เตือนนักเรียนริลองบุหรี่ไฟฟ้า หนทางสู่เส้นทางสิงห์รมควัน

นายอดิศร กำเนิดศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า

ในการประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 10 ณ ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการแก้ปัญหายาเสพติดตามนโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้น นางสาวเรณู ทวิชศรี หัวหน้าศูนย์เสมารักษ์ ประจำสำนักบริหารยุทธศาสตร์และบูรณาการการศึกษาที่ 1 สำนักงานศึกษาธิการภาค 1 รายงานว่า ในเดือนที่ผ่านมาทางศูนย์เสมารักษ์ได้ดำเนินการเฝ้าระวังดูแลปัญหาด้านจัดระเบียบสังคมกับเยาวชนในกลุ่มเป้าหมายตามระเบียบปกติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนระเบียบไปมั่วสุมตามร้านเกมส์ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และสารเสพติด รวมทั้งกรณีท้องไม่พึงประสงค์ก่อนวัย ส่วนปัญหาใหม่ที่พบซึ่งต้องเร่งแก้ไขปัญหาคือ กรณีบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มนักเรียนโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ที่ผู้ปกครองร้องเรียนโดยระบุว่าไม่มีการห้ามปรามจากครู นอกจากนั้นยังให้ข้อมูลแก่เด็กว่า ไม่เป็นอันตรายเหมือนบุหรี่จริง ไม่มีนิโคติน
 
ดังนั้น จึงได้นำปัญหาดังกล่าวเสนอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณา เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นความผิดตามกฎหมายยาเสพติดด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมก่อนจะลุกลามและขยายวงกว้างไปมากกว่านี้

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เกรงว่าจะเกิดเป็นพฤติกรรมเลียนแบบและเอาอย่างไปในทางที่ผิด
 
และอาจเป็นสัญญาณที่จะไปสูบบุหรี่จริงได้และขอให้ตรวจสอบที่มาที่ไปและแหล่งการระบาดหรือผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว ทั้งนี้ นายแพทย์อภิศักดิ์ วิทยานุกุลลักษณ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล ธัญญารักษ์ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงผลของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าว่า บุหรี่ไฟฟ้าจะออกฤทธิ์ต่อสมองให้เกิดอาการเคลิ้ม และมีมินินิโคติน เพียงแต่ไม่มีการเผาไหม้เหมือนการสูบบุหรี่จริงเท่านั้นและพบว่ามีสารนิโคติน 10-100 เท่าเมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่ปกติ สามารถทำให้ผู้เสพเกิดอาการติดบุหรี่ได้เช่นกันเนื่องจากมีนิโคติน ฉะนั้นจึงเป็นอันตรายอย่างแน่นอน ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้ามีความนิยมมานานกว่า 5-6 ปี แต่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพิ่งพบมีการเสพในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งที่ผู้ปกครองเด็กได้แจ้งไปยังศูนย์เสมารักษ์ฯ