ฆ่าโหดผัวเมียหมกห้องเช่า ทุบเบ้าตายุบมีดแทงใบหน้ายับ - ห่อศพจุดธูปขอขมา

ฆ่าโหดผัวเมียหมกห้องเช่า ทุบเบ้าตายุบมีดแทงใบหน้ายับ - ห่อศพจุดธูปขอขมา


ฆ่าโหดผัวเมียหมกห้องเช่า ใช้ค้อนทุบเบ้าตายุบมีดแทงใบหน้ายับ - ก่อนห่อศพพร้อมจุดธูปขอขมา


จากนั้นขับรถยนต์ของผู้ตายขับหนีไป เบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นชู้สาวและปล้นทรัพย์ พร้อมทั้งเรียกญาติของฝ่ายหญิงเข้าสืบสวนหาสาเหตุต่อไป

คดีฆาตกรรมสยองในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 13 ก.ย. ร.ต.ท.ไกรยง คำรินทร์ ร้อยเวร สภ.ปากน้ำประแสร์ ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง ได้รับแจ้งว่าพบศพผู้ชายและผู้หญิงรวม 2 ศพ ถูกฆาตกรรมหมกศพไว้ภายในห้องเช่าเลขที่ 164/4 ต.กองดิน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมประสานกองวิทยาการกองกำกับการตำรวจภูธร จ.ระยอง แล้วรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยพุทธศาสตร์สงเคราะห์ทันที เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นห้องแถวให้เช่าเป็นแถวยาวจำนวน 6 ห้อง โดยด้านข้างมีร้านขายของชำอยู่ติดกันซึ่งเป็นเจ้าของห้องแถวให้เช่า และพบมีบรรดาชาวบ้านหลายสิบคนกำลังยืนมุงดูกันอยู่ที่หน้าห้องแถวดังกล่าว

หลังจากนั้นจึงเข้าไปตรวจสอบห้องแถวเช่าห้องที่ 3 ที่มีกุญแจล็อกห้องไว้อยู่ เมื่อดูจากบานเกร็ดที่ถูกงัดออกมาก็ต้องผงะกับกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ พบกับศพ 2 ศพ ถูกห่อด้วยผ้าห่มและมุ้งปิดมิดจนมองไม่เห็นเห็นศพเห็นเพียงรอยเลือดที่แห้งเกรอะกรังติดอยู่กับผ้าที่ห่อไว้ และข้างกันยังพบว่ามีอีกหนึ่งศพที่ถูกห่อด้วยผ้าปูที่นอนและเสื่อจนมิดชิดเช่นกัน ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการระยองก็ได้ทำการตัดกุญแจที่ล็อกอยู่ออกและเข้าไปตรวจสอบภายในห้อง พบข้าวของกระจัดกระจายและมีการนำถุงขนาดใหญ่มาไว้ที่ข้างศพเหมือนกับเตรียมจะนำศพไปอำพรางแต่คงไม่สามารถนำไปได้จึงทิ้งไว้ และยังพบว่ามีการจุดธูป 1 ดอกที่ศพทั้งสองศพ เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบกับมีดและค้อนเหล็กเปื้อนเลือดที่ใส่ไว้ในถุงผ้าไว้ที่ข้างศพ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และ ยังพบว่ามีการใช้เสื้อผ้าของผู้ตายเช็ดคราบเลือดแล้วนำไปแช่ไว้ในกาละมังหน้าห้องน้ำด้านหลัง

ต่อมาแพทย์เวรประจำวันของโรงพยาบาลแกลง ระยอง ได้เดินทางมาตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น เป็นศพชายและหญิง สภาพศพชายถูกของแข็งทุบเข้าที่เบ้าตาขวาจนยุบและศีรษะด้านหลังก็ถูกตีจนยุบเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีร่องรอยถูกแทงเข้าที่หน้าผากและตามใบหน้าอีกหลายแผล ส่วนศพผู้หญิงถูกของมีคมแทงเข้าที่ชายโครงด้านขวาใกล้กับหัวใจและบริเวณเบ้าตาซ้ายยังมีรอยช้ำและถูกรัดด้วยเชือกที่เป็นเชือกที่ใช้ในการกระโดดเชือก สำหรับศพทั้งสองเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน หลังการชันสูตรเบื้องต้นได้ส่งศพไปพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชอย่างละเอียดอีกครั้ง  สำหรับผู้ตายทั้งสองทราบชื่อต่อมาคือ นายอุทัย  งามละมัย อายุ 39 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.สระแก้ว ศพผู้หญิงคือ น.ส.สุจิน จิตรน้อม อายุ 40 ปีบ้านเดิมอยู่ที่ จ.สระแก้วเช่นกัน

