กองสลากฯ เล็งออกหวยขูด แก้ลำลอตเตอรี่แพง

กองสลากฯ เล็งออกหวยขูด แก้ลำลอตเตอรี่แพง

ขณะที่ความคืบหน้าการออกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ด้วยเครื่องอัตโนมัติ (หวยตู้) นั้น สำนักงานสลากฯ ยืนยันว่ามีความพร้อมดำเนินการ

พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานสลากฯ กำลังรวบรวมข้อมูลการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเฉพาะสลากขูดให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่า สามารถดำเนินการออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้ขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สำนักงานสลากฯ พ.ศ. 2517 กำหนดไว้ เนื่องจากปัจจุบันไทยมีผลิตภัณฑ์สลากกินแบ่งรัฐบาล (ลอตเตอรี่) เพียงอย่างเดียว ส่งผลให้ตลาดเกิดการผูกขาด ทำให้ราคาลอตเตอรี่ปรับตัวสูงขึ้น แต่หากเพิ่มผลิตภัณฑ์แบบสลากขูด จะช่วยแก้ปัญหาลอตเตอรี่เกินราคา และยังต่อสู้กับปัญหาหวยใต้ดิน รวมทั้ง คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้นำส่งคลังได้กว่าปีละ 40,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของเงินที่หมุนเวียนในระบบหวยใต้ดินที่มีกว่าปีละ 100,000 ล้านบาท

“ที่ ผ่านมาการศึกษาคณะทำงานสำนักงานสลากฯ พบว่าข้อกฎหมายและรูปแบบของสลากขูด สามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.สลาก พ.ศ. 2517 ซึ่งเป็นการออกในรูปแบบการกุศลเฉพาะกิจ และยังเป็นกิจการลอตเตอรี่ที่ทุกประเทศยอมรับ โดยเชื่อว่าหากดำเนินการได้จริงจะช่วยลดปัญหาการจำหน่ายลอตเตอรี่เกินราคา และยังต่อสู้ปัญหาหวยใต้ดินที่เป็นการเสี่ยงโชคผิดกฎหมาย รวมทั้งเพิ่มเงินรายได้เข้าคลังเพื่อนำไปช่วยสังคมเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ส่งเข้าคลังปีละประมาณ 15,000 ล้านบาท แต่เพื่อความรอบคอบคงต้องปรึกษาสำนักงานกฤษฎีกาอีกครั้ง เพราะสำนักงานสลากฯ มีพ.ร.บ.สลากกำหนดกรอบกำหนดไว้”

ขณะที่ความคืบหน้าการออกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ด้วยเครื่องอัตโนมัติ (หวยตู้) นั้น

สำนักงานสลากฯ ยืนยันว่ามีความพร้อมดำเนินการ แต่ยังติดปัญหาข้อกฎหมายของพ.ร.บ.สลาก พ.ศ. 2517 ที่ต้องแก้ไข และต้องรอนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่าจะมีแนวทางเช่นไร ซึ่งหากข้อกฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้ ก็สามารถทดลองวางเครื่องที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 1,800 เครื่องได้ทันที จากนั้นจะทยอยวางเครื่องที่เหลืออีกกว่า 3,000 เครื่องตามจังหวัดต่าง ๆ โดยผู้ขายจะต้องเข้ารับการอบรมกฎระเบียบข้อบังคับ ระยะเวลาการขาย

สำหรับ การจัดซื้อเครื่องออกรางวัลใหม่ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไอเอสโอ 5001 ขณะนี้คณะกรรมการสลากฯ

ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการเร่งศึกษาและแผนจัดซื้อเครื่องออกสลากฯ แบบอิเล็กทรอนิกส์ เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นระบบลมและลูก ที่มีมาตรฐานตรวจสอบได้จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเครื่องที่ประเทศในภาคพื้นเอเชียใช้ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น คาดว่าจะใช้เครื่องทั้งหมด 8 เครื่อง แบ่งเป็นการออกรางวัล 6 เครื่อง และกันสำรองไว้ 2 เครื่อง ส่วนมูลค่าการลงทุน คาดว่าอยู่ที่เครื่องละ 3 ล้านบาท ทั้งนี้จะรู้ผลได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้

“การ จัดซื้อเครื่องออกรางวัล สำนักงานสลากฯ จะเชิญผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักวิชาการด้านวิศวกรรมเข้าร่วมด้วย คาดว่าจะใช้เวลา 60 วันในการดำเนินการ ส่วนเครื่องออกรางวัลลาดกระบัง 6 จะยังใช้งานอยู่ เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษไม่ต้องใช้ระบบไฟฟ้าและเคลื่อนย้ายง่าย เชื่อว่าหากใช้เครื่องที่มีมาตรฐาน จะช่วยลดปัญหาคนที่มีจินตนาการว่าล็อกเลขเพราะเครื่องที่ใช้จะเหมือนกับ ประเทศทั่วไปที่มีมาตรฐานสากล”

นาง เบญจา หลุยเจริญ รักษาการ รมช.คลัง กล่าวถึงแนวคิดของสำนักสลากฯ เกี่ยวกับการออกสลากขูดว่า

ขณะนี้อยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการคงไม่เหมาะที่จะดำเนินการ เพราะต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม. แม้ว่าจะออกเป็นสลากการกุศลก็ต้องเสนอครม. โดยการออกสลากขูดนั้นคงต้องพิจารณาให้เหมาะสมว่าจะออกเพื่ออะไร หากออกเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลเท่าที่ศึกษาก่อนหน้านี้ในฐานะประธานสลากฯ พ.ร.บ.สลากฯ ไม่มีช่องในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นอกจากสลากฯ ใบ หากออกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่คงต้องรอการแก้กฎหมาย ซึ่งก่อนยุบสภากฎหมายสลากฯ ยังไม่ได้ถูกเสนอเข้าไปบรรจุวาระในสภา เป็นเรื่องที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเข้ามาตัดสินใจ

นาย สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่

โดยการออกสลากแบบขูดไม่สามารถทำได้เร็ว ๆ นี้ เนื่องจาก พ.ร.บ.สลากฯ อนุญาตให้มีเพียงผลิตภัณฑ์เดียว คือ สลากใบหากสำนักงานสลากจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รัฐบาลใหม่จะต้องแก้กฎหมายและส่งเรื่องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เห็นว่า หากต้องการแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคาหรือหวยใต้ดินนั้น คณะกรรมการสลากฯ และผู้บริหารควรใช้อำนาจการบริหารจัดสรรโควตาอย่างเป็นธรรม ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้

รายงาน ข่าวจากผู้ค้าส่งลอตเตอรี่ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีหากสำนักงานสลากฯ จะดำเนินการออกสลากแบบขูดมาเพิ่มเติม เพราะเป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้เหล่าบรรดาเซียนหวยสามารถเลือกซื้อได้หลากหลายมากขึ้น แม้อาจกระทบต่อยอดขายและทำให้ราคาสลากฯ ปรับลดลงมาบ้าง แต่ก็ไม่มาก.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์