ปูสั่งเตรียมเรือดันน้ำ 26 ลำรับมือน้ำ

ปูสั่งเตรียมเรือดันน้ำ 26 ลำรับมือน้ำ รับเป็นห่วง จ.ชัยภูมิ โดนลูกหลงพายุแกมี เตือนประชาชนในภาคอีสานตอนกลาง-ล่างติดตามข่าวสารเรื่องพยากรณ์อากาศอย่างต่อเนื่อง

ปูสั่งเตรียมเรือดันน้ำ 26 ลำรับมือน้ำ


                  วันนี้ 3 ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แถลงข่าวสถานการณ์น้ำว่า สถานการณ์ทั่วไปยังมีความปกติ ฝนตกลดลง แต่ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่าขณะนี้มีพายุโซนร้อนมีแกมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ทะเลจีนตอนใต้ แถบประเทศเวียดนาม ซึ่งพายุนี้ไม่มีผลกระทบทางตรงต่อประเทศไทย แต่จะมีอิทธิพลทางอ้อมกับภาคอีสานตอนล่างและอีสานตอนกลาง และภาคกลางะหว่างวันที่ 4 -8 ตค. โดยเฉพาะ จ.ชัยภูมิจะน่าเป็นห่วงมากที่สุด สำหรับพายุแกมีเมื่อมาถึงไทยน่าจะกลายเป็นแค่ดีเพรสชั่นหรือร่องความกดอากาศต่ำเท่านั้น ทั้งนี้เรามีการเตรียมพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำและตามเขื่อนต่างๆเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของกทม.อาจจะได้รับผลกระทบนิดหน่อยโดยอาจะมีฝนตกปรอยๆอย่างต่อเนื่องทั้งวันเรียกว่าฝนรำคาญ ซึ่งกทม.สามารถระบายน้ำได้พอเพียง


                น.อ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้เตรียมเรือผลักดันน้ำ 26 ลำ โดยนำไปไว้แถวลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก คลองเปรมประชากร เพื่อผลักน้ำไหลลงสู่อ่าวไทยและแม่น้ำเจ้าพระยาโดยเร็ว และเป็นข่าวดีที่ช่วงนี้น้ำทะเลหนุนลดต่ำสุดในวันที่ 5-15 ต.ค.นี้ ทำให้น้ำสามารถไหลลงสู่อ่าวไทยได้ดี และติดเครื่องสูบน้ำที่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ คลองระพีพัฒน์ และขอฝากเตือนประชาชนในภาคอีสานตอนล่างและอีสานตอนกลาง และพื้นที่เปราะบางหรือพื้นที่ที่มีปัญหาอยู่เดิม ช่วยติดตามข่าวสารเรื่องพยากรณ์อากาศของทางราชการอย่างต่อเนื่อง ใน 30 จังหวัด โดยเฉพาะ จ.ชัยภูมิ สระแก้ว ปราจีนบุรี อยุธยา กระบี่ ระนอง พังงา ภูเก็ต เป็นต้น 

               ส่วนพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี น้ำลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์น้ำโดยรวมของประเทศไทยพบว่ายังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ส่วนพื้นที่เปราะบางก็ขอให้เตรียมตัวไว้เช่นอาจจะยกของไว้บนที่สูง หากใครพบว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงให้โทรมาแจ้งที่ 1111กด 5 ทั้งนี้เราสามารถแจ้งเตือนประชาชนถึงสถานการณ์ล่วงหน้าภายใน 24 ชม.ขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่าปีนี้สถานการณ์จะไม่รุนแรงแบบปีที่แล้วแน่นอน


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์