โจรใต้ฉกปืนปลัดยิงสวน

"ใช้บริการแน่นขนัด"


ภายหลังโจรใต้ลอบวางระเบิดถล่มธนาคารพาณิชย์ ใน จ.ยะลา พร้อมกัน 22 แห่ง เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ต้องปิดทำการในวันที่ 1 ก.ย.นั้น เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (4 ก.ย.) ที่หน้าธนาคารพาณิชย์ทุกสาขาใน จ.ยะลา เป็นวันแรกของการเปิดทำการ ปรากฏว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนไปยืนต่อคิวรอใช้บริการกันอย่างคับคั่ง ยกเว้นธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยทั้ง 2 สาขา ที่ยังคงปิดทำการ เนื่องจากยังซ่อมแซมไม่แล้วเสร็จ และจะเปิดให้บริการได้ในสัปดาห์หน้า

โดยเฉพาะธนาคารกรุงไทย สาขาถนนรถไฟ มีประชาชนไปใช้บริการกันจำนวนมาก จนภายในธนาคารแน่นขนัดแทบไม่มีที่จะยืน ประชาชนบางส่วนต้องทยอยกลับบ้านก่อนเพราะไม่ อยากรอนาน สำหรับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ตามธนาคารทุกแห่งจะมีตำรวจประจำแห่งละ 2 นาย มีการตรวจค้นกระเป๋าลูกค้าทุกคนอย่างเข้มงวด

นางนิตยา ประดิษฐ์กิจ ลูกค้าที่มาใช้บริการธนาคาร กสิกรไทย สาขายะลา กล่าวว่า หลังธนาคารปิดก็ไม่ได้ กระทบกับธุรกิจมากนัก เนื่องจากเป็นระยะเวลาสั้นๆ ยังไม่แน่ใจเรื่องความปลอดภัย แต่ก็จำเป็นต้องเข้าออกธนาคารทุกวันเป็นปกติ ระเบิดก็ระเบิดไป ชาวบ้านก็ทำมาหากินกันไป อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

ขณะที่ น.ส.สุจิตตา สุวรรณชาดา ลูกค้าของธนาคารอีกคน กล่าวว่า ในความรู้สึกหากถามว่ากลัวไหม ก็ต้องกลัวด้วยกันทุกคน แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเราต้องทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ คิดว่าหลังจากที่ถูกลอบวางระเบิดไปแล้วก็คงจะไม่เกิดเหตุซ้ำอีก ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ไปเฝ้าระวังจุดอื่นๆ กันบ้าง ไม่ใช่พอมีเหตุที่ธนาคารก็ให้ความสำคัญกับธนาคารมากเป็นพิเศษ จนละเลยสถานที่อื่นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนร้าย


"เป็นเครือข่ายร่วม"


ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จากข้อมูลข่าวสารยังไม่พบว่าเหตุการณ์ลอบวางระเบิดพร้อมกัน 22 จุดในพื้นที่ จ.ยะลา มีการเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายนอกประเทศ อีกทั้งไม่มั่นใจว่าจะมีการเชื่อมโยงจากภายนอกเข้ามาก่อเหตุ นอกจากคนไทยที่หลบหนีออกนอกประเทศอาจจะเดินทางกลับเข้ามาเท่านั้น และยอมรับว่าป้องกันลำบากที่จะไม่ให้แกนนำภายนอกประเทศมีการเชื่อมโยงกับแนวร่วมในพื้นที่

การแก้ไขปัญหาจะต้องคิดทั้งภาพเล็กและภาพใหญ่ ซึ่งภาพใหญ่ในเรื่องการเจรจา หรือสมานฉันท์ ถือเป็นงานหลักของกองทัพ ส่วนเรื่องการสกัดกั้นตามแนวชายแดนก็ทำอย่างเต็มที่ ไม่ให้มีการเชื่อมโยงกัน ทั้งนี้บริเวณด้านอ่าวไทยก็มีกำลังของกองทัพเรือดูแล ส่วนการเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 4-10 ก.ย.นี้ เพื่อ ไปถวายงานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่จะเสด็จฯแปรพระราชฐาน และไปกำกับดูแลงานตามที่ได้รับมอบหมาย พล.อ.สนธิกล่าว

พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีองค์การปลดปล่อยรัฐปัตตานี (พูโล) ขอเปิดโต๊ะเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายเปิดเจรจากับผู้ก่อความไม่สงบแน่นอน เพราะไม่มีคำยืนยันว่ากลุ่มพูโลรับผิดชอบโดยรวมต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น หรือเป็นเพียงแต่การกล่าวอ้าง ดังนั้นจะไปเปิดโต๊ะเจรจาได้อย่างไร ที่ผ่านมากลุ่มพูโลออกมาเคลื่อนไหวต่อรองลักษณะนี้ตลอด รวมทั้งเว็บไซต์ของกลุ่มเยาวชนพูโล ที่มักรายงานเงื่อนไขการต่อรองเจรจา ทั้งหมดถือเป็นการโยนหินถามทางรัฐบาลไทย และในช่วงนี้ข่าวลือก็ออกมามาก

