ไฟใต้โชน5ปีศพ3พันปัตตานีระเบิด-เผา5จุด

เปิดสถิติ 5 ปีไฟใต้ ก่อเหตุเกือบหมื่นครั้ง ตายเกลื่อน 3,000 ศพ "อดุลย์" ชี้ปีหน้าดีขึ้น เชื่อโจรใต้แค่ชิงพื้นที่ข่าว ส่วนในพื้นที่ยังระอุ เผาโรงเรียน-อบต.-รถยนต์ 5จุดพร้อมๆ กัน ที่ยะลาซุกบึ้มในกรวยจราจร ทหารชุดคุ้มครองครูสาหัส 2 รวบต้องสงสัยสัยก่อเหตุ 5 คน

 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสถาบันอิศรา จัดเสวนาในหัวข้อ "ทิศทางไฟใต้ ปี 52" ซึ่งมีการวิเคราะห์ปัญหาและทิศทางการแก้ไขปัญหาอย่างหลากหลาย โดย พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ความรุนแรงในชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2547-พฤศจิกายน 2551 เกิดความรุนแรงกว่า 8,000 ครั้ง เสียชีวิตกว่า 3,000 คน ลักษณะการเกิดมีความเชื่อมโยงกันในสามจังหวัดและในกลุ่มขบวนการมีความพยายามสร้างความหวือหวาอยู่ตลอดเวลา เพื่อเรียกร้องและแสดงให้เห็นว่ากลุ่มขบวนการยังสามารถปฏิบัติการได้และแย่งพื้นที่หน้าสื่อได้ เชื่อว่าปีหน้าเหตุการณ์น่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ต้องมีมาตรการแก้ปัญหาในทุกมิติ ทั้งทางการเมืองและการทหารควบคู่กันไป

 พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า ปีนี้จะเน้นยุทธศาสตร์ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ให้กำลังพลของแต่ละหน่วยลงไปรับทราบปัญหาทุกหลังคาเรือน และให้ทหารนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ขณะนี้เริ่มนำร่องใน 42 หมู่บ้านแล้ว ซึ่งประชาชนก็เริ่มมีความกล้าที่จะคุยกับทหารมากขึ้น แต่คงต้องใช้เวลา

 พล.ท.พิเชษฐ์ กล่าวถึงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะใช้สำนักงานบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สบ.ชต.) ในการดูแลปัญหาภาคใต้ว่า ไม่คิดว่าจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่ซ้ำซ้อนกัน เพราะ กอ.รมน.มีหน้าที่ชัดเจนที่กำหนดไว้แล้ว ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ศ.2551 ซึ่งได้กำหนดยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาภาคใต้ในภาพรวม 4 ด้าน คือ 1.ใช้การเมืองนำทหาร 2.ใช้แนวทางสันติวิธี 3.เคารพสิทธิมนุษยชน และ 4.การพัฒนาที่สมดุล เข้าสู่ชุมชน โดยใช้ยุทธศาสตร์ความมั่นคงหมู่บ้าน

 วันเดียวกัน นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จะตั้งคณะทำงานของรัฐมนตรี และที่ปรึกษา โดยจะประเมินผลทุก 15 วัน ทั้งในส่วนของคำสั่ง ข้อปฏิบัติ ซึ่งคณะทำงานจะมาจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ประชาชน และการเมือง โดยตนจะใช้ความจริงใจและจริงจัง เพื่อให้ประชาชนไว้ใจและเชื่อใจ ในระยะเริ่มต้นอาจจะถูกตั้งข้อสังเกต แต่ถ้าทำดีประชาชนก็จะเข้าใจ

บึ้มชุดคุ้มครองครูสาหัส 2 

 ขณะที่ความรุนแรงในพื้นที่ เมื่อเวลา 08.25 น. วันที่ 26 ธันวาคม เกิดเหตุระเบิดที่บริเวณเกาะกลางถนน หน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. ริมถนนสาย 410 หมู่ 7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา มีทหารบาดเจ็บ 2 นาย ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ 2 คัน ล้มอยู่บนถนน มีผู้บาดเจ็บ คือ ส.อ.อนุชิต ฐานโสภา ถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บ แขนขวาหัก และพลทหารศราวุธ แก้วเกตุ ถูกระเบิดเข้าที่ลำตัวและขา อาการสาหัส ทั้งคู่เป็นทหารสังกัดชุดลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครู ชุดเฉพาะกิจยะลาที่ 13

 หลังตรวจสอบที่เกิดเหตุยังพบเศษกล่องเหล็ก ที่คาดว่าเป็นกล่องที่ใช้บรรจุระเบิด เศษสะเก็ดระเบิด เป็นเหล็กเส้นตัดขนาด 1 ซม. กระจายอยู่ทั่ว และเศษวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 2 กก. จุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรล  โดยพบว่าคนร้ายนำระเบิดซุกไว้ในกรวยจราจรสามเหลี่ยมสีส้ม ที่วางตรงเกาะกลางถนน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ควบคุมชายวัยรุ่นต้องสงสัย 5 คน ที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เนื่องจากตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีคราบเขม่าสารปนเปื้อนตามร่างกาย จึงเชิญตัวไปซักถาม

 พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้กระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้น จนสามารถควบคุมตัวกลุ่มบุคคลผู้คต้องสงสัยได้ 5 คน เนื่องจากตรวจพบสารตั้งต้นของวัตถุระเบิดปนเปื้อนตามเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย เหตุครั้งนี้เชื่อว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่บริเวณโรงแรมปาร์ควิว เขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากวัตถุระเบิดน่าจะมาจากแหล่งเดียวกันกับเครือข่ายกลุ่มนายไฟศอล หะยีสามะแอ มือประกอบวัตถุระเบิดคนสำคัญของขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ที่สำคัญทางการข่าวพบว่าแนวร่วมกลุ่มนี้ใช้พื้นที่ อ.กรงปินัง เป็นแหล่งกบดาน

ป่วน 5 จุดทั้งยิง-เผา

 ส่วนที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน พร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ กระจายกำลังจู่โจมเข้าก่อเหตุหลายแห่งในพื้นที่ อ.ยะรัง จุดแรก คนร้าย 6 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คัน เป็นพาหนะ พร้อมอาวุธปืน เข้าไปภายใน อบต.สะนอ หมู่ 4 ต.สะนอ อ.ยะรัง และข่มขู่เจ้าหน้าที่ 5 คน ที่กำลังทำงานอยู่ให้ออกไป จากนั้นใช้น้ำมันเบนซินราดภายใน อบต. เพลิงไหม้โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เอกสาร และเครื่องใช้สำนักงาน ได้รับความเสียหาย ระหว่างทางที่หลบหนียังวางวัตถุต้องสงสัยปลอมลวงเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งโรยตะปูเรือใบถนนชนบทสายสะนอ-ยะรัง เผายางรถยนต์บนถนนสายราตาปันยัง-สะนอ อ.ยะรัง ก่อนหลบหนีไป

 จากนั้นคนร้าย 6 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คัน เป็นพาหนะ พร้อมอาวุธปืนครบมือ โดยมีพฤติกรรมเหมือนกัน คือ คนร้ายข่มขู่เจ้าหน้าที่ให้ออกไป จากนั้นใช้น้ำมันเบนซินราดรถดับเพลิงที่จอดอยู่ในโรงรถ อบต.เขาตูม อ.ยะรัง เสียหายทั้งคัน ก่อนหลบหนีได้โรยตะปูเรือใบตลอดเส้นทาง

 เวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนและกลุ่มเข้าไปในโรงเรียนบ้านละหารยามู หมู่ 2 ต.กอลำ อ.ยะรัง และทุบกระจกรถของครูที่จอดในโรงรถ แล้วราดน้ำมันเบนซิน พร้อมกับเผารถเสียหาย 1 คัน จากนั้นยิงกราดเข้าไปในโรงเรียน ทำให้บรรดาครูและนักเรียนต้องหลบหนีกันพัลวัน แต่ไม่ใครได้รับบาดเจ็บ ระหว่างหลบหนีคนร้ายได้กราดยิงบ้านเรือนราษฎรหลายหลัง 

 อีกจุด คนร้ายเข้าไปในโรงเรียนบ้านสายชล หมู่ 4 ต.กอลำ อ.ยะรัง ใช้น้ำมันเบนซินราดเผารถของครูที่จอดในโรงเรียนเสียหาย 1 คัน ก่อนหลบหนีได้วางวัตถุต้องสงสัย ซึ่งเป็นของปลอม และโรยตะปูเรือใบในเส้นทางที่หลบหนี ส่วนจุดสุดท้าย คนร้าย 6 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คัน เป็นพาหนะ พร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้าไปใน อบต.วัด อ.ยะรัง ซึ่งเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว จากนั้นใช้น้ำมันเบนซินราดภายในอาคารและจุดไฟเผาเสียหายทั้งหมด 

เตือนระวังบึ้มช่วงปีใหม่

 วันเดียวกัน หน่วยข่าวความมั่นคงแจ้งเตือนไปยังกองกำลังทุกฝ่ายในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลา บางส่วน ให้ระวังป้องกันการก่อวินาศกรรมในพื้นที่เขตเมือง สถานที่ราชการที่เป็นเป้าหมายกลุ่มเครือข่ายแนวร่วมชุดใหม่ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งมีแผนในการก่อวินาศกรรม เพื่อทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ

 มีรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายมะแอ อุเซ็ง คนสนิทของนายสะแปอิง บาซอ ประธานขบวนการบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต ได้ลักลอบเดินทางจาก อ.ตาเนาะแมเราะ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เข้ามาประชุมแกนนำที่มัสยิดแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อสั่งการให้แกนนำในพื้นที่ก่อเหตุร้ายในห้วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน

 จากการสืบสวนในทางลับของหน่วยข่าวความมั่นคงทราบว่า การที่กลุ่มดังกล่าววางแผนลอบวางระเบิดตามเป้าหมายนั้น มีแกนนำที่เป็นผู้วางแผนร่วมกับแกนนำแต่ละพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ 15 คน ทั้งหมดเป็นระดับหัวหน้าฝ่าย และมีผู้นำหน่วยปฏิบัติการ 8 คน ซึ่งเป็นแกนนำที่มีหมายจับในคดีความมั่นคง ในการก่อการร้ายครั้งนี้ มีการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่แกนนำในแต่ละพื้นที่กลุ่มละ 5 แสนบาท

 หน่วยข่าวความมั่นคงยังระบุว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเตรียมงบประมาณในการก่อเหตุทำลายความเชื่อมั่น เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงสิ้นปี 2551 เป็นเงินราว 70 ล้านบาท โดยเงินทั้งหมดมาจากต่างประเทศ 1 ส่วน อีก 2 ส่วนเป็นเงินที่กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดและของผิดกฎหมาย และอีกส่วนเป็นเงินสนับสนุนของสมาชิกในพื้นที่ที่มีการเรียกเก็บเป็นรายเดือนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์