แจกเงียบจตุคาม เงินไหลมารุ่นเหยียบกันตาย

กระจายตามวัดต่างๆ โรยตัวฉกอีกร้านที่นคร



เจ้าอาวาสวัดพระนคร ผู้จัดสร้างจตุคามฯ รุ่น "เงินไหลมา 2" ที่แย่งจองถึงเหยียบกันตาย

ออกมาระบุวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวแจกจ่ายให้กับวัดต่างๆ

หมดแล้ว แบ่งเป็น 41 กอง คิดกองละ 3.5 แสนบาท ให้นำเงินไปบูรณปฏิสังขรณ์วัดเมืองคอน พัทลุง สงขลา ลพบุรี แต่มีข้าราชการระดับบิ๊กคนหนึ่งงุบงิบทำให้วัดต้องเสียโอกาสกว่า 20 แห่ง

เอาไว้เพียงคนเดียว เผยจุดประสงค์

ต้องการจะกระจายองค์จตุคามฯ ให้ถึงมือชาวบ้านจริงๆ ขณะเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้าไปโจรกรรมลักองค์จตุคามฯ กลางเมืองคอน ได้รุ่นดังๆ ไปนับร้อยองค์

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 เม.ย.

ที่วัดพระนคร ต.ในเมือง อ.เมือง นครศรีธรรมราช พระมหาไมตรี ปภารตโน เจ้าอาวาสวัดพระนคร ซึ่งเป็นประธานจัดสร้างวัตถุมงคลองค์จตุคามรามเทพรุ่น "สรงน้ำพระบรมธาตุ 50" หรือรุ่น "เงินไหลมา 2"

ที่เกิดปัญหาชาวบ้านยื้อแย่งเข้าไปจองแล้วเหยียบกันตาย 1 ศพ

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา และยังเกิดปัญหาอีกหลายครั้งเกี่ยวกับการจับจองวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าว ล่าสุดพระมหาไมตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแจกจ่ายวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวว่า



มีการประชุมกันว่าการแจกจ่ายวัตถุมงคลรุ่นนี้

ทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว จึงมีความเห็นว่าให้แจกจ่ายให้กับวัดต่างๆ ที่ต้องการบูรณะซ่อมแซมหรือจัดสร้างอะไรก็แล้วแต่ แบ่งเป็น 41 กอง ดูว่าวัดไหนต้องการก็ให้ทำหนังสือแจ้งวัตถุประสงค์มา

โดยวัดต่างๆ ทำหนังสือและถ่ายภาพของการบูรณะเข้ามาเยอะมาก

โดยแต่ละวัดจะให้ไปคิดเป็นมูลค่า 350,000 บาทเท่ากันหมด เป็นราคาต้นทุน จากนั้นได้พิจารณากันว่าวัดใดเหมาะที่จะได้วัตถุมงคลรุ่นนี้ไป แต่เป็นการเช่าบูชาจากวัดพระนครด้วย ไม่ใช่ให้เปล่าๆ

พระมหาไมตรีกล่าวต่อไปว่า

การนำจตุคามฯไปเปิดให้เช่าของแต่ละวัด ได้ขอร้องว่า "เหรียญพิมพ์เล็ก" ให้เช่าไม่เกิน 200 บาท พิมพ์ใหญ่ไม่เกิน 250 บาท อีกอย่างต้องเปิดบูชาให้กับคนในละแวกหมู่บ้านก่อน ก่อนจะให้นายทุนหรือกลุ่มที่หาผลประโยชน์อื่นๆ

มาเช่าต่อ มิเช่นนั้นจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงได้

และทุกวัดที่ได้ไปก็ตกลงด้วยดี ซึ่งถือว่าวัตถุมงคลตกอยู่กับญาติโยมทุกคน อย่างน้อยก็ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชุมชน วัด โรงเรียน ซึ่งจริงๆ แล้วในตอนแรกทางวัดจะขึ้นป้ายประกาศว่ามอบให้วัดไหนบ้าง

แต่กลัวว่าหากขึ้นป้ายแล้วทางวัดจะลำบาก

เพราะมีคนเฮกันไปมากจึงตัดสินใจว่าอย่าทำอย่างนั่นดีกว่า และที่ได้แจกจ่ายให้วัดต่างๆ ไปแล้ว มีทั้งวัดในจ.นครศรีธรรมราช, พัทลุง, สงขลา หรือภาคกลางคือที่จ.ลพบุรี แต่ส่วนใหญ่จะแจกจ่ายให้กับวัดในจ.นครศรีธรรมราชมากที่สุด



พระมหาไมตรีกล่าวอีกว่า เป็นปัญหาอีกอย่าง

ก็คือวัตถุมงคลในส่วนที่จะแจกจ่ายให้กับวัดต่างๆ ส่วนหนึ่งถูกตัดตอนไปรวม 20 วัด โดยให้ตำรวจส่วนหนึ่ง ทหารส่วนหนึ่ง มูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท ส่วนนี้ถูกตัดไว้โดยข้าราชการระดับสูงคนหนึ่ง

