โจรใต้เหี้ยมจ่อยิง3ขวบสุรยุทธ์ซุ่มบินลงใต้เยี่ยมพระเหยื่อบึ้ม

"โคตรเหี้ยมยิง พ่อ-แม่ สุดอำมหิต ยิงหัวเด็ก 3 ขวบสาหัส"


โจรใต้สุดเหี้ยม ขี่ จยย.ประกบยิงผัวเมียที่บันนังสตาดับ ไม่หนำใจยิงหัวลูกสาววัย 3 ขวบสาหัส ที่ปัตตานีบุกยิงทหารดับคาตลาดนัด "สุรยุทธ์"ซุ่มบินลงใต้ไปเยี่ยมอาการพระอาพาธและทหารหลังถูกบึ้ม

คนร้ายยังคงก่อเหตุสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดยิงสองผัวเมียที่ จ.ยะลา เสียชีวิตไม่พอ ยังยิงลูกสาววัย 3 ขวบบาดเจ็บสาหัส

ยิง 2 ผัวเมียดับลูกสาว 3 ขวบสาหัส

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม พ.ต.อ.อนุรธ อิ่มอาบ ผกก.สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ที่บริเวณคอสะพานบ้านบือซู หมู่ 6 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ 1 คัน ข้างๆ รถพบศพนายคม จันทร์เล็กพัฒน์ อายุ 32 ปี และนางอรุณรัตน์ ณ พัทลุง อายุ 20 ปี อาชีพรับจ้าง ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าบริเวณลำตัวหลายแห่ง นอกจากนั้น ยังทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกรายคือ ด.ญ.ปัทมา จันทร์เล็กพัฒน์ อายุ 3 ขวบ บุตรสาว ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลบันนังสตา

จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่ทั้ง 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์กลับจากซื้อกับข้าวใน อ.บันนังสตา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ พร้อมชักอาวุธปืนยิงใส่ทันทีจำนวนหลายนัด นอกจากจะยิงผู้ใหญ่แล้ว คนร้ายยังยิงศีรษะของ ด.ญ.ปัทมา ก่อนหลบหนีไป เบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ที่ต้องการสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

จ่อยิงหัวทหารดับกลางตลาดนัด


ที่ จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 07.30 น. คนร้ายยิง จ.ส.ต.วิชัย คำหอม อายุ 38 ปี สังกัด ร้อย ร.1624 ค่ายบดินทร์เดชา จ.ยโสธร เสียชีวิตขณะรักษาความปลอดภัยประชาชนในตลาดนัด หมู่ 5 ต.บ้านกลาง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี แล้วขโมยอาวุธปืนเอ็ม 16 หลบหนีไปด้วย โดยมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย คือ พลทหารมงคล ศรีดี อายุ 22 ปี และนายเจ๊ะเลาะ เจ๊ะโซะ อายุ 50 ปี พ่อค้า สอบสวนทราบว่า คนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คนเดินปะปนกับกลุ่มชาวบ้านที่ซื้อของเป็นจำนวนมาก จากนั้นได้เดินตรงเข้าไปหา จ.ส.ต.วิชัย แล้วชักอาวุธปืนพกสั้นจ่อยิงศีรษะ 1 นัดจนล้มลงกองกับพื้น และขโมยอาวุธปืนเอ็ม 16 ประจำตัวหลบหนีไป ส่วนพลทหารมงคลก็ถูกคนร้ายอีกกลุ่มใช้ของแข็งรุมตีเข้าที่ศีรษะและลำตัวจนสลบ จากนั้นจึงหลบหนีไปพร้อมกับโปรยตะปูเรือใบบนถนนด้วย

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยเป็นกล่องสี่เหลี่ยมวางไว้ริมถนน ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ถูกบรรจุอยู่ในกล่องเหล็กสี่เหลี่ยม น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายต้องการสังหารเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพราะพบว่ามีการจุดชนวนระเบิดแล้ว 3 ครั้ง แต่ระเบิดไม่ทำงาน ซึ่งถือว่าเคราะห์ดีมากที่ไม่เกิดระเบิดขึ้น เนื่องจากในช่วงดังกล่าวมีประชาชนนับร้อยคนอยู่ในที่เกิดเหตุ

ส่วนที่ จ.ยะลา คนร้ายยิง นายวีระศักดิ์ เพชรเดชะ อายุ 43 ปี พนักงานเก็บค่าไฟฟ้า สังกัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดยะลา กระสุนเข้าตามร่างกาย 4 นัด อาการสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เหตุเกิดขณะนายวีระศักดิ์กำลังจอดรถจักรยานยนต์แล้วเดินลงไปเก็บค่าไฟฟ้าที่หน้าบ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 3 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา คนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา แล้วคนนั่งซ้อนท้ายชักปืนยิงใส่นายวีระศักดิ์ ก่อนจะหลบหนีไปทันที

