โลกออนไลน์ แชร์กระทู้ เกือบเอาชีวิตไม่รอด ที่ห้างดัง

โลกออนไลน์ แชร์กระทู้  เกือบเอาชีวิตไม่รอด ที่ห้างดัง

โลกออนไลน์ แชร์กระทู้  เกือบเอาชีวิตไม่รอด ที่ห้างดัง ย่านบางนา ภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นจริงกับตัวผู้เขียนกระทู้ดังกล่าว  ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะมิจฉาชีพ โดยเหตุการณ์นี้ เกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา


เรื่องที่กำลังจะพิมพ์ทั้งหมดนี้อาจจะยาวสักหน่อย แต่ที่ต้องการพิมพ์เพื่อแจ้งเตือนให้ทุกคนระมัดระวังตัว และอยากทราบว่า เราทำอะไรได้บ้างนอกจากรอ...

**เราต้องการให้ตำรวจจับคนร้ายคนดังกล่าวได้โดยเร็ว**

**เราต้องการให้ทางห้างดังย่านบางนา ออกมา**

1.แสดงความชัดเจนในมาตรการรักษาความปลอดภัยของทางห้าง
2.แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบริเวณห้างของท่าน **มากกว่าการไปส่งที่ รพ. และออกค่ารักษาพยาบาลเพียงครั้งแรกครั้งเดียว** เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าท่านอื่นๆ ด้วย
3.การมีเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ บีบแตร ที่เกิดขึ้นในลานจอดรถ และมีพนักงานของท่านได้ยิน แต่ไม่สนใจ "เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้างของท่านเป็นปกติหรือถึงไม่มีใครจะเข้ามาดูหรือให้ความช่วยเหลือในทันที??"

=========================

เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2557 (เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา)

เราได้ขับรถเข้าไปจอดรถในลานจอดรถใต้ตึกในห้างดังย่านบางนา ฝั่งBig C ช่อง S17 สีเขียว ซึ่งช่องดังกล่าวห่างจากทางเข้าประตูห้างเพียง 2 ล็อค

เราขับรถเข้าไปจอดในช่องดังกล่าวตามปกติ พอดับเครื่องเตรียมลงจากรถ ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง เดินมาจากด้านหลังรถอย่างรวดเร็ว และเปิดประตูรถฝั่งคนขับทันที

ผู้ชายคนดังกล่าว พูดว่า "คุณครับ"

ด้วยความตกใจ เราก็พูดไปว่า "เปิดประตูทำไม"

หลังสิ้นเสียงที่เราถาม ผู้ชายคนดังกล่าวก็เอาตัวมาขวางประตูไม่ให้ปิด และก็กระหน่ำหมัดลงบนหน้าเราอย่างไม่ยั้ง (เราเป็นผู้หญิงไปคนเดียว อายุประมาณ 40 ปี) ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก


เราสู้ ทั้งถีบ ทั้งตะโกน ทั้งบีบแตรรถ ทั้งขอความช่วยเหลือ ไม่มีใครเดินเข้ามา ไม่มีใครเข้ามาช่วย จนเวลาผ่านไปประมาณ 1 นาที ผู้ชายคนดังกล่าวเห็นว่า ท่าไม่ดี และเราก็สู้ไม่ถอย จึงรีบวิ่งหนีไป

หลังเกิดเหตุเราก็รีบปิดประตูรถ + ล็อครถ เพื่อเช็คหน้าตัวเอง มีเลือดไหลทั้งปาก จมูก และหน้าบวม และรอในรถสักพักจนแน่ใจว่า ผู้ชายคนดังกล่าวไม่อยู่แถวนั้นแล้ว จึงลงมาจากรถ

และเห็นแม่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนั้น จึงถามแม่บ้านว่า "หนูโดนทำร้าย พี่ไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ หรือเสียงบีบแตรเลยหรอค่ะ

แม่บ้านตอบว่า "ได้ยิน แต่คิดว่าวัยรุ่นทะเลาะกันเลยไม่ได้สนใจ"

เราจึงบอกให้แม่บ้านพาไปหาหัวหน้ารปภ. เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด

หัวหน้ารปภ. จึงพาไปที่ information เพื่อแจ้งเรื่องไว้ และขอข้อมูลต่างๆ ไป ทั้งชื่อ นามสกุล จุดที่เกิดเหตุ เบอร์ติดต่อกลับ และเลขบัตรประชาชน

หลังจากนั้นก็พาไปที่ห้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น ภายในห้างดังย่านบางนา  ระหว่างที่ปฐมพยาบาลอยู่นั้น ก็มี รองผู้กำกับ จากสน.บางแก้ว เข้ามาดู และสอบถามกับเราว่า "คุณมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า" และ "คุณรู้จักกับคนที่ทำร้ายคุณมาก่อนหรือเปล่า"

เราจึงบอกว่าไม่เคย และไม่มีศัตรูที่ไหน (ขอให้ทุกคนคิดภาพตาม เราอยู่ในสภาพหน้าบวม เลือดเต็มหน้า และได้รับคำถามแบบนั้น)

หลังจากปฐมพยาบาลเสร็จ ก็มีรถของทางห้างดัง ย่านบางนา  ขับรถไปส่งเพื่อทำการรักษาต่อที่ รพ.ปิยะมินทร์ ซึ่งก่อนขึ้นรถก็มีรปภ. แจ้งว่า "ทางห้าง ของเราจะจ่ายค่ารักษาให้กับคุณครั้งนี้เท่านั้น หากมีค่าใช้จ่าย หรือค่ารักษาเกิดขึ้นหลังจากครั้งนี้ คุณจะต้องเป็นผู้ออกเองไม่เกี่ยวกับทางห้าง"

เราก็เริ่มเจ็บและปวดแล้ว จึงไม่ได้โต้ตอบอะไร ระหว่างทางที่ไป รพ. คนขับรถที่พาไปก็ยื่นรูปในโทรศัพท์มาให้ดู เพื่อให้เรายืนยันว่า "ใช่คนที่มาทำร้ายหรือไม่" ซึ่งเรายืนยันว่า "ใช่ คนนี้แหละ" (ขอไม่เปิดเผยรูปถ่าย เพราะอาจทำให้เสียรูปคดี)

พอไปถึง รพ. คนขับรถจากห้าง ก็มาส่งจริงๆ คะ มาส่งเสร็จ แล้วก็ไปเลย ให้ญาติเราดำเนินชีวิตต่อไปในสภาพเจ็บทั้งตัว และขวัญเสียมาก ซึ่งจากการตรวจที่ รพ. พบว่า

1.กรามฝั่งขวาบวมมาก และเบี้ยวจนเห็นได้ชัด จะต้องเข้าพบศัลยแพทย์ เพื่อดูฟิล์ม และปรึกษาอีกทีว่าต้องผ่าตัดกรามที่เบี้ยวหรือไม่

2.เย็บในปากจำนวน 4 เข็ม เนื่องจาก ถูกต่อยจนฉีกขาด

3.ปากแตก

4.เลือดกำเดาไหล

5.หน้าบวม

หลังจากเสร็จที่ รพ. ประมาณ 20.00 น. ก็เดินทางไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางแก้ว พบร้อยเวรประจำวัน ร้อยตำรวจโท นเรศ (ขอสงวนนามสกุล)

ทางร้อยเวรแจ้งกับเราว่า "หากคนร้ายมุ่งจะชิงทรัพย์ จะต้องเปิดประตูรถฝั่งซ้ายเพื่อทำร้ายและชิงทรัพย์ แต่ในกรณีของคุณ คนร้ายเปิดที่ฝั่งขวา นั่นแปลว่า คนร้ายมุ่งมาทำรายคุณ ไม่ใช่มุ่งมาที่สิ่งของๆ คุณ"

เราจึง บอกตำรวจว่า "เป็นไปได้มั้ยที่คนร้ายจะเข้ามาทำร้าย ที่ฝั่งคนขับเพื่อประชิดตัว ทำร้ายให้สลบ เพื่อจะชิงทั้งทรัพย์ และชิงทั้งรถ"

(ซึ่งเราเองไม่ได้มีแพลนที่จะไปล่วงหน้า แต่ที่ไปเพราะว่าเรามีต้องส่งของ เราจึงคิดว่า เราจะวนเข้าไปเพื่อส่งของภายในห้าง เป็นเพียงทางผ่านเข้าไปทำธุระเท่านั้น)


ร้อยเวรท่านนั้นก็ตอบว่า "ก็อาจจะเป็นไปได้" และลงบันทึกประจำไว้ พร้อมบอกว่า จะขอไปดูกล้องวงจรปิดที่ห้าง เพื่อขอภาพเคลื่อนไหว หากได้เรื่องอย่างไรจะติดต่อไป


##ความคืบหน้า วันที่ 17/10/57##

เวลาประมาณ 14.00 น.

