ไทยพุทธผวา ยังแห่หนีตาย เผาบ้าน-ยิงอีก2ศพ

"อาวุธสงครามถล่มร้านน้ำชา"


เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 12 พ.ย. ร.ต.ท.กูมะแอน สัญญา ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้ง มีเหตุคนร้ายใช้ปืนสงครามถล่มร้านน้ำชา ไม่มีเลขที่ ริมถนนพิธานอำนวยกิจ หมู่ 1 ต.รือเสาะ ออกไปสอบสวนที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.อ.รือเสาะ พ.ต.ท.ธนพล มีชัย รอง ผกก.(ป.) ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครอง

พบภายในร้านมีโต๊ะ เก้าอี้ ล้มระเนนระนาด ตู้ใส่อาหาร ฝาผนังมีรอยถูกกระสุนปืนเป็นรูโหว่ บนพื้นเต็มไปด้วยกองเลือด ส่วนบนถนนหน้าร้านมีปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ตกเกลื่อน 19 ปลอก ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย นำส่ง รพ.รือเสาะ ไปก่อนหน้าแล้ว และเสียชีวิตระหว่างทาง 1 ราย ทราบชื่อนายโซฟี โต๊ะลูโบ๊ะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224/58 หมู่ 1 ต.รือเสาะออก ถูกยิงด้วยกระสุนปืนเอ็ม 16 ที่ศีรษะ 1 นัด ส่วนคนที่ได้ รับบาดเจ็บชื่อนายมูฮำหมัดเซอฟัน โต๊ะลูโบ๊ะ อายุ 22 ปี น้องของนายโซฟีผู้ตาย ถูกยิงที่ขาขวาอาการสาหัสแพทย์นำส่งต่อ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์

"เอ็ม16 กราดยิงชุดใหญ่"


สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายกับน้องชายและเพื่อนบ้านรวม 6 คน นั่งดื่มน้ำชาอยู่ในร้านที่เกิดเหตุได้มีคนร้าย 4 คน สวมหมวกไหมพรมคลุมหน้าเป็นไอ้โม่ง ซ้อน จยย. 2 คันมาจอดหน้าร้าน แล้วคนร้ายที่นั่งซ้อนท้าย 2 คน ได้ใช้ปืนเอ็ม 16 กราดยิงถล่มเข้าไปในร้านชุดใหญ่ กระสุนปืนถูกผู้ตายกับน้องชายล้มลงจมกองเลือด หลังก่อเหตุคนร้ายเร่งเครื่องหลบหนีไป คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ก่อความไม่สงบ

อีกรายเวลา 12.45 น. พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ ผกก.สภ.อ.รือเสาะ นายดลเดช พัฒนรัตน์ นอภ.รือเสาะ นำกำลังตำรวจ ทหารและ อส.ไปสอบสวนเหตุยิงกันบนถนน บ้านลุโบ๊ะกูแว ต.รือเสาะ พบศพนายทองเพชร ชาติชำนิ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 193 หมู่ 2 ต.รือเสาะ ถูกยิงด้วยปืน 11 มม.เข้าที่แขนขวา 1 นัดและกลางหลังอีก 2 นัด นอนจมกองเลือดอยู่ข้างรถ จยย. โดยมีนางพิมพา หนูบ้านเกาะ อายุ 46 ปี ภรรยาถูกยิงที่ขาซ้ายบาดเจ็บ นั่งกอดศพสามีร่ำไห้อย่างน่าเวทนา เจ้าหน้าที่จึงนำส่ง รพ.รือเสาะ สอบสวนทราบว่า ขณะทั้ง 2 ขี่ จยย.กลับจากหาของป่าถูก 2 คนร้ายซ้อน จยย.ไล่ประกบยิง ถูกนางพิมพาจนรถล้มแล้วคนร้ายตามมาจ่อยิงนายทองเพชรอีกหลายนัดจนเสียชีวิต

"อาก้าซุ่มถล่มข้างทาง"


ทางด้าน จ.ยะลา ตอนเช้าวันเดียวกัน ขณะที่นาย จีรพล สังข์ทอง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103/3 หมู่ 1 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา กับนายไฟซอล นิซอ อายุ 22 ปี ซ้อน จยย.จะไปล่าหมูป่า ผ่านบ้านอูแบ ต.บาเจาะ ถูกคนร้ายซุ่มอยู่ข้างทางใช้ปืนอาก้ายิงถล่ม ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้ง 2 คน หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.อนัน ฤทธิธรรม ร้อยเวร สภ.อ.บันนังสตา พ.ต.ท.นิยม รื่นเริง รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.สมพร โสะหาบ พงส. (สบ.3) นำกำลัง ไปตรวจสอบ คาดเป็นฝีมือโจรใต้สร้างสถานการณ์

