‘ยิ่งลักษณ์’สั่งตรึง3จุดหลักกั้นน้ำเข้ากรุง รับคุมน้ำท่วมกทม.ได้50:50

‘ยิ่งลักษณ์’สั่งตรึง3จุดหลักกั้นน้ำเข้ากรุง รับคุมน้ำท่วมกทม.ได้50:50

ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
 
ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าในส่วนของ ศปภ.จะยังไม่มีการย้ายที่ทำการ เพราะต้องการให้อยู่ดูแลประชาชน เมื่อถามว่ามีรายงานจุดแตกเพิ่มในรอยต่อของกทม.หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า อย่างเมื่อวันที่ 25 ตค.ที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จในการใช้ถุงทรายขนาดใหญ่ลงไปอุดรอยชำรุดที่เมืองเอก แต่ก็ยังมีจุดอื่นแตกเพิ่ม และวันเดียวกันนี้ก็จะมีการนำเข้าถุงทรายขนาดใหญ่ถ้าเป็นไปตามเป้าหมายสถานการณ์ก็จะดีขึ้นบ้าง วันนี้น้ำเป็นพายุมหึมามากและมีปัจจัยใหม่ๆเข้ามาเพิ่ม ดังนั้นก็ต้องยอมรับว่าการแก้ปัญหาให้ได้ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องยาก คงต้องมีน้ำไหลเข้ามาในพื้นที่กทม.บ้างแต่เราก็จะพยายามทำให้น้ำนั้นไหลผ่านให้เร็วที่สุดสิ่งที่เราพยายามทำวันนี้คือการชะลอเพื่อไม่ให้น้ำทะลักเข้ามาอย่างรุนแรงจนประชาชนเตรียมตัวไม่ทัน เราพยายามชะลอเพื่อให้น้ำมีเวลาไหลลงผ่านตามท่อระบายน้ำของกทม. แต่ด้วยศักยภาพระบบสูบน้ำของกทม.เพียงจังหวัดเดียวเท่ากับของกรมชลประทานทั้งประเทศก็หวังว่าจะสามารถช่วยได้ในบางส่วน
 
 เมื่อถามว่าเท่าที่ประเมินน้ำจะทะลักเข้าท่วมพื้นที่กทม.100 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

จุดใหญ่ที่เราป้องกันไว้ทั้ง 3 จุด ทั้งฝั่งตะวันออก ด้านทิศเหนือ บริเวณประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ และฝั่งตะวันตก บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาถ้าเราสามารถกั้นได้สถานการณ์ก็จะดีขึ้น แต่ถ้าจุดใดจุดหนึ่งไม่สามารถป้องกันได้น้ำก็จะท่วมในบริเวณดังกล่าว แต่ถ้าเลวร้ายคือทั้ง 3 จุดไม่สามารถดำเนินการป้องกันได้น้ำก็จะท่วมพื้นที่กทม.ทั้งหมด แต่ถ้าบางส่วนเรายังรักษาไว้ได้น้ำก็จะไม่ท่วมพื้นที่กทม.ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ระดับน้ำก็คงจะมีความสูงไม่เท่ากันเริ่มตั้งแต่ 10 ซม.ถึงเมตรกว่า เส้นทางคมนาคมก็จะมีทางด่วน มีทางโทลล์เวย์ที่ยังสามารถใช้การได้


 เมื่อถามว่าโอกาสที่ 3 จุดคันกั้นน้ำ กทม.จะพังมีมากแค่ไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นไปอย่างที่พล.ต.อ.ประชาระบุไว้ คือ 50:50
 
แต่ในความเป็นจริงของการทำงาน เจ้าหน้าที่ทำมากกว่า 50 พยายามทำทุกวิถีทาง วันนี้ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน กองทัพ กทม.ต่างก็เข้ามาช่วยกัน รวมทั้งตำรวจด้วย 
 
“ในจุดต่างๆของบางพื้นที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ทางการแจ้งเตือน ขอให้เวลา 1 วันน้ำจะเข้ามาแน่นอนหรือในบางพื้นที่ที่อยู่ติดชิดกับแม่น้ำ ก็ขอให้รีบอพยพหรือขนย้ายสิ่งของภายใน 3 ชั่วโมง”นายกรัฐมนตรี กล่าว

 เมื่อถามว่าถ้าสถานการณ์รุนแรงที่สุดประเมินว่ากทม.จะมีภาวะน้ำท่วมขังกี่วันถึงจะระบายลงสู่ทะเลได้
 
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่สามารถพูดได้ต้องขอทำงานก่อนเพราะยังไม่รู้ระบบการรระบายน้ำของกทม.ก็ประมาณว่าจะอยู่ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนแต่สถานการณ์จะไม่รุนแรงเหมือนพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะต้องถือว่าชาวต่างจังหวัดได้รับความทรมานมากกว่าใช้เวลา 2-3 เดือน และระดับน้ำก็สูงมาก ซึ่งในพื้นที่เขตชั้นในของ กทม.เรายังมีความมั่นใจมากกว่า 50 เปอร์เซนต์ ว่าจะป้องกันได้ โดยตั้งแต่ประตูจุฬาลงกรณ์ ใช้กำลังของกองทัพประมาณพันกว่านายร่วมกับ กทม.ตรวจเวรยามตลอด รวมทั้งการซ่อมจุดรั่วซึม

 เพราะหากปล่อยให้ประตูจุฬาลงกรณ์มีปัญหาน้ำจะเข้าสู่กรุงเทพฯชั้นใน แม้จะมีคันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริอีกชั้นก็ตาม

ขณะนี้ได้ใช้คนเฝ้าในทุกๆจุดและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตามจุดตลอดเวลาและส่งข้อมูลมาให้หน่วยประเมิน เพื่อให้รู้ว่าสถานการณ์เกิดอะไรขึ้น โดยคณะกรรมการที่ประเมินสถานการณ์ที่มีนายรอยล จิตรดอน นายวีระ วงศ์แสงนาค และดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เป็นทีมงานที่ติดตามน้ำในแต่ละจุด


 เมื่อถามว่า มีการประเมินว่าน้ำทะเลจะขึ้นสูงสุดประมาณ 2.65 เมตร แต่คันกั้นน้ำของ กทม.สูงเพียง 2.50 เมตร จะรับมืออย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องใช้วิธีการเร่งระบายน้ำในส่วนชั้นในออกไปให้มากที่สุดให้เต็มที่ อาจจะมีบ้างที่น้ำจะกระฉอกล้นเข้ามาในพื้นที่ จึงขอเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำให้เร่งขนย้ายของมีค่าขึ้นที่สูง


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์