ไกด์สาวเกาหลี หนีจยย.หื่นโดดขวางรถ6ล้อ

ไปหาเพื่อนกลางดึก!ในโรงแรมเมืองพัทยาโดนลวงเข้าป่า-สู้ตายคนขับรถบรรทุกช่วยทัน


ไกด์สาวเกาหลีระทึก! นั่งซ้อนท้ายจยย.รับจ้างในเมืองพัทยาไปหาเพื่อนอีกโรงแรม เจอเล่ห์โชเฟอร์หื่นลวงเข้าป่าละเมาะ ทั้งเปลี่ยวทั้งมืด อ้างทางลัด ก่อนจอดรถปลุกปล้ำหมายขืนใจ สาวแดนโสมสู้สุดฤทธิ์หนีออกมาได้ในสภาพทุลักทุเล โชคดีเจอรถบรรทุก 6 ล้อผ่านมาพอดี ตัดสินใจโดดขวาง กางสองแขนร้องขอความช่วยเหลือ ตร.ระดมล่าหนุ่มจยย.หื่น เผ่นหนีไปได้พร้อมทรัพย์สินไกด์สาวร่วม 5 หมื่น

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 7 ก.พ. พ.ต.ต.อนุเชษฐ์ กาศสมบูรณ์ สวส.สภ.ย่อยโค้งดงตาล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งจากนายรักจิต แซ่เอี้ย อายุ 41 ปี อาชีพขับรถบรรทุกน้ำบาดาลขาย อยู่บ้านเลขที่ 65/1 ม.12 ต.หนองปรือ ว่า พบหญิงชาวต่างชาติถูกชายไทยอาชีพขับรถ จักรยานยนต์รับจ้างใช้กำลังประทุษร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ หวังปลุกปล้ำข่มขืนและชิงทรัพย์ ยืนขอความช่วยเหลืออยู่บนถนนจอมเทียนสาย 2 ถนนเชื่อมต่อระหว่าง ซอยมิตร ชัยบัญชา กับซอยชายหาดจอมเทียน 9 ม.12 ต.หนองปรือ หลังรับแจ้งรายงานให้พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สภ.ต.พัทยา พ.ต.ต.ไชยกฤษณ์ ทองอินทร์ สว.สส. และกำลังตำรวจสืบสวนอีกจำนวนหนึ่งรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ เป็นถนนเปลี่ยว ไม่มีไฟฟ้า และข้างทางเป็นป่าละเมาะ พบน.ส.ลี ซัน ยัง อายุ 33 ปี ไกด์สาวสัญชาติเกาหลี ยืนร้องไห้ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ในสภาพสวมเสื้อกล้ามสีชมพู นุ่งกระโปรงสั้นสีขาว เปื้อนคราบดินและเศษหญ้าทั้งตัว ตามร่างกายมีร่องรอยถูกทำร้าย แขนซ้ายถลอก และเข่าซ้ายเป็นแผลแตกเลือดไหล นอกจากนี้ ยังมีอาการปวดที่ชายโครง เนื่องจากถูกชกหน้าท้องและถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยาทันที

"ให้ปากคำกระท่อนกระแท่น"


จากการสอบสวนนายรักจิต พลเมืองดีผู้พบเห็นเหตุการณ์และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้การว่า ขณะกำลังขับรถบรรทุกเข้ามาในซอยเพื่อจะนำน้ำไปส่งลูกค้าที่โรงแรมหน้าซอยจอมเทียน 9 ถึงที่เกิดเหตุพบน.ส.ลี ซัน ยัง วิ่งพรวดพราดออกมาจากป่าละเมาะข้างทาง กระโดดขวางหน้ารถของตน พร้อมกางแขนให้จอดรถร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ โดยอยู่ในสภาพเสื้อผ้าเปื้อนฝุ่น ผมบนศีรษะมีเศษใบไม้ใบหญ้าติดอยู่เป็นจำนวนมาก ตามร่างกายมีบาดแผลถลอกหลายแห่ง จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจดังกล่าว