ก่อนหน้านั้นเมื่อกลางดึกวันที่ 11 พ.ย. ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกยิงถล่มบ้านเลขที่ 51/1 หมู่ 3 บ้านทุ่งคอก ต.ตาเซะ อ.เมืองยะลา แล้วราดน้ำมันเบนซินจุดไฟเผาวอดทั้งหลัง ต่อมาเจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 45 ยะลา ไปตรวจสอบพบกระป๋องน้ำมันเบนซินตกอยู่ในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังพบซากแมวและสุนัข ถูกคนร้ายยิงตาย สอบสวนทราบว่า บ้านเกิดเหตุเป็นของนายฮั่น หน่อทอง อายุ 65 ปี ชาวไทยพุทธ อาชีพเป็นครูสอนรำมโนราห์ และ ชรบ.ของหมู่บ้าน ขณะเกิดเหตุนายฮั่น ไปอยู่เวรที่วัดชมพู่สถิต ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จึงรอดตายหวุดหวิด

"เตรียมทำหนังสือถวายฎีกา"


ส่วนที่วัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา สถานที่หลบภัยโจรของชาวไทยพุทธจาก อ.บันนังสตา กับ อ.ธารโต จ.ยะลา ตลอดทั้งวันมีประชาชนนำอาหาร สิ่งของมาบริจาคไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันกลุ่มผู้หนีภัยได้ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณวัดและตัดหญ้าเพื่อเตรียมตั้งเต็นท์เป็นที่อาศัยเพิ่มเติม เนื่องจากชาวหมู่บ้านจุฬาภรณ์ 9 อ.ธารโต อีก 5 ครอบครัว กว่า 30 คน จะเดินทางมาอาศัยอยู่ด้วย จนถึงขณะนี้มีครอบครัวชาวไทยพุทธอพยพมาอยู่ที่วัดทั้งหมด 60 ครอบครัว กว่า 200 ชีวิต พร้อมกันนี้กลุ่มชาวบ้านเตรียมทำหนังสือถวายฎีกาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่จะเสด็จฯมาที่วัดในวันที่ 13 พ.ย.นี้

ขณะเดียวกัน นายธีระ มินทราศักดิ์ ผวจ.ยะลา พร้อม นายอับดุลเลาะแม เจ๊ะเซะ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลาและคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมกลุ่มคนไทยพุทธที่บริเวณวัดนิโรธสังฆาราม พร้อมนำสิ่งของมาบริจาคจำนวนหนึ่ง โดยนายธีระเปิดเผยว่า เพิ่งมารับตำแหน่งผู้ว่าฯยะลา วันนี้เป็นวันแรกที่ได้มาเยี่ยมชาวบ้าน ขณะนี้มีหน่วยงานหลายหน่วยงานมาช่วยเหลือ อาทิ หน่วยแพทย์ เคลื่อนที่ รพ.ศูนย์ยะลา จากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และทางสำนักงานการศึกษาพื้นที่เขต 1 และ 2 ยะลา

"หวาดกลัวไม่กล้ากลับไปอาศัยถิ่นเดิมวอนช่วยเหลือ"


ด้านนางนิภาวรรณ วงศ์แย้ม ชาวไทยพุทธที่อพยพมาอยู่วัด กล่าวว่า ได้มาอยู่ที่วัดกว่า 5 วันแล้ว และยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต เพราะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานของรัฐ เพียงแต่ให้อยู่ต่อไปก่อน สำหรับตนคงจะไม่กล้ากลับไปที่เดิมแล้ว เนื่องจากกลัวตาย คิดว่าจะขอให้ทางการช่วยเหลือในการหาอาชีพให้ทำและจะทำมาหากินอยู่ในตัวเมืองยะลา เพราะมีความปลอดภัยกว่า

