พายุฝนถล่มหนัก เตือน13จว.ใต้รับมือ สั่งจับตา ดินสไลด์ น้ำทะลัก

พายุฝนถล่มหนัก เตือน13จว.ใต้รับมือ สั่งจับตา ดินสไลด์ น้ำทะลัก


ฝนถล่มหนักจังหวัดภาคใต้กรมอุตุฯ ประกาศเตือนลมฝนกระโชกแรงคลื่นสูงถึง 4 เมตร ผู้ว่าฯ ยะลา สั่งจับตาพื้นที่ริมน้ำอย่างใกล้ชิด ส่วนนราฯ ให้ชาวบ้านริมตลิ่งขนของขึ้นที่สูง หลัง 3 แม่น้ำสายหลักเริ่มเอ่อ สุราษฎร์ฯ เฝ้าระวัง 4 อำเภอที่ต้องรับน้ำจากกระบี่และเทือกเขาหลวง เมืองคอนฝนหนักในทุกอำเภอ หลายพื้นที่น้ำทะลักท่วมต้องส่งทหารเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน ที่กระบี่น้ำท่วมสวนปาล์มสูงนับเมตร สมาคมประมงสงขลาให้หยุดออกเรือ 3 วัน


กรมอุตุฯ เตือนพายุถล่มใต้

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเรื่องฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง ว่าหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง กำลังเคลื่อนตัวเข้า ปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 8-10 พ.ย. ภาคใต้ตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงไปมีฝนเพิ่มมากขึ้นกับมีลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากเกิดขึ้นได้ และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยจะมีคลื่นสูง 2-4 เมตร

จึงขอให้ประชาชนในภาคใต้ตั้งแต่ จ.ชุมพรลงไป ทั้งฝั่งอ่าวไทยบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และจ.สงขลา และจังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม สำหรับชาวเรือในอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ส่วนประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งควรระวังอันตรายจากคลื่นซัดฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

ในช่วงวันที่ 8-12 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่ง จะแผ่เสริมเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก ต่อจากนั้นอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ จะมีกำลังแรงขึ้น


กรมประมงก็เตือนชาวเรือ

วันเดียวกัน กรมประมงออกประกาศด่วน เตือนพื้นที่จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ ปัตตานี สงขลา พัทลุง นครศรี ธรรมราช สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และภูเก็ต เกิดภาวะฝนตกหนัก ขอให้ประชาชน เกษตรกร ชาวประมง เตรียมพร้อมรับมือกับอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะฝนตกหนักและพายุจะเข้าฝั่งในวันนี้ จึงขอให้ทุกอาคารบ้านเก็บของขึ้นที่สูง เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาทั้งในบ่อและในกระชังให้รีบจับปลาขึ้นจำหน่าย เรือประมงควรงดออกจากฝั่ง และให้ติดตามรายงานสภาวะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดจนกว่าสภาวะอากาศจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ 

ทั้งนี้ กรมประมงได้มอบหมายให้สำนักงานประมงจังหวัดและหน่วยงานในสังกัดทุกพื้นที่เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อนทั้งในเรื่องของเรือ และกำลังเจ้าหน้าที่สนับสนุนแล้ว หากประชาชน เกษตรกร ชาวประมง ประสบภัยดังกล่าวสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือไปได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดทุกจังหวัด หรือติดต่อมาได้ที่ศูนย์สื่อสารกลาง กรมประมง หมายเลขโทรศัพท์ 0-2562-0546


สุราษฎร์ฯ เฝ้าระวังดินถล่ม

สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดต่างๆ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผวจ.สุราษฎร์ธานี ให้อำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ราบลุ่ม ที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ให้ระมัดระวังอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรงระหว่างวันที่ 8-11 พ.ย.นี้ สำหรับเรือประมง เรือโดยสารและเรือเฟอร์รี่ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ขณะเดียวกันให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม เตรียมความพร้อมทั้งบุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือ พร้อมปฏิบัติงาน ให้ แขวงการทาง ทางหลวงชนบท ชลประทานจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด เฝ้าระวังเส้นทางพื้นที่น้ำท่วมและดินสไลด์ทับเส้นทาง โดยให้สามารถเข้าไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือได้ทันที

