อุทาหรณ์ทัวร์มรณะ ย่างสด 30 ศพ คุมเข้ม สงกรานต์ หวั่นซ้ำรอย!

เหตุการณ์โศกนาฏกรรมสยองไฟไหม้รถทัวร์ปรับอากาศ ป.2 สายยโสธร-กรุงเทพฯ


ของบริษัท ศรีสงวนยานยนต์ สีขาว-ส้ม หมายเลขทะเบียน 10-5320 กรุงเทพมหานคร ทำให้มีผู้เคราะห์ร้ายถูกย่างสดตายและบาดเจ็บจำนวนมาก ที่ถนนมิตรภาพขาล่อง หลักกม.ที่ 140-141 หมู่ 1 ต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ในวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นอุทาหรณ์ให้สังวรถึง ความประมาท คือหนทางแห่งความตาย เป็นกฎแห่งกรรมถึงความไม่แน่นอนในโลกใบนี้

โดยสาเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้


พนักงานสอบสวน กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมและบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้วิเคราะห์จากหลักฐานและปากคำพยานสรุปเป็นแนวทางเดียวกันว่าเป็น อุบัติเหตุ โดยระหว่างการเดินทางรถทัวร์มรณะคันนี้มีสภาพไม่สมบูรณ์เกิดเบรกขัดข้องบ่อยครั้ง โชเฟอร์และเด็กท้ายรถต้องจอดรถซ่อมแซมเป็นระยะตั้งแต่ในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จนเหยียบย่างเข้าพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ลักษณะเป็นเนินลงเขาและเป็นทางโค้งลาดชัน ทำให้โชเฟอร์บังคับทิศทางไม่ได้ ประกอบกับเบรกค้าง ส่งผลให้เกียร์พัง เพลากลางหลุดลากกับพื้นผิวถนนจนเกิดประกายไฟกระเด็นไปถูกถังน้ำมันลุกลามไปติดเครื่องยนต์และลุกพรึ่บทั้งคันในที่สุด

ที่น่าตกใจคือ


รถทัวร์คันนี้บริษัทจดทะเบียนตั้งแต่ปี 2514 หรือ 36 ปีมาแล้ว และเพิ่งตรวจสภาพต่อทะเบียนในวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้นความเก่าแก่ของตัวรถและสภาพเครื่องยนต์คงไม่ต้องพูดถึงว่าบุโรทั่งเพียงไร แม้ว่าทางบริษัทจะบำรุงรักษาดีแค่ไหน แต่การใช้งานค่อนข้างหนักมายาวนาน ผลสุดท้ายจึงกลายเป็นชนวนสำคัญให้เกิด อุบัติเหตุ ขึ้นมาจนได้

ภาพของผู้โดยสารที่ขวัญหนีดีฝ่อ ต่างยื้อแย่งหนีตายชุลมุน


บางส่วนกระโดดออกมาได้ บาดเจ็บแขน ขาถลอกปอกเปิก แต่มีจำนวนหนึ่งกลายเป็นเหยื่อพระเพลิงถูกไฟคลอกย่างสดจนไหม้เกรียมเป็นตอตะโกในที่เกิดเหตุถึง 29 ศพ บาดเจ็บ 34 คน เสียงร้องครวญครางโหยหวนด้วยความเจ็บ ปวดในเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะฝังอยู่ในใจผู้ที่ผ่านไปพบเห็นอีกนานแสนนาน

ซากไหม้เกรียมของผู้เสียชีวิต 29 ศพ


ถูกส่งพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลที่โรงพยาบาลตำรวจแล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศิริราช โดย รศ.นพ. วิสูตร ฟองศิริสมบูรณ์ หน.ภาควิชานิติเวชศาสตร์ ศิริราชพยาบาล แถลงข่าวว่าในการพิสูจน์ศพผู้ตายในอุบัติเหตุสยองครั้งนี้ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด ยึดทำงานตามหลักสากล พิสูจน์ในเบื้องต้นสามารถระบุรายชื่อผู้ตายได้ครบถ้วนทุกราย