ส่วนนางคล้อย มิ่งละเอียด อายุ 68 ปี ชาวบ้านผู้ที่สูญเสียสามีและลูกสาวไปในกองเพลิงเนื่องจากถูกโจรยิงและเผาบ้าน กล่าวว่า ไม่รู้เป็นเวรกรรมอะไรที่ครอบครัวต้องมาประสบเคราะห์ร้ายจากกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี และยังไม่รู้เลยว่าจากนี้ต่อไปจะทำอะไรกิน ตนจะนำเรื่องราวทั้งหมดกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ขอให้พระองค์ทรงช่วยเหลือครอบครัวของคนไทยพุทธที่ได้รับความเดือดร้อนและหวังพึ่งบารมีจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่วนตนไม่เป็นไร เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างได้หมดสิ้นไปหมดแล้ว มีเพียงชีวิตเดียวที่จะขออยู่ไปวันๆเท่านั้น

นอกจากชาวบ้านจาก 2 อำเภอใน จ.ยะลา ต้องอพยพหนีภัยโจรแล้ว ยังมีชาวหมู่ 1 กับหมู่ 3 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา ต่างหวาดผวาภัยโจรเช่นกัน ทางการต้องส่งทหาร ฉก.11 ยะลา เข้าไปคุ้มกัน โดยทุกเช้าทหารจะคุ้มกันชาวบ้านออกไปทำมาหากิน แม้กระทั่งนำฝูงวัวไปเลี้ยง ทหารต้องคอยดูแลจนไปถึงจุดหมายปลายทาง และขากลับก็ช่วยจูงวัวกลับบ้านให้ด้วย

"ทรงโปรดเกล้าฯให้ผู้แทนวางพวงมาลา"


ที่วัดเมืองยะลา อ.เมืองยะลา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ โปรดเกล้าฯให้ พล.อ.อ. ทรงศักดิ์ ตะวันแจ้ง หัวหน้าสำนักงานราชเลขาในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เป็นผู้แทนพระองค์ นำพวงมาลาพระราชทานวางศพ ด.ต.ศรีจันทร์ ไอยวรรณ และ จ.ส.ต.ประเสริฐ ปิ่นดำ สังกัด มว.ตชด.4023 ฉก.13 ที่ถูกโจรยิงและฟันเสียชีวิต ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ เหตุเกิดบนถนน หมู่ 2 บ้านทำนบ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา

ในการนี้ พล.อ.อ.ทรงศักดิ์ ตะวันแจ้ง ได้อัญเชิญกระแสรับสั่งจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ถึงครอบครัว ตชด.ทั้ง 2 นายว่า พระองค์ทรงเป็นห่วงและขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของตำรวจที่เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสร้างความปลาบปลื้ม ให้กับครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่นางสว่าง ไอยวรรณ ภรรยาของ ด.ต. ศรีจันทร์ กล่าวว่า ยังทำใจไม่ได้ ในการจากไปของสามี เพราะเขาเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด ไม่คาดคิดว่าจะถูกทำร้ายจนเสียชีวิต แต่ก็มีความภูมิใจที่สามีทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์และรู้สึกซาบซึ้ง ในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงครอบครัวไอยวรรณและเพื่อนตำรวจด้วยกัน

"เข้มงวดคุ้มครองครู"


ส่วนนายพิเทพ รัสมาน คอเต็บแห่งมัสยิดไทยปากี จ.ยะลา กล่าวถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวคำขอโทษต่อประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กรณีเกิดความไม่สงบ อีกทั้งยังได้เดินทางลงไปพบปะผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น นักศึกษา ประชาชนว่า รัฐบาลให้แทบทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว ไม่ทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการอะไรอีก รู้สึกเห็นใจชาวไทยพุทธที่ต้องอพยพครอบครัวออกไปอาศัยอยู่ที่วัดนิโรธสังฆาราม หากเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับพ่อแม่พี่น้องหรือครอบครัวผู้ก่อเหตุบ้างจะมีความรู้สึกเช่นไร ควรนึกถึงใจเขาใจเราบ้าง