นายกฯดอดลงใต้เยี่ยมพระอาพาธ

ช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินทางด่วนไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเข้าเยี่ยมอาการของพระและทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดขณะออกบิณฑบาตในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มีในกำหนดการล่วงหน้า โดยระหว่างที่นายกฯ เดินทางกลับบ้านพัก ได้มีการเปลี่ยนเส้นทางไปยังสนามบิน และเดินทางไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

สำหรับโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีพระสงฆ์อาพาธจากเหตุระเบิดเข้ารักษาตัว 5 รูป และพลทหารอีก 2 นาย ได้แก่ พลทหารวชิราวุธ เกิดสุวรรณ พระสมพงศ์ น้อยหมอ พลทหารปรีชา คุชิตา พระณัฐวุฒิ วิภาวัตตันติ พระก่อเกียรติ พยัคฆพันธ์ พระวิชา รักษาชาติ และพระสมชาย ศักดิ์เลิศรัตนคุณ โดยมี รศ.น.พ.กิตติ ลิ่มอภิชาต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ และ น.พ.กิตติพงศ์ เรียบร้อย รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.) หาดใหญ่ ต้อนรับ และรายงานอาการผู้บาดเจ็บทั้งหมดให้รับทราบ จากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ ได้มอบกระเช้าดอกไม้และเงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 7 รายด้วย พร้อมทั้งกำชับคณะผู้บริหารโรงพยาบาลให้ดูแลและรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุด ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ

โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีพระสงฆ์อาพาธจากเหตุระเบิดเข้ารักษาตัว 5 รูป และพลทหารอีก 2 นาย โดย รศ.น.พ.สุเมธ พีรวุฒิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) กล่าวว่า พลทหารวชิราวุธ เกิดสุวรรณ ยังคงมีอาการสมองบวมเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการโดนสะเก็ดระเบิด อาการยังสาหัส มีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก ส่วนพระสมพงศ์ น้อยหมอ ยังคงมีการใส่สายระบายเลือดในทรวงอกด้านขวา หลังจากที่มีอาการเลือดออกที่บริเวณดังกล่าว แพทย์ต้องดูอาการตลอด 24 ชั่วโมง นอกนั้นอาการไม่สาหัสแล้ว ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้ส่งเอกสารแถลงการณ์อาการของผู้ป่วยกราบบังคมทูลถวายรายงานถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทุกวัน ซึ่งนับเป็นพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงคอยเอาใจใส่ดูแลผู้บาดเจ็บที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในทุกๆ เหตุการณ์

ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การที่นายกฯ เดินทางไปใต้อย่างปุ๊บปั๊บครั้งนี้ เป็นเรื่องของการรักษาความปลอดภัย และนายกฯ ไม่ต้องการให้เอิกเกริก จึงเดินทางไปพร้อมกับ พล.ต.นินนาท เบี้ยวไข่มุก นายทหารคนสนิท เท่านั้น ซึ่งนอกจากจะไม่อยากให้เอิกเกริกแล้ว นายกฯ ก็ไม่ยังอยากให้มีคนมาต้อนรับ จึงตัดสินใจเดินทางไปโดยไม่บอกใคร และจะกลับถึงกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 21.30 น.

ศอ.บต.เริ่มทำงาน 1 พ.ย.นี้


ในที่สุดการรื้อฟื้นศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนใต้ ก็เป็นรูปเป็นร่างและพร้อมจะเริ่มทำงานในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ตุลาคม ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีการประชุมร่วมกันระหว่าง 3 กระทรวงหลัก โดยมี พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม และนายอารีย์ วงษ์อารยะ รมว.มหาดไทย เข้าร่วมประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้าง ศอ.บต.ใหม่ โดยใช้เวลาหารือประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.อ.บุญรอด กล่าวภายหลังการประชุมว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ รมว.กลาโหม รมว.ยุติธรรม และ รมว.มหาดไทย มาหารือในเรื่องโครงสร้างใหม่ของ ศอ.บต.ที่จะต้องทำงานในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งโครงสร้างเก่าของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) นั้น จะอยู่เป็นพี่เลี้ยงโครงสร้างใหม่ไปอีก 2 เดือน จากนั้นจะต้องดำเนินการตามโครงสร้างใหม่อย่างสมบูรณ์ ซึ่งโครงสร้างใหม่จะทำงานคู่ขนานกันระหว่าง ศอ.บต.และกองกำลังผสมทหาร ตำรวจ พลเรือน (พตท.)

