าหนี้อีก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็เข้าหน้ากันไม่ติด ส่วนตัวรู้สึกกังวลเรื่องของความปลอดภัยของพี่สาวหลังจากหายป่วย ซึ่งยังไม่ได้วางแผนอะไรปล่อยให้เป็นไปตามอนคต  

 น.ส.จันทร์จ๋า กล่าวต่อว่า สำหรับอาการนางสังเวียนนั้น สภาพบาดแผลภายนอกมองเห็นอย่างชัดเจน บริเวณช่วงแขนทั้งสองข้างมีบาดแผลพุพอง ผิวหนังหลุดลอก มีน้ำเหลืองไหล นอกจากเป็นห่วงเรื่องดวงตาที่ยังไม่สามารถลืมตาได้แล้ว ยังห่วงบาดแผลบริเวณหูขวา ที่มีรอยไหม้หนักด้วย และยังไม่สามารถพูดคุยกับนางสังเวียนได้ เนื่องจากยังต่อท่อช่วยหายใจอยู่ แต่มีการตอบสนองด้วยการพยักหน้า และขยับแขนโต้ตอบกลับมาในระหว่างพูดคุย

 ด้าน น.พ.พลเลิศ พันธุ์ธนากุล รองคณบดีฝ่ายบริการปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ ร.พ.วชิรพยาบาล เปิดเผยว่า อาการของผู้ป่วยยังค่อนข้างหนักใจ มีภาวะแทรกซ้อน เริ่มจะมีอาการไข้ แต่ทางคณะแพทย์กำลังทำการวินิจฉัย ว่าอาการไข้นั้นเกิดจากพิษของบาดแผลหรือไม่ ในภาพรวม อาการของคนไข้ถือว่ายังทรงตัว ทั้งในเรื่องของการหายใจและการมองเห็นยังต้องประเมินรายละเอียดในการรักษาอีกครั้งในวันนี้ เวลา 16.00 น. ทางคณะแพทย์ผู้รักษาจะแถลงรายละเอียดความคืบหน้าอาการของนางสังเวียนอีกครั้ง

 เมื่อเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลวชิระฯ น.พ.พลเลิศ เปิดเผยว่า เนื่องจากเมื่อวาน ช่วงเย็นนั้น พบว่าผู้ป่วยมีไข้ต่ำๆ พอมาเช้าวันนี้ หลังจากตรวจร่างกายอีกครั้งพบว่าผู้ป่วยมีไข้ขึ้นสูงถึง 38.2 องศา ซึ่งเป็นที่น่ากังวลอาจจะเป็นเพราะมีการอักเสบตามบาดแผลติดเชื้อ ถือว่าน่าเป็นห่วง ต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป

 ส่วนดวงตาของผู้ป่วยนั้น ยังไม่สามารถมองเห็น แต่หูได้ยินอย่างชัดเจน เนื่องจากเวลาแพทย์หรือพยาบาลเข้าไปรักษามีการตอบสนองด้วยการพยักหน้า แต่จากที่ตรวจดูบาดแผลไฟไหม้ตามร่างกายโดยละเอียดแล้ว พบว่าโดยส่วนใหญ่เป็นแผลแห้ง ไม่มีอาการอักเสบเป็นหนอง ส่วนที่น่าเป็นห่วง คือ มีบางจุดที่โดนไฟไหม้ถึงระดับสาม เมื่อแผลหายแล้วส่วนนั้นอาจจะขยับได้ลำบากขึ้น และไหม้ถึงกล้ามเนื้อ เส้นประสาทหน้าอกที่ช่วยเรื่องระบบหายใจ สายเสียงบวมจึงต้องยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ คาดว่าอีก 2-3 สัปดาห์ถึงจะถอดออกได้ ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงเรื่องระบบไตนั้น พบว่าระบบไตทำงานดีขึ้น โดยเห็นได้จากการที่ผู้ป่วยสามารถปัสสาวะได้ดีขึ้น เพราะถูกไฟไหม้กล้ามเนื้อช่วยหายใจบริเวณหน้าอกไป

