ตรวจเข้มเหตุสลิงกระเช้าบันจี้จัมพ์ขาด

ตรวจเข้มเหตุสลิงกระเช้าบันจี้จัมพ์ขาด

จากกรณี ลวดสลิงยึดติดกับกระเช้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ในการประกอบ บันจี้จัมพ์ขาด ในสถานที่ให้บริการเล่นบันนจี้จัมพ์ แห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายพิทักษ์ชัย วงศ์ศรีชาอายุ 28 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นบันจี้จัมพ์ดังกล่าว และนายทศพร สุกศรี อายุ 27 ปี นายช่างประจำบันจี้จัมพ์ ชาวท้ายเหมือง จ.พังงา นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ นายอนุพงษ์ กันทาวงศ์ อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดพังงา เป็นพนักงานประจำกระเช้า หลังจากทั้งหมดขึ้นไปทำการทดสอบระบบก่อนที่จะเปิดให้บริการกลางดึกคืนที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวมาแล้วนั้น


ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 เม.ย. นายสำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง พร้อมด้วยนาย ศุภวัฒกัณฐ์ คุณลักษณ์ สท.ฉลอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.ฉลอง นายสิชล เหมือนเลื่อน วิศวกรโยธา รักษาราชการผู้อำนวยการกองช่างเทศบาลตำบลฉลองและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงตรวจสอบพื้นที่หลังเกิดเหตุลวดสลิงยึดติดกับกระเช้าซึ่งเป็นส่วนของอุปกรณ์ในการเล่นบันจี้จัมพ์อีกครั้ง ตรวจสอบหลังพบมีการยื่นขออนุญาตเพิ่มเติม

นายสำราญ กล่าวว่า ภายหลังตรวจสอบพื้นที่ว่า ก่อนหน้านี้ทางผู้ประกอบการ ได้มายื่นขออนุญาตในการก่อสร้างอาคาร คอนกรีตเสริมเหล็ก 1 ชั้น จำนวน 1 หลัง เพื่อให้เป็นอาคารสำนักงาน พื้นที่ 27.51 ตารางเมตร ก่อสร้างอาคาร คอนกรีตเสริมเหล็ก 1 ชั้น เพื่อเป็นอาคารบริการ พื้นที่ 9.00 ตารางเมตรและอาคาร คอนกรีตเสริมเหล็ก 1 หลัง เพื่อใช้เป็นบันจี้จัมพ์ ความสูง 12 เมตรซึ่งในยื่นขออนุญาตนั้นได้มีการแนวเอกสารประกอบมาอย่างถูกต้องและได้มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารเมื่อ วันที่ 21 ม.ค. 57 ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารแต่ยังไม่ได้มีการมายื่นขออนุญาตใช้งาน

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวนั้น ทราบว่า ทางผู้ประกอบการทำการทดลองระบบก่อน ที่จะมีการเปิดให้บริการจริง ซึ่งตามขั้นตอนนั้น ก่อนที่จะมีการเปิดบริการ จะต้องมายื่นขออนุญาตใช้อาคารอีกครั้ง และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ที่มีปัญหา คือ ตัวของอาคารที่เป็นบันจี้จัมพ์นั้น ก่อสร้างสูงกว่าที่ขออนุญาตไว้ ที่ 12 เมตร แต่ความสูงที่ก่อสร้างประมาณ 52 เมตร ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เบื้องต้นได้สั่งการให้ทางกองช่างฯ ทำหนังสือมาถึงผู้ประกอบการ ให้มีการปรับปรุงอาคารให้เป็นไปตามแบบที่ยื่นขออนุญาต และจะต้องระงับการใช้อาคารไปก่อน จนกว่าจะมีการปรับปรุงให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด”

นายสำราญ กล่าวด้วยว่า สำหรับกิจกรรมบันจี้จัมพ์ในพื้นที่ตำบลฉลองมีที่นี่ที่เดียว ซึ่งหากอนาคตจะมีผู้มายื่นขออนุญาตอีกก็จะเน้นย้ำเรื่องของความปลอดภัยเป็นสำคัญ รวมทั้งการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นก็จะมีผลกระทบมากต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว ส่วนเรื่องของคดีก็คงเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ที่จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์