ต้านรื้อรังนกกระจอกเก่า! ทำสวนหย่อม นักข่าวอาวุโสถามคสช.ไหนบอกไม่แทรกแซงสื่อ?

ต้านรื้อรังนกกระจอกเก่า! ทำสวนหย่อม นักข่าวอาวุโสถามคสช.ไหนบอกไม่แทรกแซงสื่อ?

 รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการปรับปรุงอาคารสถานที่ภายในทำเนียบรัฐบาลนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.ค. มีรายงานข่าวจากข้าราชการระดับสูง ทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า นอกจากการย้ายศูนย์แถลงข่าวตึกนารีสโมสร ไปอยู่ที่ตึกบัญชาการ 2 จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แผนการรื้อห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 1 หรือรังนกกระจอกเก่านั้น ได้มีแผนที่จะใช้พื้นที่ทำเป็นสวนหย่อมสำหรับพักผ่อน และย้ายให้สื่อมวลชนทั้งหมดไปรวมกันอยู่ที่ห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 2 โดยจะขอฟังความเห็นจากสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลในสัปดาห์หน้า  

 อย่างไรก็ตามเมื่อมีกระแสข่าวออกไป ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และกระแสต่อต้านจากสื่อมวลชน
 
เนื่องจากรังนกกระจอกเก่าแห่งนี้ ถือเป็นห้องปฏิบัติการสื่อมวลชนที่อยู่คู่กับทำเนียบรัฐบาล จนกลายเป็นสัญลักษณ์ส่วนหนึ่งของทำเนียบฯ มาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2522 หรือ ประมาณ 35 ปีที่แล้ว   อีกทั้งที่มีการเพิ่มห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 2 ก็เพื่อลดความแออัดของจำนวนสื่อมวลชน เนื่องจากมีปริมาณเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ปัจจุบัน

 “ที่มีแผนการย้ายรังนกกระจอกเก่าออกไปนั้น สาเหตุหลักเนื่องจากรังนกกระจอกเก่า อยู่ใกล้กับตึกนารีสโมสร ซึ่งมีแผนปรับเป็นสถานที่รับรองรองนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จึงไม่ต้องการให้สื่อมวลชนอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว เพื่อป้องกันข่าวสารรั่วไหล” แหล่งข่าวกล่าว

 ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล รายหนึ่ง เปิดเผยว่า รังนกกระจอกเก่า ถือเป็นสัญลักษณ์คู่กับทำเนียบรัฐบาลมานานหลายสิบปี
 
ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ของนักข่าวประจำทำเนียบฯ นั้น ก็เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยทุกคนต้องมีการติดบัตรแสดงตน มีสังกัดอย่างชัดเจน แผนการรื้อรังนกกระจอกเก่าครั้งนี้ ไม่มีเหตุอันควร  ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศจะไม่เข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน แต่เมื่อมีข่าวออกมาเช่นนี้แล้วจะให้เหตุผลอย่างไร

 “นักการเมืองหรือรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากพลเรือนหรือทหาร เข้ามาแล้วก็กลับออกไป แต่สถานที่สำคัญต่างๆ จะอยู่คู่เป็นสัญลักษณ์ประจำทำเนียบรัฐบาลตลอดไป เพียงการย้ายศูนย์แถลงข่าวตึกนารีสโมสรก็ไม่น่าเกิดขึ้นแล้ว”