ส.ส.ทยอยประชุมสภาถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 55

ส.ส.ทยอยประชุมสภาถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 55


บรรยากาศประชุมรัฐสภา ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ 55 ส.ส. ทยอยเดินทางเข้าประชุม ฝ่ายค้าน - รบ. ใช้เวลาอภิปราย ฝั่งละ 13 ช.ม. ขณะรอบสภา วางแนวกระสอบทรายล้อมรอบ จนท. ย้าย ปลาคาร์พ หนีน้ำท่วมแล้ว

บรรยากาศที่รัฐสภาในวันนี้ จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2555 นั้น โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ส.ส. ยังทยอยเดินทางมาเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง รวมไปถึง นายกรัฐมนตรี ซึ่งการประชุมในวันนี้นั้น จะใช้เวลาในของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ฝั่งละ 13 ชั่วโมง โดยจะมีการถ่ายทอดสด ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ NBT ตลอดระยะเวลาการประชุม ขณะที่ โดยรอบรัฐสภาในวันนี้นั้น ได้มีการวางแนวกระสอบทราย เพื่อป้องกันน้ำเข้าท่วมพื้นที่อย่างหนาแน่น รวมไปถึงได้มีการย้ายปลาคาร์พ ออกนอกพื้นที่ไปแล้ว เพื่อป้องกันปลาสูญหาย หากเกิดเหตุน้ำท่วม

สมศักดิ์ลดวันประชุมร่วมแค่11พ.ย.
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนเองจะลดการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณามติด่วนเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม เหลือเพียง 1 วัน คือ วันที่ 11 พฤศจิกายน แต่จะใช้เวลา 1 วันเต็ม 15 ชั่วโมง คาดว่า จะพอ แต่ถ้าหากไม่พอก็อาจจะขยายเวลาเพิ่มเติม ในการลดวันการประชุมร่วมรัฐสภา ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปราย เพราะการพิจารณางบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2555 ในวันที่ 9 และ 10 พฤศจิกายน นี้ ก็คงมีการพูดคุยเรื่องน้ำท่วมแบบเต็ม ๆ อยู่แล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่า การงดประชุมที่ผ่านมา ไม่ได้รับใบสั่งจากใคร และจะสั่งการได้อย่างไร เพราะญัตติน้ำท่วม ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ในรัฐสภา

ชูวิทย์นุ่งกางเกงขาสั้น หอบกะละมังเข้าประชุมสภาฯ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เดินทางเข้าร่วมประชุมรัฐสภาในวันนี้ ด้วยการแต่งตัว สวมกางเกงขาสั้น พร้อมกับถือกะละมัง อาหารกล่อง รวมไปถึงน้ำดื่ม เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าขณะนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง ซึ่งการแต่งตัวเดินทางมาในวันนี้ เป็นการแสดงให้รู้ว่ารัฐบาลควรดำเนินการในการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซึ่งตนเองมีความพร้อมเต็มที่ในการเข้าร่วมประชุมเพื่อซักฟอกรัฐบาลแล้ว รวมไปถึงอยากให้ ส.ส. และสภา เป็นตัวแทนในการติดตามการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มงวด

อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาเข้าประชุมของ นายชูวิทย์ วันนี้ ได้สร้างสีสันและความสนใจให้กับสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก

นายกฯเปิดอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดในการพิจารณาและอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ว่า เศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2555 ยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่อง จากความเสียหายอย่างรุนแรงจากอุทกภัยปลายปี พ.ศ. 2554 แต่เมื่อปัญหาดังกล่าวเบาบางแล้ว จะมีการปรับปรุงฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและการผลิต รวมทั้งมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยอย่างเร่งด่วน ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า จากการดำเนินมาตรการเร่งด่วน ซึ่งมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ของประชาชน และศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ประกอบกับ เสถียรทางเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ ที่อยู่ในเกณฑ์ดีทำให้คาดได้ว่า เศรษฐกิจไทย ในปี พ.ศ. 2555 ยังสามารถขยายตัวได้ ประมาณร้อยละ 4.5-5.5 และอัตราเงินเฟ้อ ประมาณร้อยละ 3.0-4.0


ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่ารัฐบาลตั้งงบประมาณ 2.38 ล้านล้านบาท บริหารจัดการน้ำ และเยียวยาฟื้นฟู 120,000 ล้านบาท

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ในงบประมาณ พ.ศ. 2555 รัฐบาลประมาณการว่า จะสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ ทั้งสิ้นประมาณ 266,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 จากปีก่อน และเมื่อหักการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 จำนวน 86,900 ล้านบาทแล้ว คงเหลือเป็นรายได้สุทธิ ที่จัดสรรมาเป็นรายจ่ายของรัฐบาล จำนวน 1980,000 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 16.8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ สำหรับรายจ่ายเยียวยาฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากวุฒิสภา อย่าง บูรณาการนั้น รัฐบาล ได้จัดสรรจำนวนเงิน ไว้ที่ 120,000 ล้านบาท

อภิสิทธิ์ห่วงงบน้ำท่วมส่อโกงขอรบ.โปร่งใส
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ขึ้นอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในขณะนี้ ถือว่ามีความน่ากังวล เนื่องจากการประเมินตัวเลขรายได้ของรัฐบาลไม่มีความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ผลกระทบจากวิกฤติเนื่องในยุโรป รวมไปถึงปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นภายในประเทศ เนื่องจากยังใช้ตัวเลขในการประมาณอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) เป็นตัวเลขเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.5 - 4 ขณะที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการปรับการประมาณการลดลงมาแล้วเหลือ 2.6 ในปี 2554 รวมทั้งยังได้ปรับลดลงไปจนถึงปี 2555 ซึ่งจะทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดลงอย่างแน่นอน ซึ่งขัดกับการประมาณการรายได้ของรัฐบาลในปี 2555 ที่คาดว่าจะจัดเก็บรายได้ ได้สูงสุดกว่า 2,000,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการลดหย่อนภาษีต่างๆ ยังจะทำให้รัฐเสียรายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้การขาดดุลเกินกว่า 400,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์