ไฟไหม้ระทึกโฟลทติ้ง!แพดังเมืองกาญจน์วอด

5แพริมแม่นํ้าแควเจอด้วยในกรุงเผา9ชั้น"นิโกร"เจ็บ2


พระเพลิงรับลมหนาว เผาวอดแพอาหารชื่อดังโฟลทติ้ง รวมทั้งแพใกล้เคียงอีก 5 หลัง เหลือแต่ซาก ต้นเพลิงจากร้านสปาริมสะพานข้ามแม่น้ำแคว ขณะที่เมืองกรุงระทึกขวัญ แค่ข้ามคืนเจอ 4 รายซ้อน นักท่องเที่ยวต่างชาติเผ่นหนีกระเจิง หลังไฟไหม้อาคารสี่พระยาทาวเวอร์อินน์ ตึก 9 ชั้น ย่านบางรัก ต้องใช้รถกระเช้านำบันไดขึ้นไปรับตัวหนีตายสุดทุลักทุเลนักท่องเที่ยวนิโกรเจ็บ 2 คน โชคยังดีระดมน้ำดับทัน ผู้ว่าฯอภิรักษ์ นำทีมตรวจสอบทันควัน เจอช่องโหว่บันไดหนีไฟมีอุปสรรค สั่งปิดกั้นเป็นพื้นที่อันตรายชั่วคราว อีกรายไฟไหม้ชุมชนย่านฝั่งธนฯวอด 15 หลัง โชคดีไม่มีคนตาย ส่วนไฟเผาชุมชนไผ่สิงโต ล่าสุดหน่วยงานทั้งรัฐ-เอกชน รีบยื่นมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น

ไฟไหม้รับลมหนาวครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ร.ต.ท.ธีรชาติ คุ้มสังข์ พงส. (สบ 1) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุไฟไหม้ภายในชุมชนนางนอง 2 สันติสุข ซอยวุฒิกาศ 26 แขวงบางค้อ เขตจอมทอง จึงรีบราย งานผู้บังคับบัญชา รีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย รถดับเพลิง 15 คัน เนื่องจากที่เกิดเหตุเป็นชุม ชนขนาดใหญ่มีบ้านเรือนประชาชนปลูกสร้างเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงอยู่กลางชุมชน ชาวบ้านต่างพากันแตกตื่นตกใจขนข้าวของหนีไฟกันอย่างอลหม่าน เจ้าหน้าที่ต้องลากสายยางฉีดน้ำเข้าไปเพราะทางเข้าเป็นซอยเล็ก รถดับเพลิงเข้าไม่ได้จึงทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความ ยากลำบากขณะเกิดเหตุมีลมกระโชกรุนแรงจึงทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว

"พาอนุบาลหนีตายกว่า 200 คน"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านทิศเหนือของชุมชนติดกับ รร.วัดใหม่ยายนุ้ย มีนักเรียนอนุบาลกว่า 200 คนจึงต้องอพยพนำนักเรียนออกจากโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้เด็ก ๆ หลายคนต่างตกใจบ้างก็พากันร้องไห้กระจองอแง เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ มีบ้านเรือนเสียหายไป 15 หลังคาเรือน ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ส่วนบ้านต้นเพลิง เลขที่ 20/6 เป็นบ้านไม้สองชั้นของนางกาญจนา เลิศแล้ว อายุ 40 ปี ก่อนเกิดเหตุกำลังเก็บกวาดบ้านแล้วมีเสียงระเบิดขึ้นที่แผงวงจรไฟฟ้าในห้องนอนชั้น 2 พอวิ่งขึ้นไปดูพบสะเก็ดไฟตกลงไปถูกฟูกที่นอนจากนั้นลุกลามอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะดับทัน

ถัดมาอีกราย เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ภากร สมุทรคีรี สว.เวร สน.บางรัก รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ที่อาคารสี่พระยาทาวเวอร์ อินน์ เลขที่ 468 ถนนสี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อนุรักษ์ นาคพนม ผกก.สน.บางรัก และมูลนิธิร่วมกตัญญู รถดับเพลิง รถกระเช้าช่วยชีวิต เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นอาคารสูง 9 ชั้น เปิดบริการเป็นห้องพักกึ่งโรงแรม โดยมีกลุ่มควันจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากบริเวณชั้น 3 ซึ่งเป็นร้านอาหาร ส่วนผู้พักอาศัยที่อยู่ภายในมีทั้งชาวไทยและต่างประเทศต่างพากันแตกตื่นตกใจหนีตายออกมาอย่างอลหม่าน

