โจรใต้บึ้ม ถล่ม6จุด ปัตตานี

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต


โจรใต้เผา-ถล่ม"ปัตตานี"พร้อมกัน 6 จุด ทั้งเผารถเก๋ง ยิงถล่มอบต.-บ้านชาวพุทธ บึ้มกลางถนนหน้าปั๊มน้ำมันปตท.กรงปินัง ทหารเจ็บ 2 สื่อมวลชนจัดสัมมนา "ทิศทางไฟใต้ปี 52" เน้นให้ทหารเข้าถึงประชาชน ยึดแนวเศรษฐ กิจพอเพียงอย่างง่ายสอนชาวบ้าน และทำกิจกรรมร่วมกับทหารตำรวจในหมู่บ้าน

เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 26 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายประมาณ 5-6 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะก่อกวนสร้างสถานการณ์โดยการลอบวางเพลิงเผารถยนต์และกราดยิง จำนวน 4 จุดในพื้นที่ ต.กอลำ และ ต.เขาตูม โดยจุดแรกคนร้าย วางเพลิงเผารถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีบรอนซ์-เทา ทะเบียน กข 3541 ปัตตานี ทำให้ได้รับความเสียหายบางส่วนที่บริเวณบังโคลนล้อหน้า ขณะจอดอยู่หน้าห้องสมุดของโรงเรียนบ้านละหารยามู ม.2 ต.กอลำ เป็นรถยนต์ของนางสาวอัมพิกา แซ่เหล้า ครูประจำชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านสายชล

จุดที่ 2 คนร้ายลอบวางเพลิงเผารถยนต์ของครู ร.ร.บ้านสายชล ม.4 ต.กอลำ รับความเสีย จุดที่ 3 คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงและขว้างระเบิดขวดใส่บ้านเรือนราษฎรไทยพุทธ ที่ ม.5 ต.เขาตูม แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จุดที่ 4 คนร้ายได้ลอบวางเพลิงเผารถขนขยะและรถยนต์ของนายกอบต.เขาตูม ได้รับความเสียหายทั้ง 2 คัน

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะรัง รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาสำนักงาน อบต.จำนวน 2 จุด คือ สนง.อบต.สะนอ และ สนง.อบต.วัด จากการตรวจสอบพบว่า สนง.อบต.สะนอ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ม.1 ต.สะนอ ทำให้เงินสด เอกสารและอุปกรณ์สำนักงานและอาคารซึ่งเป็นตึกชั้นเดียวได้รับความเสียหายทั้งหมด ส่วนสนง.อบต.วัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ม.2 ต.วัดได้รับความเสียหายบริเวณภายในทั้งหมดเช่นกัน

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ อบต.สะนอ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้าย 6 คนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะเข้ามาจอดหน้าอบต. แล้วเดินเข้ามาภายในสำนักงานพร้อมกับข่มขู่ไล่เจ้าหน้าที่ออกให้หมดซึ่งในขณะนั้นจะมีเพียงแต่เจ้าหน้าที่พนักงานที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด ส่วนผู้ชายไปประกอบพิธีละหมาดวันศุกร์ หลังจากนั้นคนร้ายได้ราดน้ำมันจุดไฟเผาก่อนหลบหนีไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในครั้งนี้กลุ่มคนร้ายปฏิบัติการคล้ายกันเวลาพร้อมกันจำนวนหลายจุดและหลังก่อเหตุยังได้โปรยตะปูเรือใบเพื่อสกัดการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ซึ่งปรากฏว่ามีรถยนต์ของชาวบ้านโดนตะปูเรือใบได้รับความเสียหายหลายคัน

เมื่อเวลา 08.25 น. ศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดบริเวณเกาะกลางถนนหน้าปั๊มน้ำมัน ปตท. ริมถนนสาย 410 หมู่ 7 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บสองนาย จึงแจ้งร.ต.ต.มูฮำหมัดสะกรี กะโด ร้อยเวรสภ.กรงปินัง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการเขต 45 ยะลา รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเพียงรถจักรยานยนต์ 2 คัน ล้มคว่ำอยู่ ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อคือส.อ.อนุชิต ฐานโสภา ถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บแขนขวาหัก และพลทหารศราวุธ แก้วเกตุ ถูกระเบิดเข้าที่ลำตัวและขา อาการสาหัส ทั้งสองนายเป็นเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดชุดลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยครู ชุดเฉพาะกิจยะลาที่ 13 ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเศษกล่องเหล็กที่คาดว่าเป็นกล่องที่ใช้บรรจุระเบิด รวมทั้งเศษสะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดขนาด 1 ซ.ม. กระจายอยู่ทั่ว และเศษวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ในเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 2 ก.ก.จุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรล

จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารชุดรปภ.ครูดังกล่าว จำนวน 4 นาย ขี่จักรยานยนต์ 2 คัน วิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายซึ่งนำระเบิดซุกไว้ในกรวยสามเหลี่ยมสีส้มวางอยู่ตรงเกาะกลางถนน จุดชนวนระเบิดขึ้นทันที ทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมชายวัยรุ่น 5 คน ที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ เนื่องจากตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีคราบเขม่าสารปนเปื้อนตามร่างกาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวไปซักถามว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่

วันเดียวกัน หน่วยข่าวความมั่นคงได้แจ้งเตือนไปยังกองกำลังทุกฝ่ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และสงขลาบางส่วน ให้ระวังป้องกันการก่อวินาศกรรมในพื้นที่เมืองเศรษฐกิจและสถานที่ราชการที่เป็นเป้าหมายที่กลุ่มเครือข่ายแนวร่วมชุดใหม่ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่มีแผนในการก่อวินาศกรรม เพื่อทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ในขณะเดียวกันได้มีการจัดส่งกำลังทหารพรานจำนวนหนึ่ง จัดเป็นชุดลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน ที่มีพรมแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้านหลังจากแหล่งข่าวได้รายงานว่า มีแกนนำจำนวนหนึ่งลักลอบเดินทางเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านบงการในการก่อวินาศกรรมในครั้งนี้

เวลา 10.00 น. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวฯ ร่วมกับสถาบันอิศรา จัดเสวนา "ทิศทางไฟใต้ปี"52" โดยพล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผอ.รักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า

การแก้ปัญหาสถานการณ์ภาคใต้ในปี"52 ยังคงยืนยันการใช้กำลังทหารลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาระดับหมู่บ้านทุกหลังคาเรือนที่เราดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง โดยรูปแบบจะเน้นให้ทหารเข้าถึงประชาชน ยึดแนวเศรษฐกิจพอเพียงอย่างง่ายสอนชาวบ้าน และทำกิจกรรมร่วมกับทหารตำรวจในหมู่บ้าน วิธีนี้ถือว่าได้ผลที่จะทำให้ประชาชนกล้าพูดคุยกับทหารมากขึ้นและไม่กลัว ซึ่งดำเนินการนำร่องใน 42 หมู่บ้านโดยใช้งบศอ.บต. ส่วนนโยบายรัฐบาลในการตั้งองค์กรใหม่ เราก็คงทำตามพ.ร.บ.ความมั่นคงที่กำหนดยุทธศาสตร์ ด้านทหาร สันติวิธี เคารพสิทธิมนุษยชน การพัฒนาอย่างสมดุล และยุทธศาสตร์ความมั่นคงหมู่บ้านเราเป็นฝ่ายปฏิบัติก็ทำตามที่ดำเนินการต่อไป

พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผบ.ตร.และผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า กล่าวว่า

สถานการณ์ภาพรวมนับตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 47 จนถึงปัจจุบันมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้น 8,886 เหตุการณ์ พบมากที่สุดที่จ.นราธิวาส กว่า 3,000 เหตุการณ์ รองลงมาเป็น จ.ยะลา ประมาณ 2,400 เหตุการณ์ โดยใช้รูปแบบ การวางระเบิด 4,105 เหตุการณ์ การดักยิงประมาณ 4,000 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3,199 ราย โดยในช่วง 3-4 ปีนี้ พบว่าปี"50 เกิดเหตุการณ์ไม่สงบมากที่สุด 2,475 เหตุการณ์ เสียชีวิต ประมาณ 1,000 ราย และพบว่าสถานการณ์ลดลงในช่วงเดือน ต.ค.50 - ก.ย.51 เหลือ 1,472 เหตุการณ์ พบมากที่สุดที่จ.ปัตตานี กว่า 400 เหตุการณ์ รองลงมาเป็นนราธิวาสและยะลา และพบการยิงและวางระเบิดมีผู้เสียชีวิต 694 ราย

ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า เมื่อพิจารณาช่วง 12 เดือนมานี้ พบว่าสถานการณ์ลดลงมากทั้งความถี่และความรุนแรง เราทำให้การปฏิบัติการแม้เป็นเชิงรุกแต่ไม่สามารถทำได้ในบริเวณกว้าง ซึ่งกลุ่มก่อเหตุการณ์ไม่สงบยังพยายามสร้างเหตุการณ์ที่หวือหวาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากสื่อ แต่ความถี่และความรุนแรงลดลงแล้ว ส่วนการดำเนินคดีประมาณ 49,608 คดี เป็นคดีความมั่นคง 6,103 คดี รู้ตัวคนทำผิดและนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 1,246 คดี มีการออกหมายจับ 6,158 คดี มีจำเลย 155 คน มีการลงโทษประหารชีวิต 15 คนจาก 15 คดี จำคุก 33 คน จาก 25 คดี

ด้านพล.ต.จำลอง คุณสงค์ ผบ.กองพลทหารราบที่ 15 และรองผบ.กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร กล่าวว่า

ก่อนลงพื้นที่เราจะอบรมทหารไม่ให้สร้างเงื่อนไขให้ชาวบ้านเดือดร้อน แต่ต้องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในทางปฏิบัติ คือ การสร้างความไว้วางใจ เอาใจใส่ พึ่งพาได้ ต้องสำรวจความเดือดร้อน คุยกับชาวบ้าน ทหาร 1 คน ต้องมีเพื่อนสนิท 5 คนในหมู่บ้าน หากไปบ้านไหนทหารโบกมือให้นักเรียนแล้วไม่โบกตอบถือว่าสอบตก

ทั้งนี้ ชาวบ้านร้อยละ 90 เป็นคนทั่วไปที่ไม่มีปัญหาไม่แบ่งเสื้อแบ่งสี มีส่วนหนึ่งในสถานศึกษา หมู่บ้าน สถานที่ทางศาสนาบ้างที่ถูกชักจูงเข้ากระบวนการจำนวนน้อย จะนำไปสู่แกนนำ กลุ่มชี้นำ หรืออาร์เคเค ที่ฝังตัวในหมู่บ้าน เราจำเป็นต้องหาตัวให้เจอเพื่อมาพูดคุย มีคดีจับกุมก็ต้องจับ ปะทะรุนแรงก็ต้องทำเฉพาะคนส่วนน้อย ดังนั้น ความร่วมมือจากชาวบ้านสำคัญ

ด้านนายพระนาย สุวรรณรัฐ ผอ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า

การทำงานต้องรอดูนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงวันที่ 29 ธ.ค. ในเรื่องนี้ 6 บรรทัด 2 บรรทัดคงไม่ต้องอ่านเพราะเป็นเรื่องการจัดตั้งองค์กรใหม่ ส่วน 4 บรรทัด เป็นเรื่องสมานฉันท์ สันติสุข เข้าถึงเข้าใจพัฒนา เน้นหนักกระบวนการยุติธรรม เขตปกครองพิเศษ ความยืดหยุ่นหลากหลาย และวัฒนธรรม ซึ่งตอนนี้เราใช้วิธีสร้างความไว้วางใจต่อเนื่องไปถึงปี"52 ฝ่ายประจำหากมีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำให้งานดีขึ้นกระชับมีประสิทธิภาพเราน้อมรับสู่ภาคปฏิบัติ

แต่นโยบายแก้ปัญหาตั้งแต่พ.ย. 49 รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ถึงปัจจุบัน ยังอยู่ในโทนเดียวกัน คือไม่ใช่การเดินหน้าฆ่าลูกเดียว แต่ใช้สันติวิธีสมานฉันท์ รัฐบาลตั้งแต่พ.ย.49 มา มองภาคใต้ชัดเจนไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามตนทำหน้าที่นี้ก็ทำได้ไม่ได้เบื่อเหมือนเปาบุ้นจิ้นมีหลายภาคหลายตอน แต่หากใครสนใจมีความพร้อมมีไฟอยากเข้ามาทำตนก็เปิดทางให้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์