ที่ห้องประชุม สำนักงานผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการเขต 12 ยะลา นายนพพร มาศคงแก้ว รักษาการ ผอ.สพท.เขต 2 ได้ประชุมผู้บริหารครูในพื้นที่เขต 2 อ.บันนังสตา เพื่อเตรียมการรับวันเปิดเรียนกว่า 30 โรงเรียนที่ปิดไปชั่วคราว หลังจากที่ชาวบ้านขับไล่ ตชด.3201 ที่ตั้งฐานอยู่ในโรงเรียนบ้านบาเจาะ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา โดยนายนพพรกล่าวว่า เมื่อเปิดการเรียนแล้ว แต่ยังเกิดเหตุร้ายอีก ผู้บริหารโรงเรียนสามารถสั่งปิดโรงเรียนได้ทันที พร้อมกันนี้ได้ประสานกำลังทหารในพื้นที่ให้เพิ่มความเข้มงวดในการคุ้มครองครูมากขึ้น ส่วนนักเรียนที่อพยพตามผู้ปกครองไปอยู่ในวัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา นั้น ล่าสุดทางกระทรวงศึกษาธิการได้จัดห้องเรียนขนาดเล็กให้ภายในวัดและขอครูอาสา เข้าไปสอนหนังสือให้แล้ว

"หาทางช่วยเหลือคนไทยพุทธ"


ทางด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานปิดงานการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศที่ จ.นครราชสีมา ถึงกรณีชาวไทยพุทธต้องหนีภัยโจรไปอาศัยอยู่ในวัด ว่า ต้องสร้างความมั่นใจและดูแลความปลอดภัยของคนไทยพุทธ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญยิ่งและตนจะเดินทางลงไปให้กำลังใจในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ พร้อมหาทางดูแลเรื่องของความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่ เท่าที่ทราบมีชาวไทยมุสลิมได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือคนไทยพุทธกลุ่มนี้ด้วย เป็นเรื่องที่อยากเห็นในความร่วมมือร่วมใจในส่วนนี้จากพี่น้องประชาชนในภาคใต้ให้มากยิ่งขึ้น เพราะสังคมของเราคงไม่สามารถที่จะแยกกันออกไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์จะบานปลายไปสู่จังหวัดอื่นหรือไม่ แม้แต่พระสงฆ์ยังต้องงดออกบิณฑบาต นายกรัฐมนตรีตอบว่า คงไม่บานปลาย เรื่องที่พระสงฆ์งดออกบิณฑบาตเป็นเพียงมาตรการรักษาความปลอดภัยเท่านั้น ในส่วนนี้เคยหารือกันถึงการออกบิณฑบาตของพระสงฆ์ตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดในตัวเมืองนราธิวาสแล้วว่า น่ามีการทบทวน และการทำบุญสามารถไปทำบุญที่วัดได้ ส่วนพระมีความปลอดภัยมากขึ้น

"ให้เข้มแข็งปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด"


ที่ผ่านมาได้เน้นย้ำทั้ง ศอ.บต.และ พตท.43 ให้สร้างความมั่นใจให้สังคมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ สถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นมาในช่วงนี้อาจจะด้วยเหตุผลใดก็ตามก็ต้องเข้มงวด เพราะรู้อยู่แล้วว่าพื้นที่ใดที่มีเหตุรุนแรง พล.อ.สุรยุทธ์กล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุรุนแรงขณะนี้เกิดจากการแบ่งแยกดินแดน ยาเสพติดหรือการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวว่า พวกเราทุกคนได้ติดตามกันตลอดอยู่แล้ว ไม่อยากพูดซ้ำ แต่เรื่องที่อยากจะให้เกิดคือความสามัคคี ความร่วมมือร่วมใจแก้ไขปัญหา จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ได้เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นประธานเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ พร้อมนำเยาวชนในโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ 90 คน ออกเดินป่าเพื่อให้กลุ่มเยาวชนจากภาคใต้ได้สัมผัสและอนุรักษ์ป่าธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำที่สำคัญ

ส่วนที่ รพ.ปัตตานี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์พระวรชายาฯ เสด็จฯทรงเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่และทรงมีพระราชานุญาตให้ทางโรงพยาบาลจัดสถานที่ให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิดด้วย จากนั้นได้เสด็จฯไปยังโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ปัตตานี ทรงเยี่ยมราษฎร ลูกเสือชาวบ้าน อาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน ชุดรักษาหมู่บ้าน และผู้นำศาสนาอิสลามจาก 12 อำเภอในจังหวัดปัตตานี โดยได้มีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองพระบาทรอรับเสด็จพร้อมกับพระราชทานกำลังใจในการบำรุงชีวิต และปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยของตนเองและความสงบเรียบร้อยของชุมชน รับสั่งให้ทุกคนเข้มแข็งอดทน พร้อมกันนี้ได้มีพระราชดำรัสให้หน่วยงานต่างๆเร่งให้ความช่วยเหลือราษฎรที่เดือดร้อน ทั้งในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพ


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์