 น.พ.พลเลิศ กล่าวต่อว่า ส่วนในเรื่องของสิทธิการรักษานั้น ทางโรงพยาบาลเราได้ประสานงานไปยังโรงพยาบาลประจำ จ.ลพบุรี ได้ผลสรุปว่าทางโรงพยาบาลวชิระจะทำการรักษาคนไข้ไปจนกว่าจะสามารถอออกโรงพยาบาลได้ ซึ่งนอกจากค่ารักษาพยาบาลแล้ว ทางวชิระพยาบาลยังยินดีช่วยค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่สิทธิการรักษาไม่ครอบคลุม แต่หากประชาชนท่านใดมีความประสงค์จะบริจาคให้ผู้ป่วย ก็สามารถบริจาคผ่านทางมูลนิธิวชิรพยาบาลได้

 อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้จะไม่มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แต่จะจัดช่องทางให้โทรมาสอบถามทางโทรศัพท์แทน

 เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.ชัยพร พานิชอัตรา ผบก.ภ.จว.ลพบุรี สั่งการให้ พ.ต.อ.มาโนช สุภาพพูล รอง ผบก.ภ.จว.ลพบุรี เดินทางไปที่บ้านนางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ ที่  ต.วังจั่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เพื่อเก็บรวบรวมเอกสารการกู้ยืมเงินเอาไว้เป็นหลักฐาน เพราะถึงแม้ว่าเจ้าหนี้จะบอกว่า ยอมยกเงินทั้งหมดให้ก็จริง แต่ยังไม่ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ต้องรอให้นางสังเวียน หายจากอาการบาดเจ็บก่อน ถึงจะถือได้ว่าเป็นการสัญญายกหนี้สินให้อย่างสมบูรณ์

 ด้านนายธงชัย รักษาเพ็ชร์ สามีนางสังเวียน กล่าวว่า ถึงแม้ว่าเจ้าหนี้จะยกหนี้ 1.5 ล้านบาทให้ก็จริง แต่ตนไม่เห็นดีด้วย เพราะไม่คุ้มกับการที่ภรรยาต้องเผาตัว ใจจริงแล้วอยากให้ภรรยาใช้หนี้มากกว่า ค่อยๆ ใช้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หมด นี่ก็ไม่รู้ว่าหลังภรรยาหายดีแล้ว สภาพร่างกายจะแข็งแรงเหมือนเดิมหรือเปล่า

 ด้าน พล.ต.ต.ชัยพร กล่าวว่า ได้สั่งการให้ รอง ผบก.และหัวหน้าสถานีทุกแห่ง จากกรณีมีข่าวสารการออกดอกเบี้ยเงินกู้โหด ในพื้นที่ จ.ลพบุรี ให้ รอง ผบก.และทีมงานทุกคน ช่วยกันกวดขัน สอดส่องและจับกุมตามนโยบาย ของ สตช. และ ผบช.ภ.1 กำหนดให้จังหวัดลพบุรี มี OTOP แก้ปัญหาเงินกู้นอกระบบที่ระบาดอยู่ให้เป็นรูปธรรมเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดย 1.จัดทำข้อมูลประวัติผู้ปล่อยเงินกู้ว่า ใครอยู่ในหรือนอกจังหวัดบ้าง 2.ถ้ามีความผิดชัดเจนให้ทำการจับกุม และสาวให้ถึงตัวการใหญ่ 3.หากยังไม่รู้ต้นตอที่ชัดเจน แต่ได้เด็กเดินสายมา ให้เรียกนายทุนนั้นมาปรามและให้หยุด แม้จะอ้างว่าเป็นการพอใจทั้ง 2 ฝ่ายก็ตาม เพราะผิดกฎหมาย 4.ให้ทำข้อมูลประวัติอย่างชัดเจน รอการตรวจสอบและปักธงบ้านเป้าหมายบ้านสำคัญๆ ไว้ในแผนที่ท้องถิ่น 5. ในกรณีที่นายทุนมาจากนอกเขต ให้เขียนหมายเหตุไว้ให้ชัดเจนว่ามาจากพื้นที่ใดที่เข้ามาปล่อยเงินกู้ 6.ให้จับกุมอย่างต่อเนื่องและจัดทำผัง เครือข่ายด้วยและรายงานให้ทราบทุกระยะ