ด้านนายธนากร ตระบันพฤกษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ปภ.สุราษฎร์ธานี) เผยว่า โดยภาพรวมแล้ว จ.สุราษฎร์ธานี ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนไม่สูงมาก มีฝนตกหนัก 12 อำเภอ จาก 19 อำเภอ ปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ 1.8-17 มิลิเมตร สำหรับพื้นที่ที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ มีอยู่ด้วยกัน 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.กาญจนดิษฐ์, อ.ดอนสัก, อ.บ้านนาเดิม, อ.เวียงสระ เนื่องจากทั้ง 4 อำเภอเป็นเส้นทางน้ำไหลผ่านรองรับน้ำจาก จ.กระบี่ และเทือกเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช แต่ขณะนี้ยังอยู่ในสภาวะปกติ เบื้องต้นได้ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม คอยให้การช่วยเหลือ ตลอด 24 ช.ม. ประชาชนแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ โทร. 0-7727-5550-51


เมืองคอนฝนถล่มทั่วจังหวัด

ส่วนที่จ.นครศรีธรรมราช เกิดฝนตกหนักในทุกพื้นที่ติดต่อกันตั้งแต่ช่วงเช้า สภาพท้องฟ้ามืดครึ้มตลอดเวลา และระดับน้ำในลำคลองต่างๆ เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็วจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา และที่ อ.หัวไทร ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลได้มีคลื่นลมแรงซัดกระหน่ำชายฝั่ง ซึ่งคลื่นจะสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมฝั่งต่างหวาดผวากับสภาพอากาศที่เกิดขึ้น แห่ซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภคกักตุนเอาไว้เพื่อความไม่ประมาท ขณะที่เรือประมงกลับเข้าฝั่งตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีคำเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา และพบว่าที่ อ.ขนอม ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งทะเลโรงแรมรีสอร์ตต่างๆ ได้ถูกจับจองจนหมดโดยบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด เนื่องจากขนย้ายพนักงานจากแท่นขุดเจาะกลางทะเลกลับเข้าฝั่ง ตั้งแต่คืนวันที่ 7 พ.ย. จากสถานการณ์คลื่นลมแรงดังกล่าว

นอกจากนั้นพื้นที่ อ.ลานสกา มีฝนตกลงมาอย่างหนักเช่นกัน ซึ่งจากร่องรอยของการถล่มเมื่อฤดูฝนที่ผ่านมา ทำให้สภาพทางธรณีของภูเขาที่เป็นหินปูนผุกร่อน ผสมกับดินขาดเสถียรภาพการยึดเกาะ และเมื่อฝนตกหนักดินบางส่วนเริ่มเลื่อนไหล ชาวบ้านต่างเกรงว่าอาจถล่มซ้ำลงมา หลังจากที่ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งเตือนบ้านเรือนที่อยู่ใกล้กับแนวถล่มให้เพิ่มความระมัดระวัง

ต่อมาช่วงเย็นเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครนครศรี ธรรมราช ในเขตชุมชนต่างๆ อาทิ บ่ออ่าง, หัวอิฐ, คูขวาง, บุญนารอบ ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายสิ่งของกันอย่างจ้าละหวั่น เกิดหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดหลายจุด เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้ออกแก้ไขสถานการณ์กันอย่างวุ่นวาย ส่วนที่บริเวณถนนเลียบชายทะเลปากพนัง-หัวไทร ต.ขนาบนาค อ.ปากพนัง มีคลื่นสูงและลมแรงซัดกระหน่ำขึ้นมาบนถนนทำให้รถสัญจรไปมาลำบาก และในเขตเทศบาลเมืองปากพนังน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันเช่นกัน


ทหารเร่งช่วยชาวบ้าน

ด้านพล.ต.ธีร์ณฉัฎฐ์ จินดาเงิน ผบ.มทบ.41 ค่ายวชิราวุธ ออกไปตรวจเยี่ยมบริเวณสะพานตัวที ชายฝั่งทะเลที่ ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งมีหมู่บ้านชาวประมงได้รับความเดือดร้อน โดยนำกำลังพลและอุปกรณ์ออกช่วยเหลือชาวบ้าน โดยผบ.มทบ.41 ระบุว่า ส่งกำลังพลและเครื่องไม้เครื่องมือออกให้การช่วยเหลือใน 3 พื้นที่คือ ต.ปากนคร อ.เมือง, อ.ปากพนัง และอ.หัวไทร ส่วนพื้นที่อื่นหากมีการร้องขอมา สามารถการออกช่วยเหลือตลอด 24 ช.ม. ซึ่งตอนนี้ผลกระทบเริ่มขยายวงกว้างออกไปในหลายพื้นที่ และเริ่มเพิ่มระดับความรุนแรง ซึ่งน่าเป็นห่วงในช่วงของคืนนี้เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวันทั้งคืน