"โครงสร้างใหม่เสร็จแล้วในวันที่ 28 ตุลาคม พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ลงนามแต่งตั้ง และสามารถทำงานได้ทันที เรื่องนี้ไม่ต้องนำเข้า ครม. ส่วน ผอ.ศอ.บต.คนใหม่จะมาจากกระทรวงมหาดไทยและลงพื้นที่ในวันที่ 1 พฤศจิกายนเลย" พล.อ.บุญรอด กล่าว

รมว.กลาโหม กล่าวว่า โครงสร้างใหม่ทหารจะดูแล พตท. ส่วน ศอ.บต.กระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ดูแลตั้งแต่การคัดเลือกบุคคลที่จะทำหน้าที่ ผอ.ศอ.บต. 2 หน่วยงานนี้จะประสานงานกัน เพราะขึ้นกับการดูแลของ กอ.รมน.ภาคใต้ โดยโครงสร้างใหม่จะมีการเพิ่มเติมในส่วนที่ประชาชนต้องการ เช่น ส่วนงานของกระทรวงยุติธรรมที่จะเพิ่มเข้าไป ซึ่งตำแหน่งรอง ผอ.ศอ.บต.ก็จะมีตัวแทนของกระทรวงยุติธรรมด้วย ขณะที่ตัวแทนของหน่วยงานต่างๆ เช่น ทหาร ตำรวจ ที่มีเกินความจำเป็น และเป็นส่วนที่สร้างเงื่อนไขกับประชาชน ก็ต้องตัดออกไป แต่โครงสร้างใหม่จะดีกว่าเดิมหรือไม่นั้นต้องใช้เวลาพิสูจน์

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังการฟื้น ศอ.บต.และ พตท.แล้ว ยังมีความจำเป็นในการใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปหรือไม่ พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องคู่ขนานกันในระยะเวลาส่งผ่าน 2 เดือนนี้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ.ร.ก.ก็หมดความจำเป็น เป็นไปได้ว่าอาจสิ้นสุดไปตาม กอ.สสส.จชต.

ชี้ดูผลงานต้องวัดไปทีละยก

เมื่อถามว่า โครงสร้างใหม่จะเห็นผลในการปฏิบัติงานในระยะเวลาเท่าใด รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขอเวลาหน่อย เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ต้องทำเลยในวันที่ 1 พฤศจิกายน เอาเป็นว่ามวย 12 ยก เดือนพฤศจิกายนถือว่าเป็นยกแรก ก็ต้องวัดไปทีละเดือนๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวในภาคใต้ ซึ่งรัฐบาลได้พูดคุยมาแล้วมีกลุ่มใดบ้าง รมว.กลาโหม กล่าวว่า หนังสือพิมพ์ลงข่าวไปแล้ว ส่วนการเสนอเงื่อนไขต่างๆ ขึ้นมานั้น กลุ่มที่เราไปพูดคุยมาแล้วนั้นไม่ใช่กลุ่มที่เรียกว่า ตัวจริงเสียงจริงที่ทำให้เกิดการก่อการร้ายในภาคใต้ ถามว่าได้พูดคุยกับกลุ่มเบอร์ซาตู กลุ่มบีอาร์เอ็น และกลุ่มพูโลไปแล้วใช่หรือไม่ พล.อ บุญรอด กล่าวว่า ที่คุยกันมายังไม่ใช่ตัวจริงเสียงจริง ตอนนี้กำลังติดต่อบางกลุ่มเป็นจิ๊กซอว์ หากจิ๊กซอว์สมบูรณ์เมื่อใดก็เปิดเผยได้

นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงโครงสร้างใหม่ของ ศอ.บต. ที่กระทรวงยุติธรรมเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องว่า หลักการของกระทรวง คือ ต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมทำงานให้แม่นยำที่สุด สามารถปราบปรามผู้ที่กระทำผิดและชั่วได้จริง สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้บริสุทธิ์ด้วยการใช้วิธีเหวี่ยงแห ส่วนความคืบหน้าคดีอุ้ม ทนายสมชาย นีละไพจิตร มั่นใจว่าคดีนี้ต้องคืบหน้า หรือเดินหน้าไปอีกอย่างน้อย 1-2 ก้าว

"มท.1"ระบุได้ตัวผอ.ศอ.บต.แล้ว


ด้าน นายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า บุคคลที่จะมาเป็นผู้อำนวยการ ศอ.บต.ขณะนี้มีอยู่ในใจแล้ว และตัดสินใจแล้วว่าเป็นใคร แต่ยังไม่บอก ทั้งนี้ อาจจะต้องพิจารณาตำแหน่งรองปลัดกระทรวงเพิ่มขึ้น ซึ่งจะให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้พิจารณาตัวบุคคล นำรายชื่อมาพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละคนว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแต่ละคนตนก็รู้จักเพราะเป็นลูกน้องเก่าทั้งนั้น สำหรับคุณสมบัติผู้อำนวยการ ศอ.บต. นอกจากต้องมีความอาวุโสแล้วยังต้องมีบารมี และลงพื้นที่แล้วสามารถดูแลผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดชายแดนใต้ได้ และเป็นที่เกรงอกเกรงใจของผู้ร่วมงาน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

"ผมก็คาดหวังว่าหลังจากมี ศอ.บต.แล้วปัญหาภาคใต้จะทุเลา หรือยุติปัญหาได้ เพราะถ้าทุกฝ่ายทำงานด้วยความเข้าใจตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา หากเราทำตามกระแสพระราชดำรัสได้ครบถ้วน ก็หวังได้ว่า เหตุการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น" นายอารีย์ กล่าว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์