โซเชียลประณามโจ๋ภูเก็ต ฉุนบีบแตรไล่ขว้างหินใส่รถ

วัยรุ่นเจ้าถิ่นเลือดร้อน! ขี่จยย.ไม่พอใจฝรั่งนักท่องเที่ยวบีบแตรไล่ คว้าก้อนหินปาใส่รถ 3 ครั้ง ผู้เสียหายแจ้งความนำรูปถ่ายให้ตำรวจจับตัวมาลงโทษ ด้านโซเซียลสับเละ รุมประณามทำภาพพจน์เมืองไทยเสียหาย

​เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก หน้าเพจของผู้ใช้ชื่อว่า "Minne Theking"

 ได้โพสต์ภาพวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์(จยย.)ไม่ทราบยี่ห้อ สีขาว ทะเบียนหมวดนำหน้าไม่ชัดเจน 739 ภูเก็ต ขณะที่ชายวัยรุ่นสวมแว่นตากันแดด คนขี่รถ จยย.ในมือขวาถือก้อนหินกำลังจะปา โดยมีคนซ้อนท้ายเป็นชายเช่นเดียวกันสวมแว่นตากันแดด ซึ่งในเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่าทำนองว่า "แชร์ให้หน่อย แก๊งปาหิน เหตุเกิดที่ 4 แยกไฟแดง ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต มีวัยรุ่นขับ จยย.ด้วยความเร็ว บีบแตรใส่ และได้ปาก้อนหินใส่รถยนต์ 3 ครั้ง ในรถมีเด็กทารกนั่งไปด้วยเลยไม่สามารถจอดได้ ผมขับหนีมาได้ แล้วคนข้าง ๆ ได้ถ่ายรูปไว้ ทะเบียน...739 ภูเก็ต"

ภายหลังได้มีการโพสต์ภาพ และข้อความดังกล่าวไปยังเพจของชาวจังหวัดภูเก็ต และเฟซบุ๊กของบุคคลทั่วไป

 ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปในวงกว้าง ส่วนใหญ่ตำหนิในการกระทำของชายวัยรุ่นดังกล่าวว่า นอกจากจะเป็นเรื่องของคดีพยายามฆ่าด้วยการจงใจให้เกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังทำให้ภาพพจน์เมืองไทยเสียหายอย่างหนักด้วย ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามไปยัง สภ.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เจ้าของพื้นที่ เบื้องต้นทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้กรณีดังกล่าวเป็นคดีอาชญกรรมโดย ผู้เสียหายคือนายสเวกส์โจ โบ โจนาส แดเนียล หรือ"นายแดเนียล" อายุ 36 ปี ชาวสวีเดน

 ขับรถเชฟโลแลตสีดำ ทะเบียน กฉ 5829 ภูเก็ต มุ่งหน้าจากพื้นที่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ไปยังพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้ มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุได้บีบแตรไล่ชายวัยรุ่น 2 คนที่กำลังขี่จยย.ด้านหน้า แต่ชายวัยรุ่นดังกล่าวกลับไม่พอใจจอดรถหยิบก้อนหินริมถนน ก่อนเร่งเครื่องตามมาปาใส่รถนายแดเนียลจนตัวถังบุบ จากนั้นก็ยังตามมาไล่ปาใส่อีก 2 ครั้ง รวมทั้งหมด 3 ครั้งด้วยกัน โดยภายในรถมีภรรยาชายไทย และลูกนั่งอยู่ด้วยกัน ซึ่งขณะนั้นนายแดเนียลเกิดความกลัวว่าครอบครัวกำลังตกอยู่ในอันตราย จึงไม่ได้คิดตอบโต้ และเร่งเครื่องหลบหนี ก่อนจะมาแจ้งความที่โรงพักดังกล่าว อย่างไรก็ตามระหว่างที่ถูกวัยรุ่นใช้ก้อนหินปาใส่นั้นภรรยาชาวไทยได้หยิบโทรศัพท์มือถือขี้นมาถ่ายรูปผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ซึ่งทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งติดตามคนร้ายอย่างเต็มที่แล้ว.