เที่ยวบินดีเลย์เพียบ-พิษหมอกลงจัด ภาคเหนือ หนักที่สุด

เหนือ ระทึกหมอกลงจัดเครื่องบินดีเลย์ 7 เที่ยวบินปภ.เตือนซ้ำ มวลอากาศเย็นระลอกใหม่แผ่ปกคลุมภาคเหนือช่วงวันที่ 4 ม.ค.นี้ หนาวเย็นลงอีก อุณหภูมิลด 1-2 องศา ด้านอธิบดีปภ.ประกาศให้ 42 จว.ภาคเหนือ-อีสาน และอีก 5 จว.ภาคกลาง ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม ลพบุรี เป็นเขตภัยหนาว เร่งประสานหน่วยงานนำเครื่องนุ่งห่มแจกคลายหนาว

เมื่อวันที่ 3 ม.ค. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงสภาพอากาศหนาวเย็นในหลายพื้นที่ว่า
 
ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.2556 ถึงวันที่ 2 ม.ค.2557 มีจังหวัดที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) 42 จังหวัด รวม 494 อำเภอ 3,738 ตำบล 43,983 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผล กระทบ 7,103,070 ครัวเรือน 23,311,986 คน

แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ ลำปาง แพร่ น่าน ตาก พะเยา เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ลำพูน อุทัยธานี สุโขทัย พิจิตร นคร สวรรค์ และกำแพงเพชร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่ เลย นครพนม หนองบัวลำภู สกลนคร ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ หนองคาย ศรีสะเกษ บึงกาฬ ยโสธร อุดรธานี อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มหาสารคาม มุกดา หาร ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่นและนครราชสีมา ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ ราช บุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม และลพบุรี

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ได้ประสานงานจังหวัดจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัย หนาวระดับจังหวัด อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นศูนย์ กลางประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว จัดสรรงบประมาณจัดหาเครื่องนุ่งห่มกันหนาวสำรองแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อน แก่ผู้ประสบภัยหนาว

ขณะนี้แจกจ่ายเครื่องนุ่งห่มกันหนาวแก่ ผู้ประสบภัยแล้วรวม 293,415 ชุด

แยกเป็น ผ้าห่ม/ผ้านวม 203,779 ผืน เสื้อกันหนาว 83,500 ตัว หมวกไหมพรม/ถุงมือ/ถุงเท้า 6,136 ชุด เน้นพื้นที่ห่างไกลทุรกันดารและมีสภาพอากาศหนาวเย็นเป็นพิเศษ เพื่อช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยหนาวทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่

เที่ยวบินดีเลย์เพียบ-พิษหมอกลงจัด ภาคเหนือ หนักที่สุด

นาย ฉัตรกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา

พบว่า มวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางมีอุณหภูมิสูงขึ้น 12 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอุบัติเหตุทางถนนจากการสัญจรในช่วงที่มีหมอกลงจัด อย่างไรก็ตาม คาดว่าในวันที่ 4 ม.ค. มวลอากาศเย็นระลอกใหม่จะแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ซึ่งทางปภ.ประสานงานจังหวัด เตรียมพร้อมรับมือสภาพอากาศหนาวเย็นแล้ว

ส่วน ที่จ.หนองคาย มีอากาศหนาวเย็นติดต่อกันมาหลายวันเริ่มอบอุ่นขึ้นแล้ว

ทำให้ในช่วงเช้าของวันที่ 3 ม.ค. มีหมอกลงจัดทั่วทั้งจังหวัดหนองคาย ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองหนองคาย หมอกหนาแน่นกว่าวันที่ 2 ม.ค. ครอบคลุมพื้นที่ทั้งอำเภอเมืองหนองคายที่หนาแน่นเป็นพิเศษคือตามทุ่งนาที่มี อากาศชื้น และตามลำแม่น้ำโขง ทำให้การสัญจรของยวดยานพาหนะ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี
ซึ่งอุณหภูมิในเช้าของวันนี้ ที่ อ.เมืองหนองคาย อยู่ที่ 16 องศาเซลเซียส เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ 2 องศาเซลเซียส

ด้านนางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.00-09.30 น. วันที่ 3 ม.ค.
 
เกิดสภาพอากาศปิดมีหมอกลงจัดบริเวณสนามบินเชียงใหม่ และสนามบินเชียงราย ทำให้สายการบินทุกสายที่จะเดินทางไปยัง 2 สนามบินในช่วงเวลาดังกล่าวต้องหยุดการทำการบินชั่วคราว เพื่อรอให้ทัศนวิสัยการบินกลับมาเป็นปกติ ส่งผลกระทบทำให้มีเที่ยวบินช้ากว่ากำหนดหลายเที่ยวบิน ทางสนามบินติดตามสถานการณ์ปัญหาหมอกอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเตรียมมาตรการในการดูแลสายการบินรวมถึงผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจาก กรณีดังกล่าวแล้ว

รายงานข่าวจากสายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า
 
สภาพอากาศปิดดังกล่าวส่งผล กระทบทำให้เที่ยวบินแอร์เอเชียออกเดินทางช้ากว่ากำหนดรวม 4 เที่ยวบิน แบ่งออกเป็น เส้นทางบินดอนเมือง-เชียงใหม่ 2 เที่ยวบิน คือ FD 3437 และ FD 3445 และเส้นทางบินเชียงใหม่-ดอนเมือง จำนวน 2 เที่ยว คือ FD 3438 และ FD 3446 โดยแต่ละเที่ยวบินออกเดินทางและถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดเฉลี่ย 1-2 ชั่วโมง

ด้านร.ท.จตุรงคพล สดมณี ผอ.ท่าอากาศ ยานดอนเมือง กล่าวถึงปัญหาหมอกลงจัดที่จ.เชียงใหม่ และจ.เชียงราย

ทำให้เครื่องบินต้องล่าช้ากว่ากำหนด ว่า ปัญหาสภาพอากาศปิดบริเวณสนามบินเชียงราย และสนามบินเชียงใหม่ ส่งผลกระทบต่อเที่ยวบินเพียง เล็กน้อยเท่านั้น เพราะปัญหาหมอกลงจัดเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ไม่นานเฉพาะช่วงเช้า โดยเบื้องต้นที่ได้รับรายงานมีเพียง 1 เที่ยวบินที่มีปัญหา คือเที่ยวบินของสายการบินแอร์เอเชีย ที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย เพื่อที่จะลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ แต่ลงจอดไม่ได้ นักบินติดต่อมายังท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยาน ดอนเมือง ซึ่งสามารถลงจอดด้วยความปลอดภัย

ขณะที่นายสมรรถ พุ่มอ่อน ผอ.ฝ่ายบริหารภาวะฉุกเฉินและวิกฤต บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
 
เปิดเผยว่า สายการบินไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวทำให้เที่ยวบินล่าช้ากว่ากำหนด จำนวน 3 เที่ยวบิน ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังภาคเหนือ มีเที่ยวบิน ทีจี 130 เส้นทางบินเชียงราย-กรุงเทพฯ เที่ยวบินทีจี 102 และ ทีจี 104 เชียงใหม่-กรุงเทพฯ

ด้านนายเมธี มหายศนันท์ ผอ.ส่วนพยากรณ์อากาศกลาง

กล่าวถึงสภาพอากาศทั่วไปว่า บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อน ทำให้ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภูเขาสูงในจังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน แพร่ มีหมอกหนา ติดต่อกัน 3-4 วัน แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสายการบินโดยตรง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตราย ในการสัญจร ผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาในระยะนี้ด้วย


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์