"คนติดภายในพยายามหาทางออก"


ต่อมา พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ได้เดินทางมาควบคุมการดับเพลิงด้วยตนเอง หลังจากได้รับรายงานว่ายังมีผู้ติดอยู่ในอาคารเป็นจำนวนมาก บางส่วนพยายามทุบกระจกหน้าต่างเพื่อขอความช่วยเหลือ พบว่าผู้ติดอยู่ภายในมีทั้งชาวไทยและต่างชาติติดค้างอยู่ที่บริเวณชั้น 5 จำนวน 13 คน จึงต้องนำบันไดรถกระเช้าขึ้นไปรับตัวลงมาได้ทั้งหมดอย่างทุลักทุเลเพราะส่วนใหญ่อยู่ในอาการตื่นตระหนกตกใจและสำลักควัน นอกจากนี้มีชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บถูกเศษกระจกบาดด้วย ช่วยเหลือแยกนำส่ง รพ.เลิดสิน รพ.สมิติเวช รพ.จุฬา และ รพ.กรุงเทพคริสเตียน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงฉีดน้ำดับไฟไว้ได้ ข้าวของภายในห้องอาหารเสียหายเกือบหมด

สำหรับรายชื่อชาวต่างชาติที่ได้รับบาด เจ็บ ประกอบด้วย นายซิสเซ่ นายอแนสสัน ทั้ง 2 คนเป็นชาวกินี นายซาโน แซมดู ชาวแกม เบีย นายมานาบุ ชาวญี่ปุ่น และนายกวางเซง ชาวจีน ส่วนอีก 6 คนเป็นชาวไทยเกือบทั้งหมดสำลักควัน และได้รับบาดเจ็บเนื้อตัวฟกช้ำดำเขียวระหว่างหาทางหลบหนี

จากการสอบสวน นายสุภพ ซ่อมประดิษฐ์ อายุ 47 ปี รองกรรมการบริหารของอาคารเกิดเหตุ เปิดเผยว่าอาคารดังกล่าวสูง 9 ชั้น ที่บริเวณชั้น 1-2 ปิดไม่ได้ทำอะไร ส่วนชั้น 3 เปิดเป็นห้องอาหาร แต่ประกอบอาหารจากชั้น 1 นำขึ้นไปส่งที่ชั้น 3 สำหรับชั้น 4-9 เปิดเป็นห้องพัก มีอยู่ 70 ห้อง แต่แขกเข้ามาพักอยู่จริง ประมาณ 20 ห้องเท่านั้น ในส่วนของห้องอาหารเกิดเหตุปิดบริการตั้งแต่เที่ยงคืนเศษ กระทั่งก่อนเกิดเหตุเล็กน้อยมีช่างซ่อมบำรุงมาแจ้งว่า พบกลิ่นควันโชยออกมาจากในห้องอาหารจึงจะเข้าไปตรวจสอบแต่ห้องล็อกพยายามพังประตูเข้าไป ปรากฏว่ามีเปลวไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วจึงรีบแจ้งตำรวจทันที

"ชาวต่างชาติบาดเจ็บหนีตายกระโดดลงมา"


ด้านนายอภิรักษ์ เปิดเผยว่าสาเหตุขณะนี้ต้องรอให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบก่อน ส่วนความเสียหายในตัวอาคารพื้นที่บริเวณชั้น 3-4 ซึ่งเป็นห้องอาหารและที่พักอาศัยมีปัญหาในเรื่องของการเคลื่อนย้าย โดยเฉพาะทางหนีไฟมีอุปสรรคทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถกระเช้าขึ้นไปลำเลียงประชาชนที่ติดอยู่ภายในออกมา ในส่วนของผู้บาดเจ็บ 2 รายเป็นชายชาวต่างชาติและอีกคนเป็นหญิงพยายามจะกระโดดลงมา ล่าสุดผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนอาการปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้อาคารเกิดเหตุ อยู่ใจกลางเมืองถนนค่อนข้างแคบ รถดับเพลิงขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าไปภายในได้

ทั้งนี้อาคารที่เกิดเหตุได้ประกาศให้เป็นพื้นที่อันตรายและให้ปิดทำการไว้ก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีระบบ รักษาความปลอดภัยดีหรือไม่ อย่างไรก็ดีวันที่ 25 ธ.ค. จะเรียกประชุมหารือกับทางสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อหามาตรการป้องกัน อย่างไรก็ดีต้องขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย พบเพลิงไหม้หรือกลุ่มควันโทรฯแจ้ง ็199ิ ได้ทันที

