ไข้หวัด2009 ยังอันตราย! คร่าชีวิตชาวอุดรฯ 2 ราย

ไข้หวัด2009 ยังอันตราย! คร่าชีวิตชาวอุดรฯ 2 ราย

ไข้หวัด2009 ยังอันตราย! คร่าชีวิตชาวอุดรฯ 2 ราย แพทย์เรียกประชุมรับมือ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 8 เมษายน 57 มีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ เกิดขึ้นกระจายไปทั่วทั้ง จ.อุดรธานี โดยผู้ป่วยอาการหนักจะถูกส่งตัว เข้ามารับการรักษาที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และมีผู้ป่วยเสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย รายแรกเป็นหญิงสูงอายุจาก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี รายที่สองก็เป็นหญิงอ้วนวัยกลางคนจาก อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี ทำให้ฝ่ายสอบสวนโรคต้องพื้นที่ ติดตามผู้สำผัสมารัยการเฝ้าระวัง 


นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า รับรายงานเบื้องต้นจากนายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี

ว่ามีผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยไข้หวัด 2 ราย เป็นไข้หวัดเกิดขึ้นตามฤดูกาล เชื้อระบาดจากคนสู่คน ไม่ใช่ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ หรือไข้หวัดนก ที่กำลังมีการระบาดอยู่ทั่วประเทศ เสียชีวิตเนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง และมีอาการป่วยต่อเนื่องนาน จึงสั่งการให้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ให้ตื่นตระหนกกับข่าวลือ พร้อมกันนี้ให้ประชาสัมพันธ์มาตรการป้องกัน และการดูแลเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนทันที  


นายแพทย์สมิต ประสันนาการ นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายจังหวัดมีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009

ที่เกิดจากเชื้อ H1N1 และก็มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว ในส่วน จ.อุดรธานี ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 13 ราย ซึ่งกระจายไปตามอำเภอต่างๆ เสียชีวิต 2 ราย นอนพักรักษาตัวที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี 1 ราย อาการดีขึ้นจนใกล้หายแล้ว ซึ่งในวันที่ 10 เมษายนนี้ ได้เรียกประชุมคณะแพทย์ พยาบาล บุคคลากรการแพทย์จากทุกอำเภอ เพื่อกำหนดแนวทางป้องกัน และรักษาให้ชัดเจน


"ปกติไข้หวัดใหญ่ 2900 มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ขึ้นสูงรุนแรง แต่ครั้งนี้เกิดระบาดก่อนฤดู และมีอาการไม่รุนแรงเหมือนเดิม โดยมีไข้ต่ำ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ เหมือนกับไข้หวัดทั่วไป ผู้เสียชีวิตสองราย เป็นผู้สูงอายุ และคนอ้วน คาดว่าเป็นเบาหวาน เมื่อเป็นไข้ไปตรวจรักษาที่คลินิก รับยากลับไปนอนบ้าน จนอาการหนักขึ้นจึงเข้า รพ.ชุมชน และส่งต่อมา รพ.ศูนย์อุดรธานี มีการตรวจและเชื้อพบเชื้อ จึงให้ยาฆ่าเชื้อแต่ไม่ค่อยได้ผล ผู้ป่วยก็เสียชีวิตด้วยอาการปอดอักเสบ"

นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี กล่าวว่า แพทย์มียาฆ่าเชื้อไว้รัสตัวนี้อยู่ แต่จะได้ผลต้องภายใน 48 ชั่วโมง
 
เมื่ออาการผู้ป่วยไม่ค่อยรุนแรง การวินิจฉัยก็เป็นไปได้อยาก ในสถานการณ์เช่นนี้แพทย์ต้องสงสัยไวก่อน จะต้องป้ายเชื้อที่คอมาตรวจทันที นอกจากนี้ต้องส่งทีมสอบสวนลงพื้นที่ทันที่ โดยที่ผ่านมาผู้ป่วยทั้ง 13 ราย ที่เข้ารับการรักษา ทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่ คัดกรอบผู้สัมผัสโรคทันทีเหมือนกัน ไม่พบผู้ติดเชื้อจากผู้ป่วยเลย จึงแจ้งไปยังประชาชน เฝ้าระวังสุขภาพอย่างเคร่งครัด และหากป่วยช่วงนี้ควรปรึกษาแพทย์  


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์