- พยาบาลของทางห้างดังกล่าว โทรศัพท์มาเพื่อสอบถามอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง เราก็เล่าอาการ และบอกว่า วันเสาร์ที่ (18/10/57) ศัลยแพทย์นัดอีกครั้งเพื่อดูว่าจะต้องทำอย่างไรกับกรามที่บวมอย่างเห็นชัดได้บ้าง

ทางพยาบาล สอบถามทันทีว่า "มีคนแจ้งหรือยังคะว่า ทางห้างจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้เพียงครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้น หากมีการพบแพทย์หรือมีการรักษาในครั้งต่อๆ ไป ทางห้างจะไม่รับผิดชอบ คุณต้องเป็นผู้จ่ายเอง"
เวลาประมาณ 14.30 น.

-ทางห้าง ก็โทรมาสอบถามรายละเอียดต่างๆ เพิ่ม พร้อมแจ้งว่า “ได้ดูกล้องวงจรปิดแล้ว แต่จุดที่เกิดเหตุไกลจากจุดที่กล้องสามารถเห็นได้ จึงไม่สามารถเห็นตอนที่คุณโดนทำร้าย แต่เห็นภาพตอนคนร้ายวิ่งหนี” และจะประสานงานกับทางห้าง และทางสน.บางแก้ว และร้อยเวรที่รับผิดชอบต่อไป (นี่คือคำตอบของห้างขนาดใหญ่ มีรปภ. กว่า 100 คน กล้องวงจรปิดทั่วทั้งห้าง)

เวลาประมาณ 15.00 น.

-ร้อยเวรที่รับเรื่อง ก็โทรมาสองถามรายละเอียดแบบเดียวกับที่ รองผู้กำกับเพิ่งสอบถามไป และแจ้งว่า จะเข้าไปดูกล้องวงจรปิดและดำเนินการต่อ

เวลาประมาณ 17.30 น.


-ทางญาติของเราได้โพสข้อความทั้งหมดขึ้นเฟสบุ๊คส่วนตัวเพื่อเตือนภัยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้มีคนเข้ามาอ่าน และ แชร์ข้อความออกไปหลายคน

เวลาประมาณ 19.00 น.
-มีคนรู้จักกับญาติของเราติดต่อเข้ามาว่า เค้ารู้จักกับผู้กำกับสน. บางแก้ว ที่ทำคดีนี้อยู่ และกำลังอยากจะสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่ม พร้อมให้เบอร์ติดต่อ ผกก. มา

เวลาประมาณ 19.30 น.

-เราจึงโทรไปตามเบอร์ที่ให้ คำถามแรกที่ ผกก. ถามคืออะไร ขอไม่บอกละกันคะ และทาง ผกก. ได้นัดหมายเพื่อสอบปากคำเพิ่มในวันที่ 18/10/57


##ความคืบหน้า ณ วันที่ 18/10/57##

เวลาประมาณ 9.00 น.

-ญาติของเราได้รับข้อความจากเพื่อนผ่านทาง Line ซึ่งเป็นข้อความที่ ผกก. ได้โพสผ่านเฟสบุ๊ค (หากใครอยากทราบข้อความดังกล่าวสอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ)