สำหรับรายชื่อผู้ตาย


1. นายบุญโฮม ทุมดี อายุ 47 ปี
2. นางสายสมร ศรีซา
3. นายหนูหมัด สนิทเชื้อ อายุ 52 ปี
4. ด.ญ. มณฑา ทิมา
5. ด.ช. อาทิตย์ บุรีรัมย์
6. นายวิทยา บุรีรัมย์
7. ด.ช.ศรราม ปะเถตัง อายุ 10 ขวบ
8. น.ส. พิราวรรณ ท้าวพรม อายุ 19 ปี
9. นายสมัย สุวรรณรัตน์
10. นายทองดี มหาโคตร อายุ 45 ปี
11. ด.ญ.มัณฑนา แก้วใส อายุ 12 ขวบ
12. นางบุญยัง ด้วงชมภู
13. นางทองยา คำเรืองศรี
14. นางสมัย ไชยมี
15. นางเสงี่ยม หวังขอบกลาง อายุ 68 ปี
16. นางสุรินทร์ แซ่ห่าน อายุ 59 ปี
17. ด.ช.จิระเดช สุพินธนาภร์
18. นางปราณี ด้วงเปรมวงษ์ อายุ 29 ปี
19. นายวีระพล จันทะศรี อายุ 16 ปี
20. นางตุ๋ย บุญลือ อายุ 54 ปี
21. ด.ญ.ชุติมา คำเรืองศรี
22. นางพัชรี วงษาพล อายุ 32 ปี
23. ด.ญ.กังสดาน วงษาพล อายุ 3 ขวบ
24. ด.ช.จีระศักดิ์ วงษาพล อายุ 12 ขวบ
25. น.ส.สุภาภรณ์ เทือกสีบุญ อายุ 20 ปี
26. น.ส.จุฬาพร เสนาชม อายุ 19 ปี
27. นายวัชราภรณ์ เปลือยศรี อายุ 27 ปี
28. ด.ญ.พรนิสา สวนห้วยไผ่ อายุ 9 ขวบ
29. นายหลอด กำมา อายุ 35 ปี

และภายหลังทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ศพที่โรงพยาบาลศูนย์สระบุรีชื่อ นายลำพูน จักรพน อายุ 40 ปี

ส่งผลยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 30 ศพ

ทั้งนี้หลังผ่านการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลแล้ว


ญาติติดต่อรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลได้เพียง 18 ราย ยังเหลืออีก 12 ราย แพทย์ยังไม่สามารถให้กลับไปได้ เนื่องจากมีคนแสดงตัวเป็นญาติศพเดียว 2-3 ราย สร้างความปั่นป่วน แพทย์ไม่มั่นใจว่าเป็น ญาติตัวจริงหรือไม่ เกรงจะมีกลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสแอบอ้างเป็นญาติขอรับศพเพื่อหวังเงินชดเชย จึงสั่งระงับรับศพไว้ก่อนรอผลตรวจดีเอ็นเอ ผลเลือดและผลตรวจทางทันตกรรมยืนยันอีกครั้ง คาดว่าไม่เกิน 2-3 วันนี้คงทราบผลเป็นทางการ

ในส่วนของค่าสินไหมชดเชย


นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการและรักษา การผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)

สั่งให้บริษัทรถทัวร์จ่ายเงินให้ครอบครัวผู้ตายอีกรายละ 20,000 บาท สินไหมจากบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

และประกันภัยกลุ่มรวมศพละกว่า 400,000 บาท

ซึ่งในวันที่ 23 มี.ค. มีญาติยื่นเอกสารขอรับเงินชดเชยแล้ว 7 ราย แต่เอกสารไม่ครบ ได้รับเงินไปแค่รายเดียวคือครอบครัวของ นางสายสมร ศรีซา