 เวลา 11.00 น. ที่สภาทนายความ นายอุดมเดช ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยนายนิวัติ แก้วล้วน เลขาธิการสภาทนายความ นายสุนทร พยัคฆ์ อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย และน.ส.จันทร์จ๋า ทองอร่าม อายุ 41 ปี น้องสาวของนางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ อายุ 52 ปี ร่วมกันแถลงข่าวเรื่องการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้เดือดร้อนจากหนี้นอกระบบ 

 โดยนายอุดมเดช กล่าวว่า กรณีหนี้นอกระบบเป็นหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ผู้ที่ยังคงประกอบธุรกิจในลักษณะนี้อยู่ ทางสภาทนายความจึงได้บังคับใช้กฎหมายระยะสั้น และอาจปรับเพิ่มหลักการของกฎหมายเพื่อคุ้มครองลูกหนี้โดยเฉพาะ หากลูกหนี้ถูกบังคับจากเจ้าหนี้จนขาดความปกติสุขในการใช้ชีวิต สามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่มีประจำอยู่ทุกเขตศาลจังหวัด ทั้งนี้ หากกรณีที่เจ้าหนี้เป็นเครือข่ายในรูปผู้มีอิทธิพล ทางคณะกรรมการฯ จะประสานขอความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการให้ความปลอดภัยแก่ลูกหนี้ โดยจะมีทนายความอาสาเข้าช่วยตามความเหมาะสมตามกรณี 

 นอกจากนี้จะมีการจัดอบรบให้ข้อมูลแก่ลูกหนี้ ในเรื่องหลักของการบังคับใช้กฎหมายบังคับชำระหนี้ที่เป็นธรรมในพื้นที่ที่มีการปล่อยเงินกู้นอกระบบ อีกทั้งจะให้ทางคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของสภาทนายความจัดทำร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2485 เพิ่มเติมหมวด 3/1 เรื่องการฟื้นฟูหนี้ของเกษตรกรหรือลูกหนี้รายย่อยที่มียอดหนี้ค้างชำระตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไปหรือจำนวนอื่นตามที่เห็นสมควร โดยหลักการดังกล่าวนี้จะสามารถช่วยเหลือให้ลูกหนี้เข้าสู่ระบบกระบวนการยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว

 น.ส.จันทร์จ๋า เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พี่สาวตนไม่ได้กู้ยืมเจ้าหนี้เป็นเงินสด  แต่เมื่อ 4 ปีก่อน ได้ไปซื้ออุปกรณ์การทำนามา แล้วให้เจ้าหนี้จ่ายให้ เบ็ดเสร็จแล้วเป็นเงิน 3.5 แสนบาท มีหลักฐานเป็นใบเสร็จเงินค่าของต่างๆที่ใช้ทำนา เนื่องจากตอนนั้นพี่สาวตน ถือว่าเป็นลูกน้องของเจ้าหนี้ เพราะทำหน้าที่ตามเก็บหนี้สินที่มีคนกู้ยืมไปให้อยู่แล้ว หลังจากนั้นพี่สาวตนก็นำข้าวไปจำนำกับรัฐบาลหวังจะมีเงินมาจ่ายหนี้ แต่ล้มเหลว จึงทำให้ไม่มีเงินจ่ายตามกำหนด เจ้าหนี้มักโทรมาทวงหลายครั้ง บอกให้พี่สาวตนเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่ทั้งหมดในบ้านไปขายเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ 

 “เจ้าหนี้บอกตนว่าให้ขายบ้านที่พี่สาวตนอาศัยอยู่มาใช้หนี้ด้วย แต่พี่สาวบอกว่าถ้าขายบ้านไปก็ไม่มีที่อยู่ เจ้าหนี้ก็ตอบกลับมาว่า ถ้าไม่มีเงินใช้หนี้ก็ไปผูกคอตายซะ  ทั้งนี้ ยังเคยให้ตำรวจมาพาตัวพี่สาวตนขึ้นรถเพื่อพาไปตกลงเรื่องหนี้สิน แต่เราก็ไม่ยอมให้เขาพาตัวพี่สาวไป เกรงจะเกิดอันตราย” น.ส.จันทร์จ๋า กล่าว

