หมอลักษณ์ฟันธงไทยจมน้ำต่ออีก๑ปี

"ในปี ๒๕๕๔ จะมีการเกิดอุปราคา หรือเกิดคราส ๖ ครั้ง เป็นจุดที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในหลายอย่างหลายประการ ดวงของประเทศไทยมีเกณฑ์ของการเกิดปรากฏการณ์ที่เป็นภัยต่อเรื่องของการเงินการคลัง เหมือนเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๘-๒๕๔๒ ที่มีปรากฏการณ์ไอเอ็มเอฟครองเมือง"

    
                นี่เป็นบางส่วนการพยากรณ์ดวงเมืองของ อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ เลขาธิการสถาบันพยากรณ์ศาสตร์ หรือเจ้าของฉายา "โหรฟันธง" ทั้งนี้ "คม ชัด ลึก" ได้นำเสนอสกรู๊ปเรื่อง "ปรากฏการณ์อุปราคาดับดวงเมืองดวงคนปีกระต่ายตื่นตูม" ฉบับวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๔
       
               "อุปราคา" เป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ เกิดขึ้นเมื่อวัตถุท้องฟ้าหนึ่ง เช่น ดาวเคราะห์หรือดาวบริวารมาอยู่ระหว่างต้นกำเนิดแสง (ดวงอาทิตย์) กับอีกวัตถุหนึ่ง อุปราคาที่มองเห็นได้ชัดเจนจากโลก ได้แก่ จันทรุปราคา-โลกเข้าบังดวงอาทิตย์เมื่อมองดูจากดวงจันทร์ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปในเงามืดของโลก มีโอกาสเกิดขึ้นได้เฉพาะในคืนวันเดือนเพ็ญ
       
               อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้เกิดอุปราคามาแล้ว ๔ ครั้ง คือ ครั้งที่ ๑ วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๔ เกิดสุริยุปราคาอย่างชัดจนใน ราศีธนูการเกิดอุปราคาครั้งที่ ๒ วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นครั้งที่ ๒ ของการเกิดสุริยุปราคาในราศีพฤษภ การเกิดอุปราคาครั้งที่ ๓ วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ เกิดจันทรุปราคา สรรพคราสในราศีธนู การเกิดอุปราคาครั้งที่ ๔ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔
       
               ส่วนอีก ๒ ครั้งจะเกิดขึ้นในวันที่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เกิดสุริยุปราคาในราศีพิจิก เป็นจุดที่จะมีภัยพิบัติทางน้ำ และการสูญเสียบุคคลสำคัญที่อยู่ในราศีพิจิกอย่างปุบปับฉับพลัน การเกิดอุบัติเหตุ อุบัติภัย รวมถึงสุขภาพที่ย่ำแย่ และเรื่องของอุบัติเหตุหมู่ที่เป็นอันตราย ทั้งทางน้ำและทางอากาศ
         
               การเกิดอุปราคาครั้งที่ ๖ วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ หลังจากวันที่ดาวเสาร์ยกย้าย เกิดจันทรุปราคาในราศีพฤษภ ต้องระมัดระวังการสูญเสียบุคคลสำคัญ เกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดิน การถล่มของแผ่นดิน หรือการเกิดแผ่นดินไหว คลื่นลมพายุเป็นภัยอันตราย จากทะเลสู่แผ่นดิน อันตรายเป็นที่น่าเป็นห่วง
       
               ทั้งนี้โหรฟันธงได้พยากรณ์ไว้ว่า ดวงชะตาประเทศไทยอยู่ราศีเมษ การที่ดาวราหูโคจรจากราศีธนูไปสู่ราศีพิจิก เป็นจุดที่พยากรณ์ดวงชะตาบ้านดวงชะตาเมืองว่า ในทางร้ายจะเกิดเหตุเภทภัยจากลมพายุและน้ำ กระหน่ำซ้ำเติมประเทศไทยไป ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา
    
               พระราหูโคจรเข้าสู่ราศีพิจิก ซึ่งเป็นราศีธาตุน้ำ และราศีพิจิกนี้ก็เป็นจุดมรณะของชะตาเมือง สถิตอยู่ปีนี้ไปจนถึงปลายปี ๒๕๕๕ เป็นช่วงที่ประชาชนคนไทยจะเจอภัยพิบัติอันเกิดขึ้นจากน้ำและลมพายุ
       
               ส่วนพื้นที่ประสบภัยนั้นประชาชนจะประสบภัยตั้งแต่ภาคเหนือมาถึงกรุงเทพฯ และตั้งแต่กรุงเทพฯ ลงไปทางใต้จะเกิดภัยจากน้ำบวกลมพายุ โดยความรุนแรงของน้ำที่คนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานเผชิญในขณะนี้ จะค่อยๆ ทวีความรุนแรงตั้งแต่เดือนกันยายน และไปสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เป็นช่วงที่ดาวอังคาร ซึ่งเป็นดาวประจำตัวของดวงเมือง และดาวเจ้าเรือนราศีพิจิกที่ถูกราหูทับ โคจรอยู่ในราศีกรกฎ ซึ่งเป็นราศีแม่ธาตุน้ำ จึงเกิดความรุนแรงจากภัยอันเกิดขึ้นจากน้ำ