เวลาประมาณ 11.00 น.
-เราได้เข้าไปที่สน.บางแก้ว เพื่อให้สอบปากคำเพิ่ม (ขอไม่แจ้งในรายละเอียดนะคะ เพราะอาจมีผลต่อรูปคดี) ซึ่งทางตำรวจเองแจ้งว่า ได้รายละเอียดของคดีนี้มากแล้ว และจะติดตามจับกุมคนร้ายมาได้อย่างแน่นอนซึ่งหลังจากสอบปากคำเพิ่มเสร็จ เราได้โทรแจ้งญาติเราที่เป็นคนโพสข้อความว่า ทางตร. อยากให้ลบรูปของคนร้ายที่โพสในเฟสบุ๊คออกก่อน เพราะจะมีผลต่อรูปคดี และอาจทำให้คนร้ายรู้ตัวและหลบหนีไป
ญาติเราจึงตัดสินใจลบโพสที่โพสข้อความ+รูปคนร้ายที่ลงไว้เมื่อวันที่ 17/10/57 ออก


##พร้อมทั้ง โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวใหม่อีกครั้งในวันที่ 19/10/57 เวลาประมาณ 01.00 น.##

โดยตัดเนื้อหาบางส่วน บางตอน และรูปคนร้ายออก ที่อาจทำให้มีส่วนทำให้รูปคดีเสีย หรือทำให้คนร้ายรู้ตัวและหลบหนีไป

-และเราได้เข้าพบศัลยแพทย์ตามนัดเพิ่มดูแนวทางการรักษากรามที่เบี้ยวเพิ่ม แต่ยังโชคดีที่กรามที่เบี้ยวนั้น เกิดจากการบวม และอักเสบ จึงรับยามากินเพื่อรักษาอาการต่อไป แต่ก็ต้องหยุดงานหลายวันค่ะ

-ในวันนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากทางห้างเลย


##ความคืบหน้า ณ วันที่ 19/10/57##

-ไม่มีการติดต่อจากทางตำรวจ

-ไม่มีการติดต่อจากทางห้าง



##ความคืบหน้า ณ วันนี้ 20/10/57 ##

เวลาประมาณ 13.50 น.

-ไม่มีการติดต่อจากทางตำรวจ ซึ่งทางตำรวจมีรายละเอียด และเบอร์ติดต่อของเรา

-ไม่มีการติดต่อจากทางห้าง ซึ่งทางห้างมีรายละเอียด และเบอร์ติดต่อของเราอย่างครบถ้วน

**ซึ่งแปลว่า ไม่มีการติดต่อใดๆ ทั้งจากทางตำรวจ และจากทางห้างมาเกิน 24 ชม. แล้ว


เราจึงตัดสินใจโพสข้อความนี้ เพราะไม่อยากให้เรื่องราวเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกลืมไป โดยที่ยังไม่ได้ตัวคนร้าย และไม่ได้รับความชัดเจนเรื่องมาตรการความปลอดภัย และการแสดงความรับผิดชอบชองทางห้างแม้แต่น้อย


@@ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 16/10/15 เวลาประมาณ 18.30 น. จนถึงวันนี้ 20/10/15 เวลาประมาณ 14.00 น. เป็นเวลากว่า 4 วัน@@

-ทางห้างเอง ก็ยังไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบใดๆ นอกจากการรักษาพยายาลในครั้งแรก

-ทางห้างเอง ก็ยังไม่ออกมาแสดงความชัดเจนในมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่ไปใช้บริการที่ห้างของคุณเพื่อสร้างความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย

-ทางก็ยังไม่ติดต่อเรามาเลยแม้แต่น้อย

===========================

นี่คือเหตุการณ์จริง เรื่องจริง ทั้งหมดที่เกิดขึ้นตัวของเราเอง เราจึงขอให้พื้นที่ตรงนี้ เตือนภัยทุกคนนะคะ และขอให้ตำรวจจับตัวคนร้ายได้ไวๆ และทางห้างออกมาแสดงความชัดเจนในมาตรการรักษาความปลอดภัย และรับผิดชอบต่อลูกค้าค่ะ

ไม่ได้มีเจตนาเพื่อทำลายชื่อเสียง หรือแอบอ้างชื่อ แอบอ้างองค์กร ใดๆ เพื่อให้เกิดการเสื่อมเสีย

แต่เรื่องทั้งหมด มีการลงบันทึกประจำวัน มีผลการตรวจจากรพ. มีใบรับรองแพทย์ และที่สำคัญ มีคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการดังกล่าวจริง


ขอบคุณข่าวจาก VOICETV

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์