ขึ้นจอล่าโจรลักรถ ทุกสี่แยกทั่วกรุง ตร.จับมือเอกชน

ขึ้นจอล่าโจรลักรถ ทุกสี่แยกทั่วกรุง ตร.จับมือเอกชน

"บิ๊กอ๊อด" สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เปิดโครงการปฏิทินหมายจับ "The Most Wanted by ศปจร.น." เตรียมนำหมายจับผู้ต้องหาคดีโจรกรรมรถ ขึ้นประกาศบนจอภาพโฆษณาตามสี่แยกทั่วกรุง หวังให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส พร้อมตั้งเงินนำจับเป็น 3 กลุ่ม เผยศาลชี้นำหมายจับเผยแพร่ได้ อนาคตเล็งนำภาพรถหายประชาสัมพันธ์ด้วย พร้อมขยายผลดำเนินงานไปยังเชียงใหม่ หาดใหญ่ พัทยาและภูเก็ต เผยก่อนหน้านี้เคยนำภาพคนหายขึ้นประกาศแล้วได้ผลดี

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปจร.ตร.) และพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.ผบช.น. ร่วมเปิดโครงการปฏิทินหมายจับ "The Most Wanted by ศปจร.น." โดยมีสมาคมประกันวินาศภัยไทย และชมรมสินไหมยานยนต์ สนับสนุนเงินรางวัลนำจับให้กับผู้แจ้งเบาะแส เมื่อสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามปฏิทินหมายจับได้

จากนั้น พล.ต.อ.สมยศได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) มูลนิธิกระจกเงา และสมาคมประกันวินาศภัย


 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การติดตามการแจ้งและ จับกุมผู้ต้องหาตามปฏิทินหมายจับ "The Most Wanted by ศปจร.น." รวมถึงข้อมูลคนหาย ผ่านสื่อดิจิตอล บิลบอร์ดของบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ที่ติดตามสี่แยกต่างๆ ในกทม. โดยมีพล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารคนหายและศพนิรนาม พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รองผอ.ศูนย์ และข้าราชการตำรวจในสังกัดบช.น.รวม 88 สถานี ร่วมเป็นสักขีพยาน

พล.ต.อ. สมยศกล่าวว่า ได้ประสานงานกับบริษัท แพลน บีฯ เพื่อนำภาพคนหายเผยแพร่ผ่านจอแอลอีดีของบริษัทที่ติดอยู่ทั่วกทม. มาตั้งแต่ปี 2556

 แต่ยังไม่ประชาสัมพันธ์ เนื่องจากต้องรอดูผลตอบรับ ซึ่งได้ผลดีมีการตามหาเด็กหายได้จากการประชาสัมพันธ์ผ่านจอภาพโฆษณา กระทั่งครั้งนี้พล.ต.ท.จักรทิพย์ และพล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวส รองผบช.น. ในฐานะหัวหน้าศปจร.น. มีแนวคิดนำหมายจับผู้ต้องหาในคดีโจรกรรมรถ มาเผยแพร่ผ่านจอแอลอีดีโฆษณาด้วย เพื่อให้ประชาชนมีส่วนช่วยในการสืบหาคนร้าย โดยปรึกษาหารือกับศาลแล้วว่าสามารถเผยแพร่หมายจับได้ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวน

พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า ในอนาคตข้างหน้าจะพัฒนานำภาพรถหายเผยแพร่ประชา สัมพันธ์ด้วย

 เพื่อเป็นการใช้ช่องทางสื่อให้เป็นประโยชน์ในการทำงาน โดยมองว่าเป็นการดึงภาคเอกชนเข้าช่วยเหลืองานตำรวจ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยงานให้ตำรวจทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการคิดใหม่ คิดต่าง ทำต่าง โดยจะเริ่มจากใน กทม.และขยายไปทำแบบเดียวกันในเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ พัทยาและภูเก็ต

พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า ปัญหาการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วง

 ส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการรถของประเทศเพื่อนบ้าน และความต้องการใช้อะไหล่รถมือสอง อีกทั้งการนิยมรถสวมซากก็เป็นอีกปัจจัยของรถหาย ซึ่งขณะนี้ศปจร. สามารถรวบรวมหลักฐานรถที่ถูกโจรกรรมแล้วนำสวมซากได้กว่า 600 คันแล้ว สำหรับขบวนการโจรกรรมรถนั้น คนร้ายพัฒนารูปแบบการก่อเหตุ มีการใช้ความชำนาญเฉพาะด้านแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นขั้นตอน และในบางครั้งมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการกระทำผิดด้วย ส่วนกรณีความร่วมมือว่าด้วยการประชาสัมพันธ์ข้อมูลคนหาย เป็นความต่อเนื่องที่เกิดขึ้นจากการที่ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สายด่วน 1192 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติรับแจ้งเหตุ รถหายประจำศูนย์ตลอดเวลา 24 ช.ม. โดยไม่มีวันหยุด

ด้าน พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า การทำปฏิทินหมายจับผู้ต้องหาในคดีโจรกรรมรถ และนำภาพหมายจับเผยแพร่ผ่านสื่อบิลบอร์ด

 เพื่อให้คนไม่ดีไม่มีที่ยืนในสังคม โดยให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาและกระตุ้นให้ตำรวจตามจับกุม เพราะคดีรถหายยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะรถกระบะและรถเก๋ง ส่วนยี่ห้อที่เป็นที่นิยมของตลาดมักถูกโจรกรรม ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสมาคมประกันวินาศภัยร่วมลงขันรางวัลนำจับผู้ ต้องหาตั้งแต่ระดับสั่งการไปจนถึงระดับปฏิบัติการ โดยแบ่งหมายจับเป็น 3 กลุ่ม ตามรางวัลนำจับ ตั้งรางวัลนำจับ 50,000 บาท 10 ราย รางวัลนำจับ 30,000 บาท 20 ราย และรางวัลนำจับ 15,000 บาท 20 ราย เชื่อว่าหลังหมายจับแพร่ตามสื่อต่างๆ จะทำให้สามารถตามจับกุมผู้ต้องหาได้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์