จากการสอบสวน น.ส.รัตนา บำรุงเพชร อายุ 30 ปี เพื่อนบ้านที่เช่าห้องถัดจากห้องที่พบศพหนึ่งห้อง ได้ให้การว่าผู้ตายทั้งสองเป็นสามีภรรยากันและเพิ่งย้ายมาอยู่ที่ห้องเช่าแห่งนี้ได้ประมาณ 2 เดือน โดยมาทำงานเป็นช่างซ่อมรถแบล็คโฮ ที่อู่ประเสริฐ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเช่าเพียง 200 เมตร โดยไม่มีใครทราบประวัติความเป็นมาของทั้งคู่ โดยทั้งคู่ก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เช้าก็ออกไปทำงานเย็นกลับมาก็เข้าห้องโดยไม่ค่อยได้คุยกัน ทั้งสองคนมาอยู่ในช่วงแรกยังไม่มีรถ และเมื่อประมาณ 20 วัน ที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงก็ได้ไปนำเอารถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ แค็ป สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บจ-9624 นครนายก มาไว้ใช้ ก่อนเกิดเหตุ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.วันที่ 11 ก.ย.ขณะที่ตนเองกำลังนอนหลับอยู่ก็ต้องสะดุ้งตื่นกับเสียงร้องของผู้ชายและผู้หญิงที่ห้องของสองผัวเมีย และ ยังได้ยินเสียงเหมือนกับมีการทุบตีหลายครั้งจนกระทั่งเสียงเงียบไป ก็คิดว่าคงจะทะเลาะกันจึงไม่ได้สนใจ ต่อมาก็ได้ยินเสียงรถยนต์ของผู้ตายได้ขับออกไปอย่างรวดเร็ว จึงคิดว่าทั้งสองคงจะออกไปด้วยกัน เพราะในตอนเช่าพบว่าไม่มีใครอยู่เพราะล็อกประตูใส่กุญแจหน้าประตูไว้ และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายกับทั้งสองคน

ด้านนายประเสริฐ ผลลาภ อายุ 49 ปี เจ้าของอู่ประเสริฐ ได้ให้การว่า นายอุทัย ผู้ตาย ได้เดินทางมาสมัครเป็นช่างซ่อมของอู่โดยอ้างว่าเคยทำงานคนที่รู้จักจึงได้ให้ทดลองทำงาน เมื่อเห็นว่ามีความสามารถจึงไม่คิดอะไร เพราะผู้ตายยังเป็นคนพูดจาเรียบร้อยมีสัมมาคารวะ ต่อมาก็ได้มาขอให้รับ น.ส.สุจิน  ภรรยาที่ถูกฆาตกรรมด้วยกัน มาทำงานในตำแหน่งเสมียน พอดีว่าขาดคนจึงรับไว้ จนกระทั่งผู้ตายทั้งสองหายไปตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ในวันนี้จึงได้ให้เพื่อนร่วมงานของผู้ตายมาตามดูที่ห้องแต่ก็ไม่พบรถยนต์ของผู้ตายที่ทราบว่าฝ่ายหญิงไปเอามาจาก จ.สระแก้วได้ประมาณ 20 วัน และยังพบว่าห้องถูกล็อคอยู่ แต่ด้วยความแปลกใจจึงลองแอบมองลอดกระจกบานเกร็ดเข้าไปแต่ก็มองไม่เห็นกลับพบว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา จึงได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านเช่าถอดบานกระจกออกมา ก็ต้องผงะกับภาพที่เห็นคือภาพของศพที่ถูกห่ออย่างมิดชิดอยู่ภายในห้อง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบทันที

ส่วนเพื่อนร่วมงานของผู้ตายทั้งสอง ได้ให้การเพิ่มเติมว่า ผู้ตายฝ่ายหญิงเคยเล่าให้ฟังว่า เป็นแฟนกับนายอุทัย ผู้ตายมาก่อน แต่หลังจากที่นายอุทัยไปบวชอยู่หลายปี ก็ไปมีสามีใหม่ จนกระทั่งนายอุทัยสึกออกจากพระก็เลิกกับสามีใหม่และกลับมาอยู่กินกับนายอุทัย แล้วก็มาอยู่ทำงานในที่เกิดเหตุ ส่วนรถยนต์นั้นเป็นรถยนต์ที่เป็นชื่อของตนเองที่จะผ่อนหมดงวดสุดท้ายในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ซึ่งได้กลับลงไปเอามาจากบ้านเกิดที่ จ.สระแก้ว

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกญาติของผู้ตายที่สามารถติดต่อได้แต่ญาติของฝ่ายหญิง ซึ่งกำลังเดินทางมาดูศพและให้การเพิ่มเติม เบื้องตนตั้งไว้สองประเด็นปมชู้สาวและปล้นทรัพย์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็จะต้องสอบสวนพยานแวดล้อมและญาติของผู้ตายทั้งสองพร้อมประสานไปพื้นที่ที่ผู้ตายเคยอาศัยอยู่ก่อนจะเดินทางมาทำงานเพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติมในการล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วเพราะถือเป็นคดีสะเทือนขวัญ 

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์