ส่วนผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ทยอยกลับบ้านไปแล้ว


เหลือพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี 14 ราย
โรงพยาบาลพระพุทธบาท 3 ราย
โรงพยาบาลมหาราช 6 ราย
ในจำนวนนี้อาการสาหัส 8 ราย

แพทย์ต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด


และมีญาติขอย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลมหาราชไปโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 2 ราย

และญาติย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลศูนย์สระบุรีมารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์อีก 1 ราย

โดยทุกรายจะได้รับเงินชดเชยรายละ 50,000 บาท รวมกับบริษัทรถทัวร์จ่ายเพิ่มอีกรายละ 10,000 บาท

ขณะที่กระทรวงคมนาคมเตรียมประชุมสรุปสาเหตุเพลิงไหม้


ในวันที่ 26 มี.ค. รวมทั้งพิจารณาว่าควรเพิกถอนใบอนุญาตบริษัทรถทัวร์หรือไม่ แต่ทางบอร์ดบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กลับมีมติควรให้เลิกสัมปทาน เนื่อง จากรถทัวร์บรรทุกผู้โดยสารเกินอัตรากฎหมายที่กำหนดให้ไม่เกินคันละ 60 คน แต่ฝ่าฝืนบรรทุกถึง 66 คน รวมทั้งทำประกันภัยไว้เพียง 45 ที่นั่ง

ทำให้บริษัทประกันภัยจ่ายเงินชดเชยคนตายคนเจ็บให้แค่ 45 ราย

ที่เหลือบริษัทรถทัวร์รับผิดชอบเอง ซึ่งบอร์ดบริษัทขนส่งสั่งให้รถทัวร์ที่เหลืออีก 3 คันหยุดวิ่งชั่วคราว 7 วัน ให้เจ้าของนำไปตรวจสภาพให้ดีเสียก่อน แต่อย่างไรก็ตามจากการตรวจประวัติบริษัท ศรีสงวนยานยนต์ ไม่เคยมีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุและบริษัทก็ยินดีชดใช้เต็มที่ อาจได้รับพิจารณาให้วิ่งรับส่งผู้โดยสารเหมือนเดิมในอนาคต

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลสถิติกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมตลอดปี 49


รถที่จดทะเบียนประสบอุบัติเหตุ 24,807,297 ครั้ง แบ่งเป็นรถประเภทต่าง ๆ รวมไปถึงรถโดยสารประจำทาง 78,870 คัน รถรับจ้างไม่ประจำทาง 26,117 คัน และรถยนต์ส่วนบุคคล 9,201 คัน

สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเรื่องเดิม ๆ คือ

เมาแล้วขับ และ ขับขี่โดยประมาท รวมทั้งเกิดไฟไหม้ หากเจ้าของไม่ดูแลดีเพียงพอก็อาจทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินได้ตลอดเวลา

อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้เกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารกันมากขึ้น


กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และกระทรวงคมนาคมเตรียมมาตรการในระยะยาว เข้มงวดบริษัทรถทัวร์ รถประจำทาง รถร่วม บขส.ทุกประเภท

โดยมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการนำรถตรวจสภาพปีละ 2 ครั้ง


ให้ส่งโชเฟอร์อบรมการขับขี่ปีละ 1 ครั้ง หาก บริษัทใดฝ่าฝืนอาจถูกปรับ หากไม่ร่วมมืออีกจะยกเลิกใบอนุญาต ส่วนมาตรการระยะสั้นเพื่อรับมือ เทศกาลสงกรานต์ คาดว่าจะมีการปรับแผนเดินรถและบริการผู้คนที่กลับต่างจังหวัดออกมาเป็นรูปธรรมในเร็ว ๆ นี้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินผู้โดยสารและป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม

หวังเพียงว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงทำให้ผู้เกี่ยวข้องตื่นตัวป้องกันสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนมากขึ้นอย่างจริงจังก็พอแล้ว.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์