น.ส.ลี ซัน ยัง พูดภาษาไทยกระท่อนกระแท่นจับใจความได้ว่า ก่อนเกิดเหตุว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างวินหน้าโรงแรมลองบีช ย่านหาดวงษ์อมาตย์ ให้ขับไปส่งหาเพื่อนสาวซึ่งเป็นไกด์สัญชาติเดียวกัน ที่โรงแรมปาล์มบีช ย่านหาดจอมเทียน โดยโชเฟอร์จักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย สวมเสื้อกั๊กสีเขียว สกรีนเสื้อด้านหลังเป็นภาษาเกาหลีแต่ไม่มีเบอร์ ขับรถมาถึงบริเวณโค้งหนุมาน ถนนสายอ้อมเขาพระตำหนัก ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งหน้าไปถนนชายหาดจอมเทียน โดยคนร้ายจอดรถและอ้างว่าไม่รู้เส้นทางไปโรงแรม ตนจึงได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนไกด์ด้วยกันเพื่อถามเส้นทางและทราบว่าโรงแรมปาล์มบีช ตั้งอยู่บริเวณชายหาดจอมเทียน ห่างจากสถานีสอบสวนย่อยโค้งตาลเพียง 300 เมตร แต่คนขับอ้างว่าจะพาไปเส้นทางลัด พร้อมขับรถเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยจอมเทียน สาย 2 หรือชื่อเดิมเรียกกันว่าซอยมิตร ชัยบัญชา ซึ่งเป็นเส้นทางเปลี่ยวและมืด

"หลอกอ้างเป็นทางลัด"


ไกด์สาวกล่าวต่อว่า เมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นป่าละเมาะมืดสนิทและปลอดผู้คน โชเฟอร์ได้ขับรถพุ่งเข้าไปในป่าละเมาะข้างทาง จนตนเองตกจากรถได้รับบาดเจ็บ จากนั้นใช้กำลังปลุกปล้ำหวังข่มขืน แต่ตนขัดขืนจึงถูกคนร้ายเตะเข้าชายโครงซ้าย พร้อมกับต่อยเข้าหน้าท้อง ตนต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์ถึงแม้จะจุกเสียดจากการถูกเตะและต่อย คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงกระชากกระเป๋าสะพายสีน้ำตาล ภายในมีทรัพย์สินเป็นเงินไทยจำนวน 10,000 บาท เงินสหรัฐ 600 ดอลลาร์ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง และเอกสารสำคัญอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าแล้วเกือบ 50,000 บาท ก่อนขับรถหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นตนพยายามพยุงร่างกายวิ่งออกจากป่าเพื่อขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านกระทั่งเดินมาพบรถบรรทุกน้ำดังกล่าวให้ความช่วยเหลือ แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ

หลังทราบข้อมูลเบื้องต้น พ.ต.ต.อนุเชษฐ์ วิทยุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจระดมกำลังออกติดตามจับกุมตัวคนร้าย พร้อมทั้งตรวจสอบบริเวณป่าละเมาะจุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง เพื่อค้นหาทรัพย์สินของผู้เสียหายที่คาดว่าคนร้ายน่าจะโยนทิ้งไว้ แต่ไม่พบ ส่วนการระดมกำลังติดตามจับตัวคนร้ายก็ไร่วี่แวว

พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สภ.ต.พัทยา กล่าวว่า สอบปากคำผู้เสียหายแล้ว ที่โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โดยแพทย์ระบุว่าได้รับความกระทบ กระเทือนทางจิตใจมาก ต้องให้เพื่อนสนิทมาคอยปลอบ อาการบาดเจ็บตามร่างกายไม่ถึงขั้นอันตราย แต่ต้องให้นอนพักผ่อนเพื่อดูอาการที่โรงพยาบาลไปก่อน ส่วนการติดตามคนร้ายในคราบของรถจักรยานยนต์รับจ้างนั้น ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนออกหาข่าว หากเป็นคนขับรถรับจ้างจริงก็จับกุมได้อย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ จะตรวจสอบและวางมาตรการวินรถจักรยานยนต์ในพื้นที่อย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยว เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยวพัทยาเป็นอย่างมาก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์