ขณะที่นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้า ปภ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เกือบทุกอำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช ฝนตกอย่างต่อเนื่อง เช่น อ.หัวไทร เชียรใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ทุ่งสง ปากพนัง ลานสกา และ อ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นต้น จึงขอให้ประชาชนทุกอำเภอที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์จากฝนตกหนักและฝนตกสะสมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มริมน้ำไหลผ่าน ที่ลาดเชิงเขา เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่มได้ โดยขอให้ติดตามข่าวการพยาการณ์อากาศ การแจ้งเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยา ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ หรือประกาศของจังหวัดที่แจ้งผ่านหน่วยงานต่างๆ เช่น อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. เทศบาล มิสเตอร์เตือนภัย สถานีวิทยุกระจายเสียง หอกระจายข่าวในพื้นที่ เป็นต้น

ส่วนที่ จ.กระบี่ เริ่มเกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันของเกษตรในพื้นที่ ม.5 ต.สินปุน อ.เขาพนม โดยนายวิรัตน์ ศรีสุขไส อายุ 53 ปี เจ้าของสวนปาล์มกล่าวว่า จากฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมสวนปาล์มบ่อยครั้ง แต่ละครั้งระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ต้นปาล์มน้ำมันอายุ 3-4 ปี กำลังให้ผลผลิต ต้องจมอยู่ใต้น้ำแล้วกว่า 300 ต้น ขณะที่ฝนตกในรอบที่แล้วน้ำยังขังอยู่เพราะระบายไม่ทัน ทำให้ตายไปแล้ว 160 ต้น และฝนที่ตกลงมาอีกทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นจนถึงผลปาล์ม หากน้ำยังไม่ลดภายใน 1 สัปดาห์ จะทำให้ผลปาล์มเน่าเสียคาต้นไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุน้ำท่วมสูงขนาดนี้มาก่อน


สงขลาหยุดออกเรือ 3 วัน

ด้าน จ.สงขลา จากสภาพคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทยส่งผลให้เรือประมงขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมทั้งเรือขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำนอกน่านน้ำอ่าวไทย ทยอยกลับเข้าฝั่งและเข้าจอดเทียบท่าบริเวณท่าเทียบเรือประมงใหม่ เขตเทศบาลนครสงขลา และหยุดออกทำการประมงชั่วคราวอย่างน้อย 3 วัน จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติและติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนจากศูนย์อุตุวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกอย่างใกล้ชิด และยังมีการอพยพพนักงานฐานขุดเจาะปิโตร เลียมกลางอ่าวไทยขึ้นฝั่งอย่างต่อเนื่องด้วย

นายประพร เอกอุรุ นายกสมาคมประมง จ.สงขลา กล่าวว่า สมาคมประมงสงขลาแจ้งวิทยุไปยังเรือประมงที่กลับเข้าฝั่งไม่ทัน ให้เข้าหลบตามเกาะแก่งต่างๆ เพื่อความปลอดภัย และให้ติดตามพยากรณ์อากาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะในวันที่ 8-10 พ.ย. ที่จะมีหย่อมความกดอากาศเพิ่มขึ้น จะทำให้คลื่นในอ่าวไทยสูง 2-4 เมตร คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดสัตว์น้ำใน จ.สงขลา และภาคใต้ตอนล่าง

รายงานข่าวว่า บริษัทซีอีซี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งได้รับสัมปทานขุดเจาะปิโตรเลียมในอ่าวไทยแปลงจี 5/43 นอกฝั่ง จ.สงขลา ได้สั่งอพยพพนักงานออกจากฐานตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. เมื่อมีคำเตือนจากศูนย์ อุตุฯ และติดตามความเคลื่อนไหวของหย่อมความกดอากาศอย่างใกล้ชิด หากสถาน การณ์ยังไม่น่าไว้วางใจจะสั่งอพยพพนักงานทั้งหมดเข้าฝั่ง

