หนูน้อยวัย6ขวบแฉนาทีระทึกรอดตายคาร์บอมบ์ยะลา

หนูน้อยวัย6ขวบแฉนาทีระทึกรอดตายคาร์บอมบ์ยะลา

จากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ 2 จุด ในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต  10 คน ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน อาคารบ้านเรือน ร้านค้า รวมทั้งรถยนต์และรถจยย.ของชาวบ้าน ได้รับความเสียหายหลายสิบคัน เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันนี้(3 เม.ย.) ขณะนี้มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น อีก 1 คน คือ น.ส.จุไร ลีลา อายุ 38 ปี แม่ค้าขายเสื้อร้านเลดี้แฟชั่น  สาขา 2 ที่มีบาดแผลถูกสะเด็ดระเบิดที่บริเวณศีรษะ ซึ่งทางคณะแพทย์ได้ทำการเปิดกะโหลกเพื่อนำเอาสะเก็ดระเบิดออก แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้ามืดที่่ผ่านมา ซึ่งในขณะนี้ยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์ 2 จุด ที่ยังคงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ อีกจำนวน 25 คน ซึ่ง 1 ใน 25 คน นั้น เป็นเด็กหญิงอายุ 6 ขวบ ชื่อ ด.ญ.ศุภาพิชญ์ คคนางพงศ์ ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเลดี้แฟชั่น สาขา 2  มีบาดแผลถูกไฟไหม้ที่บริเวณลำตัว และ มีสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว แพทย์ต้องให้นอนพักรักษาตัวภายในห้องปลอดเชื้อ (BURN UNIT) 

ด.ญ ศุภาพิชญ์ หรือ น้องไอซ์ เด็กน้อยผู้ที่รอดชีวิต แต่ต้องสูญเสีย ยาย น้าสาว และน้าชาย ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ช่วงที่เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์จุดที่ 1 ที่บริเวณด้านหน้าร้านขายข้าวมันไก่  นางสมใจ ชูโลก ผู้เป็นยาย นายสมัย ลีลา น้าชาย และน.ส.จุไร ลีลา น้าสาว ได้พยายามรีบปิดประตูร้านขายเสื้อผ้าทันที ห่างกันประมาณ 15 นาที ได้เกิดระเบิดที่บริเวณเยื้องกับด้านหน้าร้านของตน แรงระเบิดทำให้บริเวณด้านหน้าของร้านขายเสื้อผ้า พังพินาศราบเป็นหน้ากลอง ยายโดนประตูเหล็กทับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส น้าชาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช้นกัน ส่วนน้าสาว โดนสะเก็ดระเบิดเจาะเข้าที่บริเวณศีรษะ  ขณะที่ตนเองกระเด็นด้วยแรงระเบิด บริเวณร่างกายโดนไฟคลอก แต่ด้วยความที่มีสติ รีบเข้าไปช่วยยายที่โดนประตูเหล็กทับ แต่ประตูเหล็กหนักยกไม้ไหว จึงคลานตัวเองออกมาจากซากร้านที่พังยับเยิน ด้วยสภาพเสื้อผ้าโดนไฟคลอก ขาดเหลือแต่กางเกงใน จากนั้นได้นำเศษเสื้อผ้าที่ขาดฉีกออกมาเพื่อปิดหน้าของตัวเอง เพื่อป้องกันเขม่าควันไฟที่กำลังลุกไหม้ และ เรียกหาหน่วยกู้ภัย เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้น้องไอซ์ หมอได้ทำการผ่าตัดไปแล้ว 2 ครั้ง เพื่อนำสะเก็ดระเบิดออกมาจากร่างกาย และสิ่งที่สกปรกที่ฝังอยู่ภายในร่างกาย ล่าสุดอาการปลอดภัย แพทย์ต้องใส่ผ้าพันทั้งตัวตั้งแต่บริเวณหน้าอกลงมาถึงเท้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อ อยู่ภายในห้องปลอดเชื้อ แพทย์ดูแลอย่างใกลชิด ด้านสภาพจิตใจนั้น ทุกวันนี้ยังถามหายาย น้าสาว และน้าชาย อยู่ตลอดเวลา และพยายามที่จะให้แม่ของตนเอง น.ส.กฤษณพร คคนางค์พงศ์ พาไปเยี่ยมน้าสาว น้าชาย และยาย ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าทั้งหมดเสียชีวิตลงหมดแล้ว

น.ส.กฤษณพร คคนางค์พงศ์ แม่น้องไอซ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก สงสารลูก สงสารครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ต้องสูญเสียทั้งหมด  ตัวเองเคยโดนระเบิดมาแล้ว ที่หน้าร้านของตนเอง เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2554 ซึ่งตอนนั้นได้รับบาดเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และไม่คิดว่าครั้งนี้จะโดนกับลูกสาวของตนเอง อาการสาหัสมาก เจ็บมากที่โดนไฟคลอกทั้งตัว แต่โชคดีที่น้องไอซ์คลานออกมาได้ ก็อยากให้ลูกสาวหาย และภาครัฐเข้ามาดูแลเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจ ของชาวบ้านทุกคนที่อยู่ในพื้นที่


ด้านนายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.ยะลา เปิดเผยว่า จากเหตุคาร์บอมบ์ ทั้ง 2 จุด ที่บริเวณถนนรวมมิตร ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 11 ราย และ มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน สำหรับทรัพย์สินที่เสียหาย มีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายถูกเพลิงไหม้ และ ถูกแรงระเบิด จำนวน 35 หลัง มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 11 คัน และ รถจักรยานยนต์  มีจำนวน 18 คัน ซึ่งทาง จ.ยะลา จะได้ดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือทั้งหมดต่อไป


ส่วนความคืบหน้าในคดี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายนำรถยนต์มาจอด จากนั้นได้มีรถจยย.มารับไป ส่วนเส้นทางของคนร้ายที่นำรถยนต์เข้ามา พบว่าผ่านมาทางมลายูบางกอก เข้ามาแยกเบอร์เส้ง ผ่านถนนสุขยางค์ ก่อนเข้ามายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และ ตรวจสอบจุดที่คนร้ายนำรถยนต์ไปดัดแปลงเปลี่ยนสี เพื่อเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งจากพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนายสาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ แกนนำก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ พร้อมพวก อีก 2 คน ซึ่งมีความชำนาญในการประกอบระเบิด และ ยังเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงหลายคดีในพื้นที่ จ.ยะลา และ พื้นที่ใกล้เคียง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าก่อนก่อเหตุ ประมาณ 1 สัปดาห์ มีการประชุมวางแผนในพื้นที่บ้านไบท์ ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์