ไม่นับรวมกับคนที่มาด้วยกันอีก 2-3 คน

คนละราว 1 ล้านบาท และล่าสุดมีการออกใบปลิวให้ชาวบ้านทราบแล้วว่าข้าราชการคนนั้นรับวัตถุมงคลจากวัดไปแล้วในราคา 6 ล้านบาทเพื่อให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงแล้ว

คิดว่าประชาชนจะไปรอจากข้าราชการคนดังกล่าวแล้ว

และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้รู้จักคนมากขึ้น หมายถึงรู้ถึงกิเลสของคนซึ่งบางครั้งเรามองเพียงภายนอกว่าเป็นคนดี แต่เมื่อมีเรื่องขึ้นมาเรารู้หมดว่าคนคนนั้นเป็นอย่างไร

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องที่เกิดขึ้น

ว่าเป็นเหตุวิบัติหรือไม่นั้น พระมหาไมตรีกล่าวอีกว่าไม่ได้อยู่ที่วัตถุมงคล หรือมวลสารต่างๆ ที่มาจัดสร้างวัตถุมงคล แต่มันอยู่ที่คนเพียงอย่างเดียว สิ่งนี้เป็นของกลางๆ จะพูดให้ดีก็ได้ พูดให้ร้ายก็ได้

ใครจะด่าอย่างไรวัตถุมงคลก็อยู่เฉย

และนี้คือวัตถุมงคล เป็นสิ่งมีมงคล ถ้านำสิ่งที่เป็นมงคลไว้ในคนก็ไม่วิบัติ แต่ถ้านำเอาสิ่งอัปมงคลมาใส่ตัวเองก็จะเป็นวิบัติ แต่ทุกอย่างบุคคลจะเห็นเป็นเม็ดเงินไปหมด และในส่วนตัวนั้นรู้สึกว่าเมื่อวัตถุมงคลทั้งหมดได้แจกจ่ายไปหมดแล้วก็รู้สึกโล่งใจสบายใจขึ้น



เวลา 02.30 น. มีชาวบ้านนับ 1,000 คน

ไปชุมนุมกันที่วัดปุด ม.1 ต.ลานสกา อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากได้ทราบข่าวว่าจะมีคนไปขอเช่าวัตถุมงคลรุ่นสรงน้ำพระบรมธาตุ 50 หรือรุ่นเงินไหลมา 2 แต่ทางวัดไม่มีวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวให้เช่า

ซึ่งบางคนที่ไปรอเช่าต่างแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เพราะถูกหลอกมาแล้วหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการสร้างกระแสของกลุ่มผลประโยชน์ที่มีวัตถุมงคลรุ่นนี้จำนวนมาก วางแผนสร้างข่าวลือให้ชาวบ้านไปกันมากๆ แล้วนำวัตถุมงคลไปปล่อยในราคาที่แพงๆ ทำให้บางคนที่มาแล้วไม่ได้พระโกรธดังกล่าว

ก่อนหน้านี้เวลา 01.30 น.วันเดียวกัน

พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.อ.เมือง นครศรีธรรมราช รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายงัดแงะร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ชื่อร้าน "กะโรมโฟนช็อป" เลขที่ 99/29 ถ.กะโรม ต.โพธิ์เสด็จ

จึงนำกำลังตำรวจไปตรวจสอบพบ

เจ้าของร้านคือนายพงศกร เพิงรัตน์ อายุ 36 ปี ยืนรอเจ้าหน้าที่และนำเข้าไปตรวจสอบภายในร้าน พบว่าที่หลังคาและฝ้าเพดานถูกคนร้ายรื้อออก คาดว่าคนร้ายหย่อนตัวเข้ามาขโมยทรัพย์สินภายในร้านหายไปจำนวนมาก



นายพงศกรให้การว่า

ช่วงเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ที่ร้านเนื่องจากไปร่วมงานแต่งงานของญาติจนดึก เมื่อกลับมาถึงพบว่าหลังคาเปิดและมีร่องรอยรื้อค้นกระจัดกระจาย ส่วนทรัพย์สินที่หายไปเป็นวัตถุมงคลจตุคามรามเทพรุ่นต่างๆ

ที่สะสมไว้รวมประมาณ 100 องค์

มูลค่ากว่า 1 แสนบาท โทรศัพท์มือถือ 20 เครื่อง มูลค่าประมาณ 60,000 บาท เงินสด 4,000 บาท และสร้อยทองคำ 2 บาท รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 2.4 แสนบาท นอกจากนั้นยังมีการงัดแงะตู้เก็บพระเครื่องและตู้กระจกแต่ก็งัดไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่

กองวิทยาการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางไปตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายเพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามคนร้าย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะก่อเหตุเพียงลำพังและรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าของร้านเป็นอย่างดี ซึ่งจะสืบสวนสอบสวนตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์