ส่วนกรณีเหตุเพลิงไหม้ชุมชนไผ่สิงโต ฝั่งตรงข้ามศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซอยสุขุม วิท 16 ถนนพระราม 4 เขตคลองเตย ส่งผลให้ไฟไหม้บ้านเรือนเสียหายไปประมาณ 50 หลังคาเรือน ค่าเสียหายกว่า 20 ล้านบาท เหตุเกิดช่วงคืนวันที่ 21 ธ.ค. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทยอยเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ เบื้องต้นทางสนง.เขตคลองเตย ได้ตั้งเต็นท์อำนวยความสะดวกชั่วคราว นอกจากนี้ช่วงบ่าย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผช.ผบ.ทบ. พร้อมด้วยคณะนายทหาร และผู้ว่าฯ กทม.เดินทางไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย 120 ครอบครัว มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนประมาณ 250 คน โดยเตรียมทำเรื่องจ่ายค่าชดเชยให้กับบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหมด พร้อมมอบเงินในการยังชีพเบื้องต้น 10,000 บาทต่อครอบครัว

"เร่งระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน"


ต่อมาเวลา 17.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.เกริกสิทธิ์ เนียมนัด สวส.สน.บางโพงพาง รับแจ้งเกิดเพลิงไหม้ อาคารเลขที่ 713/51-53 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา ไปตรวจสอบพร้อมรถดับเพลิง 3 คัน ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น 3 คูหา ด้านล่างเปิดเป็นบริษัทขายเครื่องกรองน้ำ ส่วนชั้น 2-3 เป็นที่เก็บของ ชั้น 4 จุดต้นเพลิงเปิดรับทำเฟอร์ นิเจอร์ โดยเปลวเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะลามออกไปติดป้ายโฆษณาด้านนอกจนเสียหายหมด เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันฉีดน้ำสกัด หลังผ่านไป 30 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ และค่าเสียหายที่แน่ชัด ต้องรอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ที่จ.กาญจนบุรี ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 00.35 น. พ.ต.ท.อำนวย ฉ่ำมะนา พงส.(สบ2) สภ.อ.เมืองกาญจนบุรี รับแจ้งเหตุว่ามีเพลิงไหม้ที่ร้าน ็มิลำมาสสาสแอนด์สปา เลขที่ 425 และแพอาหาร ็โฟลทติ้งิ ตั้งอยู่บริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ต.ท่ามะขาม อยู่ติดกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ไตรวิช น้ำทองไทย ผกก. นายสมพร วิษณุวงศ์ รองนายก เทศมนตรีเทศบาลเมืองกาญจนบุรี หน่วยกู้ภัยมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์และรถดับเพลิงจากเทศบาลรีบไประงับเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วงขยายวงกว้างลงไปติดแพอาหารอีก 5 หลังจึงต้องระดมรถดับเพลิงมาช่วยฉีดน้ำสกัดกั้นกันเพิ่ม ใช้เวลากว่า 1 ชม. ควบคุมไว้ได้

จากการตรวจสอบพบว่า เพลิงเผาผลาญร้านสปาซึ่งอยู่ในระหว่างปรับปรุงตกแต่งร้าน แพอาหารโฟลทติ้ง รวมทั้งแพในแม่น้ำแคว วอดวายอีก 5 หลัง รวมทั้งตู้เอทีเอ็มของธนาคารนครหลวงไทย ที่ตั้งบริการอยู่ริมฝั่งด้วย ทั้งนี้แพอาหาร ็โฟลทติ้งิ ถือเป็นแพอาหารที่มีชื่อเสียงของเมืองกาญจนบุรี เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ล่าสุดยังใช้ถ่ายแนะนำตัวผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2006 ที่ผ่านมา ด้าน น.ส.นงลักษณ์ อินทร์ประสิทธิ์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านสปา ให้การว่าทางร้านกำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุงตกแต่งร้าน โดยก่อนเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้าว่าจ้างช่างมาทาสีในร้าน สาเหตุยังไม่ทราบว่ามาจากเรื่องใดต้องรอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเสียก่อน ส่วนค่าเสียหายทั้งหมดคาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์