คพ.ลงพื้นที่กาฬสินธุ์ ตะลึงชุมชนแกะของเก่า ไม่มีการป้องกันสารเคมี

คพ.ลงพื้นที่กาฬสินธุ์ ตะลึงชุมชนแกะของเก่า ไม่มีการป้องกันสารเคมี

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 10-12 มิถุนายน นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.)

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และเจ้าหน้าที่จากส่วนจัดการขยะ กากของเสีย และคุณภาพอากาศ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 10 ได้เดินทางลงพื้นที่ชุมชนโคกสะอาด อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ที่เป็นพื้นที่ ที่ชาวบ้านรับซื้อของเก่า โดยเฉพาะซากเครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ รถยนต์ รถจักรยาน จักรยานยนต์ จากทั่วประเทศ มาคัดแยก เอาชิ้นส่วนต่างๆออกมาเพื่อนำไปขายต่อให้ประเทศเพื่อนบ้าน

นายวิเชียรได้เข้าประชุม รับฟังความคิดเห็น และข้อมูลจากนักวิชาการที่ได้เข้ามาเก็บข้อมูลในพื้นที่
 
โดยนักวิชาการ ได้แสดงความเป็นห่วง ถึงปัญหาที่เกิดในพื้นที่เวลานี้ คือ ระหว่างทำงานคัดแยก ชาวบ้านไม่มีการป้องกันตัวเองจากสารเคมีที่อยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้า และซากอิเล็คทรอนิกส์ดังกล่าว โดยเฉพาะโลหะหนัก ทั้งตะกั่ว ปรอท มังกานิส และสารอะซินิค หรือสารหนู ทำให้สารเคมีอันตรายเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายและปนเปื้อนในธรรมชาติจนน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง 

หลังจากนั้น นายวิเชียร และคณะ ได้ลงพื้นที่ ที่ ต.โคกสะอาด

พบว่า ชาวบ้านเกือบทั้งตำบล ต่างก็รับซื้อเอาเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็ครอนิก์ เช่น โทรศัพท์มือถือเก่า คอมพิวเตอร์เก่า มาแยกส่วนเพื่อนำไปขายต่อ หรือไม่ก็ส่งต่อไปซ่อม เพื่อขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน โดยบ้านเกือบทุกหลังต่างก็มีเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า โดยเฉพาะ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และซากโทรศัพท์มือเก่า วางระเกะระกะอยู่ใต้ถุนบ้านแต่ละหลังจำนวนมาก

นายวิเชียร ให้สัมภาษณ์ว่า จากข้อมูลพบว่า  พื้นที่ อ.ฆ้องชัย นั้นมีผู้ประกอบอาชีพรับซื้อขาย
 
และคัดแยกของเก่าประเภทซากเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ แบ็ตเตอรรี่ และเครื่อยนต์จำนวน 283 ราย เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่จำนวน 8 ราย โดย ต.โคกสะอาด มีผู้ประกอบการรับซื้อขายละคัดของเก่ามากที่สุด 240 ราย มีการขอใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพถูกต้อง 157 ราย มีปริมาณซากเครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนรถยนต์ และซากอิเล็กทรอนิกส์ ที่นำเข้าในพื้นที่ 767  ตัน ต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นโลหะที่เป็นเหล็กประมาณ 330 ตัน ต่อเดือน ชิ้นส่วนรถยนต์ จักรยายยนต์ประมาณ 172 ตัน ต่อเดือน พลาสติกประมาณ 86 ตัน ต่อเดือน และโลหะอื่นๆประมาณ 77 ตัน ต่อเดือน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเคทรอนิกส์ ประมาณ 64 ตัน ต่อเดือน

นายวิเชียร กล่าวว่า พบด้วยว่า ในพื้นที่ดังกล่าวนั้นมีปริมาณซากเครื่องใช้ไฟฟ้ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และซากอิเล็กทรอนิกส์ ที่ไม่สามารถนำไปขาได้อีก ได้แก่ เศษโฟมฉนวนตู้เย็น เศษพลาสติก เศษยาง และอื่นๆมีปริมาณ 20 ตัน ต่อเดือน โดยมีการนำไปกำจัดบริเวณพื้นที่บ้านหนองมะทอ หมู่ที่ 8 ต.โคกสะอาด เนื้อที่ราว 25 ไร่

“ประเด็นที่เราเป็นห่วงมากคือ ในกระบวนการรื้อเครื่องยนต์ และคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ หรือตู้เย็นจะมีน้ำมันเครื่องไหลลงพื้น การเทน้ำกรดจากแบตเตอรี่ การทิ้งเศษกระจกจากจอโทรทัศน์ การทุบแผงวงจรไฟฟ้า เพื่อนำวัสดุไปขาย รวมทั้งการเผากองวัสดุ ทั้งนี้จากรายงานของกรมควบคุมโรคพบว่า ผลการตรวจวัดโลหะหนักในดินบริเวณระบบกำจัดขยะของอบต.โคกสะอาด พบปรอท 0.70 ไมโครกรัม ต่อกิโลกรัม ตะกั่ว 79,520 ไมโครกรัม ต่อกิโลกรัม นิกเกิ้ล 75.2 ไมโครกรัม ต่อกิโลกรัม และแมงกานีส 1,519 ไมโครกรัม ต่อกิโลกรัม และผลการตรวจวัดตัวอย่างดินบริเวณบ้านที่มีการสะสมและค้าของเก่า พบว่า การตรวจวัดโลหะหนัก คือ ตะกั่ว 26,693.53 ไมโครกรัม ต่อกิโลกรัม นิกเกิ้ล 618.82 ไมโครกรัม ต่อกิโลกรัม อาร์ซินิค หรือสารหนู 151.08 ไมโครกรัม ต่อกิโลกรัม และแมงกานิส 3,339.51 ไมโครกรัม ต่อกิโลกรัม”