 น.ส.จันทร์จ๋า กล่าวต่ออีกว่า พี่สาวตนร้องห่มร้องไห้ เพราะหนี้เพิ่มขึ้นมาเป็นเงินกว่า 3.5 ล้านบาทเนื่องจากไม่ได้ชดใช้มาเป็นเวลาหลายปี พอไปร้องเรียนกับทางผู้ว่าฯก็ได้ลดหย่อนหนี้มาเหลือ 1.5 ล้านบาท พี่สาวก็ยังไม่มีเงินใช้คืน เคยทวงถามกับผู้ว่าฯว่าทำไมกู้เงินมาเพียง 3.5 แสนบาท แต่ต้องใช้ถึง 1.5 ล้าน แต่ผู้ว่าก็ตอบกลับมาว่า  จะไปรู้กับมึงหรือ  

 “เมื่อเห็นตามข่าวว่าหากชาวนาเดือนร้อนให้มาขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลได้ จึงพาพี่สาวเข้ามาขอความเป็นธรรม ซึ่งก็มากับพี่สาวด้วยทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ปล่อยให้พี่สาวมาคนเดียว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น” น.ส.จันทร์จ๋า กล่าว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ห้องไอซียู ศัลยกรรม ชั้น 4 รพ.วชิระ น.ส.จันทร์จ๋า ได้เดินทางมาเยี่ยมนางสังเวียนที่โรงพยาบาลเพื่อจะมาบอกข่าวดีว่า เจ้าหนี้ยอมยกหนี้สินทั้งหมด จำนวน 1.5 ล้านบาท รวมทั้งให้สิทธิเข้าทำกินในที่ดินดังเดิม แต่แพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม 

 โดย น.ส.จันทร์จ๋า กล่าวว่า ในเรื่องการยกหนี้สินในความคิดเห็นส่วนตัวยังไม่มั่นใจ เนื่องจากไม่เห็นหลักฐานยืนยันที่เป็นลายลักอักษร แต่เมื่อช่วงค่ำเมื่อวาน เจ้าหนี้โทรศัพท์มาบอกว่ายกหนี้ให้แล้วและให้กลับมาใช้ที่นาเช่นเดิม แต่ตนยืนยันว่าจะไม่ให้พี่สาวเข้าไปทำกินในพื้นที่ของเจ้าหนี้ เพราะเข้าหน้ากันไม่ติดแล้ว ซึ่งตนกังวลเรื่องของความปลอดภัยหลังจากหายป่วย แต่ยังไม่ได้วางแผนอะไรปล่อยให้เป็นไปตามอนาคต  

 น.ส.จันทร์จ๋า กล่าวต่อไปว่า สำหรับอาการพี่สาวภายนอกนั้น สภาพบาดแผลที่มองเห็นด้วยดวงตาอย่างชัดเจน บริเวณช่วงแขนทั้งสองข้างมีบาดแผลพลุพอง ผิวหนังหลุดลอก มีน้ำเหลืองไหล นอกจากนี้ยังเป็นห่วงเรื่องดวงตาที่ยังไม่สามารถลืมขึ้นมาได้ และห่วงบาดแผลบริเวณหูขวาที่มีรอยไหม้หนัก ทั้งนี้ ยังไม่ได้คุยกับพี่สาวเนื่องจากยังมีการต่อท่อช่วยหายใจอยู่ แต่เมื่อพูดกับพี่สาวมีการตอบสนองด้วยการพยักหน้า และขยับแขนโต้ตอบกลับมา

 ด้าน น.พ.พลเลิศ พันธุ์ธนากุล รองคณบดีฝ่ายบริการปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ รพ.วชิรพยาบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี มีภาวะแทรกซ้อน เริ่มจะมีอาการไข้ แต่ทางคณะแพทย์กำลังทำการวินิจฉัย ว่าอาการไข้นั้นเกิดจากพิษของบาดแผลหรือไม่ ส่วนในภาพรวม อาการของคนไข้ถือว่ายังทรงตัว ทั้งในเรื่องของการหายใจและการมองเห็นยังต้องประเมินรายละเอียดในการรักษาอีกครั้งในวันนี้เวลา 16.00 น. ทางคณะแพทย์ผู้รักษาจะแถลงรายละเอียดความคืบหน้าอาการของนางสังเวียนอีกครั้ง 

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์