สำหรับ จ.พัทลุง ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ในอำเภอแถบ ริมเทือกเขาบรรทัด ประกอบด้วย อ.ตะโหมด อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ป่าบอน และอ.ศรีบรรพต ขณะที่บริเวณพื้นที่ราบของ อ.เมืองพัทลุง อ.เขาชัยสน และ อ.ควน ขนุน มีฝนตกหนักเช่นเดียวกัน โดยเขตเทศบาลเมืองพัทลุงติดตั้งเครื่องสูบขนาดใหญ่ไว้ 5 จุด รอบตัวเมืองพัทลุง แต่ละจุดติดตั้งจำนวน 2 เครื่อง เพื่อป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ

นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.พัทลุง ประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวระมัดระวัง ติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด รวมถึงประชาชนที่อาศัยบริเวณใกล้แหล่งน้ำลำคลองขนาดใหญ่ ระมัดระวังน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรอย่างฉับพลัน พร้อมให้ประชาชนขนของไว้ที่สูงในช่วงดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย พร้อมกันนั้นให้สำนักงานบรรเทาและสาธารณภัยจังหวัด ประสานหน่วยมิเตอร์เตือนภัย เข้าประจำจุดเสี่ยงภัยเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง


3 แม่น้ำหลักนราฯ เริ่มล้นตลิ่ง

วันเดียวกัน นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผวจ.นราธิวาส ประชุมทางไกลสั่งการให้ทั้ง 13 อำเภอ เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งอ.แว้ง อ.สุคิริน และอ.สุไหงโก-ลก ต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม จึงต้อง เตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักรกล และอุปกรณ์การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยไว้ให้พร้อม เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของ ผู้ประสบภัย

นายณัฐพงศ์กล่าวว่า หากต้องการแจ้งเตือนสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ หรือต้องการความช่วยเหลือ สามารถประสานงานมาได้ที่คอลเซ็นเตอร์ โทร.1881 หรือ ที่ ปภ.นราธิวาส โทร.0-7353-2210-2, ห้องวิทยุปกครองจังหวัด 0-7364-2635, สวท.นราธิวาส 0-7353-2149 และสวท.สุไหงโก-ลก 0-7362-1866

ส่วนบรรยากาศและสถานการณ์ฝนตกโดยทั่วไปในพื้นที่ จ.นราธิวาส ส่งผลให้ 3 แม่น้ำหลัก ประกอบด้วย แม่น้ำสุไหงโก-ลก, แม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำบางนรา มีปริมาณน้ำเพิ่มสูง ทางจังหวัดนราธิวาสได้ประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำให้เก็บข้าวของ สัตว์เลี้ยงไปเก็บไว้ในที่สูงเพื่อป้องกันน้ำท่วมฉับพลัน ล่าสุดทางเทศบาลเมืองนราธิวาสติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ไว้ที่บริเวณปากคลองยะกัง ซึ่งเป็นคลองสายหลักที่จะส่งและระบายมวลน้ำในเขตเมืองและศูนย์ราชการและคลองต่างๆ ลงทะเล เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วและคล่องตัวได้ยิ่งขึ้น

นายธนาวิทย์ ไชยานุพงค์ นายกเทศมนตรี เมืองนราธิวาส เผยว่า ช่วงนี้จะมีฝนตกหนักในพื้นที่เทศบาล ทำให้น้ำท่วมขังในหลายจุด จึงต้องเร่งเปิดประตูระบายน้ำยะกัง เพื่อเตรียมรองรับมวลน้ำที่จะมาสมทบในเร็วๆ นี้ และจะมีมรสุมเข้าในเขตเทศบาลและรอบนอก จึงได้ระดมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เตรียมพร้อมไว้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนเท่าที่ขีดความสามารถของเทศบาลมีอยู่

ขณะที่นายสามารถ วราดิศัย ผวจ.ยะลา กล่าวว่า เบื้องต้นสั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเนื่องจาก จ.ยะลา มีพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มบริเวณริมแม่น้ำอยู่หลายแห่ง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลันได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้เฝ้าระวัง และคอยแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ด้วย 

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์