‘ยิ่งลักษณ์’สั่งบริหารน้ำให้สัมพันธ์กัน ให้คนกทม.ยกของขึ้นที่สูง1เมตร

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต



น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน” ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในเวลานี้ ว่า ตนขอฝากประชาชนอยากให้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารในช่วงวันหยุด เตรียมการย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงอย่างน้อย 1 เมตร และดูแลระบบไฟฟ้า รวมถึงรถยนต์และสิ่งของมีค่า แต่ทั้งนี้ถือเป็นการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ โดยไม่ประมาท

ศูนย์จะชี้แจงให้ทราบข่าวเป็นระยะ ด้านการดูแลประชาชนในศูนย์พักพิง ระหว่างรอน้ำลดก็มีจัดศูนย์พักพิงทุกจังหวัดที่มีน้ำท่วม วันนี้ รัฐบาลมีศูนย์ 1,743 แห่งซึ่งสามารถรองรับได้ 8 แสนคน ขณะนี้มีผู้เข้าอยู่แล้วประมาณ 113,369 คน โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้จาก 1111 กด 5 โดยในช่วง 4-6 สัปดาห์ ระหว่างรอน้ำลดนั้นรัฐบาลได้เตรียมปรับแผนให้ดีขึ้น มีการเข้าดำเนินการให้ประชาชนที่พักพิงเกิดการเรียนรู้ และจ้างงาน เสมือนเป็นชุมชนใหม่ ซึ่งอาจมีการฝึกทักษะ ประยุกต์ซ่อมแซมสิ่งของ หรือสามารถปรับใช้เป็นอาชีพใหม่หลังน้ำลด กลุ่มแม่บ้านก็มีกรมแรงงานฝึกอาชีพให้

 สำหรับช่วงวันที่ 28-30 ต.ค. ที่จะมีน้ำทะเลสูงขึ้น ตนได้สั่งการให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ำ ควบคุมประตูน้ำ ปิดเขื่อนทางผ่านของน้ำ ควบคุมระดับน้ำทะเลที่จะหนุนเข้ามาได้ การเตรียมตัวใดๆ ต้องไม่ตื่นตระหนก ไม่ประมาท และมีสติ ต้องขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ หลายพื้นที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่รวมพลังแก้ไขปัญหา และขอให้ทุกคนอดทนร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคให้ได้ ตอนนี้น้ำเริ่มเข้าใกล้กทม.มากขึ้นแล้ว ดังนั้น รัฐบาลย้ำว่านโยบายเรื่องการบริหารน้ำเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเลือกในการบริหารสถานที่สำคัญ อาทิ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ เขตพระราชฐาน โรงพยาบาล พื้นที่ทางเศรษฐกิจ เส้นทางการขนส่ง สนามบิน และแหล่งผลิตสาธารณูปโภค ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นส่วนใหญ่

 ส่วนสถานการณ์น้ำเวลานี้ยังมีมวลน้ำก้อนใหญ่จากทางเหนือซึ่งต้องเร่งระบายน้ำลงทะเลให้มากที่สุด แต่ธรรมชาติของน้ำนั้นจะไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ ซึ่งเราหากไปปิดกั้นจะทำให้ไม่สามารถควบคุมได้ เห็นได้จากการไหลของน้ำที่ผ่านมาทำแนวพนังกั้นน้ำพังลง ซึ่งการตั้งพนังเป็นเพียงการชลอน้ำ ไม่สามารถกั้นน้ำได้อย่างถาวร การเร่งระบายน้ำและการบรรเทาต้องจัดการร่วมกัน ซึ่งมีความเกี่ยวพันหลายพื้นที่ จึงจำเป็นต้องประกาศอำนาจควบคุมและกำกับการป้องกันและบรรเทาตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 โดยนายกฯใช้อำนาจตามมาตรา 31 ซึ่งศปภ.ยังเป็นศูนย์กลาง แต่ทั้งนี้เป็นไปเพื่อเป็นช่วยให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว สอดคล้อง สัมพันธ์กันอย่างสมบูรณ์ และให้ดูแลอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

สำหรับพื้นที่กทม.อยู่ทางด้านใต้ติดกับทะเล จึงจำเป็นต้องเป็นพื้นที่ทางผ่าน จึงต้องเปิดประตูระบายน้ำร่วมกันทางกทม.ผันน้ำจากทางเหนือลงทะเลโด


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์