อธิบดีคพ.กล่าวว่า และจากการตรวจสอบโดยเก็บตัวอย่างดิน น้ำ ในพื้นที่ ต.โคกสะอาด เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557

โดยเก็บตัวอย่างดินและน้ำอย่างละ 5 จุด วิเคราะห์ผลโดยห้องปฏิบัติการคพ.ผลการวิเคราะห์ตัวอย่างดินบริเวณสถานที่เก็บขยะของอบต.โคกสะอาด และบ้านที่ประกอบกิจการแยกชิ้นส่วนจอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ และรับซื้อชิ้นส่วนขยะอิเล็คทรอนิกส์ ที่แยกชิ้นส่วนแล้ว ซึ่งประกอบกิจการมานานหลายปี ความเข้มข้นองโลหะหนัก ตะกั่ว และอาร์ซินิค มีค่าสูงกว่ามาตรฐานคุณภาพดินที่ใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย และทำการเกษตร รวมทั้งทองแดง มีค่าเกินมาตรฐาน เช่นเดียวกัน โดยกำหนดค่ามาตรฐานไว้ที่ไม่เกิน 4,300 กิโลกรัม ต่อไมโครกรัม และสังกะสี ก็มีค่าเกินมาตรฐาน ซึ่งกำหนดไว้ไม่เกิน 7,500 ไมโครกรัม ต่อ กิโลกรัม 

ส่วนบริเวณนาข้าวที่ อยู่ใกล้กับสถานีกำจัดขยะของอบต.โคกสะอาด
 
และบ้านที่มีการแยกชิ้นส่วนจอโทรทัศน์ และจอคอมพิวเตอร์ที่เริ่มดำเนินการมาแล้ว 1 ปี สามารถตรวจพบโลหะหนักปนเปื้อนในดิน เช่น แคดเมี่ยม โครเมี่ยม ทองแดง แมงกานีส นิเกิ้ล ตะกั่ว และสังกะสี และยังพบการปนเปื้อนของโลหะหนักดังกล่าวบริเวณหนองบัว และหนองเม็ก ซึ่งเป็นหนองน้ำสำหรับเลี้ยงสัตว์ ในพื้นที่ แต่ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

"ในส่วนของปัญหามลพิษทางอากาศ พบว่า ในกระบวนการเผาชิ้นส่วนเพื่อแยกเอาของมีค่า เช่น สายไฟขนาดเล็กเพื่อแยกเอาทองแดง เผายางรถยนต์ และจักรยานยนต์เพื่อเอาเส้นลวด รวมทั้งชิ้นส่วนอื่นๆที่ขายไม่ได้ เช่น โฟม ที่บางเดือนมีมากถึง 20 ตัน และปัญหาฝุ่นขนาดเล็กจากการแยกชิ้นส่วน ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ และความเดือดร้อนรำคาญ โดยจากการตรวจเลือดหาสารตะกั่ว พบว่า มีเด็ก 1 รายมีการปนเปื้อนตะกั่วในเลือด และมีประชาชนได้รับผลกระทบในระดับเสี่ยงสูง จำนวน 93 ราย เป็นผู้ประกอบการ 43 ราย เด็กนักเรียน 50 ราย"

รศ.เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร(มน.) หัวหน้าโครงการศึกษาผลกระทบ

และแนวทางการแก้ปัญหาจากการคัดแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรีไซเคิ่ลในเขตพื้นที่ชุมชนโคกสะอาด อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ของเก่าที่ถูกรับซื้อขายจากทั่วประเทศเกือบทั้งหมดจะถูกรวบรวมมาอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอนาคตอันใกล้ เมื่อมีกาีเปลี่ยรแปลงระบบ จากอนาล็อค เป็นดิจิต้อล ทำให้โทรทัศน์ ราว 60 ล้านเครื่อง จะถูกทิ้ง และทะยอย ส่งมาแยกชิ้นส่วรที่นี่ทั้งหมดภายในเวลา 5 ปี นับจากนี้ ส่วนหนึ่งจะแยกอุปกรณ์บางอย่างข้างในออกมาขาย อีกส่วนจะส่งไปซ่อมและขายต่ออีกรอบ รายได้ค่อนข้างดี เช่น โทรทัศน์ 1 เครื่อง รับซื้อมาในราคาเครื่องละ 80-100 บาท หากแกะชิ้นส่วนดีๆชิ้นส่วนนั้นจะขายได้ปีะม่ณ 300-600 บาท หรือตัว ซีพียู จากคอมพวเตอร์ แกะออกมาแล้ว ขายได้ถึงกิโลกรัมละ 5 พันบาท เป็นต้น

"แต่สภาพการทำงานของชาวบ้านเราเป็นห่วงอย่างยิ่ง ไม่มีระบบการป้องกันตัวเองระหว่างการแกะ ชิ้นส่วนเหล่านั้นเลย บางคนตัวเปล่า มือเปล่า รองเท้าแตะ  นั่งงัด จอโทรทัศน์ แบตเตอร์รี่มือถือ สารเคมีและสารพิษ ก็ฟุ้งกระจาย แต่อาจจะมองไม่เห็น ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีระบบหรือวิธีการป้องกันภัยอะไร กระทั่งตัวชาวบ้านผู้ประกอบการเองก็ไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือกับส่วนราชการที่ลงพื้นที่เห็บข้อมูลมากนัก เพราะกลัวจะถูกเสียภาษีเพิ่ม อย่างไีรก็ตามในภาพรวม ทุกคนก็อย่กจะมีระบบป้องกันตัวเองจากการทำงานที่เป็นอยู่เช่นเดียวกัน

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์