หมอลักษณ์ฟันธงไทยจมน้ำต่ออีก๑ปี


  คติธรรม "หลงรถลืมเรือ"
    
    
               ข่าวสารการเมืองอาจกลบกลืนข่าวมหันตภัยที่เกิดขึ้นหนักหน่วง นั่นคือข่าวอุทกภัยในพื้นที่บางส่วนของประเทศ และข่าวเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น 
       
                แม้จะมีข้อถกเถียงว่าพายุหมุนดังกล่าวจะเกิดหรือไม่เกิด แต่ข้อมูลจากทุกฝ่ายก็สรุปตรงกันเป็นเสียงเดียวว่า “กรุงเทพมหานคร” จะต้องกลายเป็น “กรุงเทพมหาสาคร” หรือ “กรุงเทพมหาสมุทร” ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน ว่ากันว่าจังหวัดเชียงรายจะมีหาดทรายชายฝั่ง ก็คิดเอาเถิดว่าน้ำจะท่วมประเทศไทยหนักหนาสากรรจ์ปานไหน
       
                เพื่อความไม่ประมาท ควรเตรียมพร้อมไว้ก่อน โดยเฉพาะการเตรียมใจเมื่อมหันตภัยจะต้องมา โดยหมั่นพิจารณาให้เห็นถึงความไม่เที่ยง (อนิจจัง) ความเป็นทุกข์ (ทุกขัง) และความไม่ใช่ตัวตน(อนัตตา) อยู่เนืองๆ น่าจะช่วยให้ผู้พิจารณาลดละความโลภ ความโกรธ ความหลง ลงไปได้บ้าง
       
                การเตรียมเรือ แพ และ “เสนาสนะลอยน้ำ” ในลักษณะต่างๆ นั้นจะต้องถือเป็นวาระเร่งด่วน หรือเป็น “วาระแห่งชีพ” เลยก็ว่าได้ แม้วิถีชีวิตของคนไทยเราจะหลงลืมการใช้เรือไปมากแล้ว เพราะการสร้างความเคยชินในการใช้รถยนต์จนเป็นปกติวิสัย แต่ด้วยความที่คนไทยโดยดั้งเดิมส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ริมน้ำ น่าจะหวนกลับไปสู่วิถีชีวิตแบบนั้นได้โดยไม่ยากเกินไปนัก กล่าวคือ เพื่อนพ้องผองเราจะต้องฝึกฝนการใช้เรือ แพ และเสนาสนะลอยน้ำกันได้แล้ว
       
               ใครที่เตรียมเงินซื้อรถยนต์ในช่วงนี้น่าจะระงับไว้ก่อน โปรดนำเงินดังกล่าวไปซื้อเรือใหญ่ไว้ และหาเครื่องยนต์เรือที่ได้มาตรฐานติดตั้งไว้ด้วย เพื่อความพร้อมเมื่อต้องเผชิญมหันตภัยพิบัติทางน้ำ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แม้บางคนจะเถียงว่าคงไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่การเตรียมเรือ แพ และ เสนาสนะลอยน้ำไว้ก่อน ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจมิใช่น้อย
       
               เห็นได้ว่าในสวนอาหารและสถานบริการหลายแห่งจะมีเรือมาตั้งไว้โชว์ให้คนได้ชื่นชม ไม่เห็นว่ามีการตั้งรถยนต์อวดโชว์ให้คนชมแต่อย่างใดเลย นั่นแปลว่าถึงที่สุดแล้วมนุษย์ก็จะต้องหวนกลับคืนสู่ที่มาของตนตามเดิม การแสวงหาเรือ แพ และเสนาสนะลอยน้ำไว้ในความครอบครอง จึงน่าจะเป็นการเข้าสู่กระแสความนิยมไปโดยปริยาย
       
               หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมทางน้ำ อาทิ กรมเจ้าท่า กรมพาณิชย์นาวี จะต้องเริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายตอบรับกระแสนิยมใหม่ของประชาชน โดยจะต้องมีการสนับสนุนให้การคมนาคมทางน้ำมีมากขึ้นในทุกรูปแบบ และมีการสนับสนุนหลักสูตรการใช้เรือ แพ และเสนาสนะลอยน้ำ เช่นเดียวกับหลักสูตรสอนขับรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบก นั่นเทียว และถ้าไม่เริ่มเตรียมการเสียแต่บัดนี้ก็ถือว่าเป็นการตั้งตนอยู่บนความประมาท อันเป็นหนทางแห่งความตาย ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว
       
               เรือ แพ และเสนาสนะลอยน้ำ จะต้องมาแทนที่รถยนต์บนท้องถนนและตึกรามบ้านเรือน ที่จะต้องจมหายไปกับสายน้ำพร้อมกับอีกหลายชีวิตที่ยังไม่ตระหนักและไม่ตระหนก
       
               ที่เขียนมาข้างต้นเป็นบทความเรื่อง "หลงรถลืมเรือ" ที่ท่านจันทร์ แห่งสันติอโศก เขียนไว้เมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.๒๕๔๙ แม้วันนี้จะผ่านมากว่า ๕ ปี แต่บทความดังกล่าวก็ยังเข้ากับสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์