พล.ต.อ.จุมพลกล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เคลื่อนไหวก่อความไม่สงบในพื้นที่นั้น ได้แก่ กลุ่มบีอาร์เอ็นโคออดิเนต กลุ่มเบอร์ซาตู กลุ่มมูจาฮีดีน และกลุ่มพูโล ทั้งหมดถูกรัฐบาลไทยและมาเลเซียระบุให้มารวมตัวกันเป็นขบวนการมลายูปัตตานี ที่เคลื่อนไหวอยู่ในรัฐกลันตัน ตรังกานู เคดาร์ ของมาเลเซีย และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งยังมีความสับสนกันในทุกวันนี้ว่า กลุ่มใดเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นเครือข่ายร่วม ไม่มีผู้นำเดี่ยวหรือผู้นำสูงสุด เพราะหากมีผู้นำสูงสุด รัฐคงเปิดเจรจาในทางลับไปนานแล้ว ที่ผ่านมาฝ่ายข่าวกรองทราบตลอดว่ารบอยู่กับใคร แต่มันไม่มีผู้นำเดี่ยว ต่างกลุ่มต่างปฏิบัติการ


"ผลิตบุคลากรป่วนใต้ แค่ 7 วัน"


หากจำได้ เมื่อปี 2545 มีการพบแผนปฏิบัติการ 7 ขั้นของกลุ่มบีอาร์เอ็น ที่มีจุดประสงค์สู่การสถาปนารัฐปัตตานี ซึ่งขั้นที่ 1 เป็นขั้นตอนการจูงใจนำคนมาปลุกปั่นทางความคิด แต่สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในขั้นที่ 6 คือการสร้างสถานการณ์รุนแรงก่อนนำไปสู่ขั้น 7 ที่สูงสุดคือ การประกาศชัยชนะ ดังนั้น ที่ผู้ก่อความไม่สงบต้องเร่งสร้างสถานการณ์รุนแรงรายวันในขณะนี้

เพราะฝ่ายรัฐได้เข้าไปสกัดกั้นขั้นตอนที่ 6 อยู่ กลุ่มผู้ก่อเหตุจึงออกมาแสดงศักยภาพ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือกระบวนการผลิตบุคลากรของฝ่ายก่อความไม่สงบนั้นเร็วมาก เพียง 7 วันก็สามารถทำงานได้ ขั้นตอนการอบรมของฝ่ายก่อความไม่สงบ จะใช้เวลา 3 วันแรกในการนำตัวมาปลูกฝังแนวคิดปลดปล่อยรัฐมลายูปัตตานี จากนั้นจะเป็นการฝึกทางยุทธวิธีและสมรรถภาพทางกาย พอเข้าสู่ วันที่ 6 จะเป็นการสาบานตน ถือเป็นกระบวนการผลิตที่เร็วมาก ผอ.สำนักข่าวกรองกล่าว

สำหรับสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่ก็ยังคงเกิดขึ้นรายวัน เมื่อเวลา 08.15 น. ร.ต.ต.เทอดศักดิ์ มีจิตร์ ร้อยเวร สภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส นำกำลังไปตรวจสอบเหตุระเบิดที่สะพานบ้านปลักปลา หมู่ 5 ต.โฆษิต บริเวณหัวสะพานมีหลุมระเบิดขนาดใหญ่ เศษชิ้นส่วนระเบิดกระจายเกลื่อน และมีทหารได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อ พลทหารอดิเรก ใจช่วย อายุ 22 ปี ถูกระเบิดที่ใบหน้าอาการสาหัส นำส่ง รพ.ตากใบ โดยก่อนเกิดเหตุ ทหาร สังกัด ร้อย ร.2124 ฉก.36

ชุด รปภ.ครู 6 นาย ขี่รถ จยย. 3 คัน ออก รปภ.ครู ร.ร.บ้านโคกยาง และ ร.ร.บ้านปลักปลา เมื่อไปถึงหัวสะพานที่เกิดเหตุ ได้จอดรถเพื่อตรวจความเรียบร้อยก่อนที่คณะครูจะเดินทางมาถึง ปรากฏว่าคนร้ายที่ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในท่อน้ำอะลูมิเนียมหนักราว 5 กก. ไปลอบวางไว้ที่หัวสะพานได้จุดชนวนระเบิดขึ้น สะเก็ดระเบิดถูกใบหน้าของ พลทหารอดิเรกบาดเจ็บดังกล่าว


"เดินเข้ามาจ่อ ยิง 5 นัดตายคาที่"


ต่อมาเมื่อเวลา 11.20 น. ร.ต.ต.แดนชัย มูลป้อม ร้อยเวร สภ.อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตในร้านน้ำชาในหมู่บ้านนาดา หมู่ 3 ต.รือเสาะ ที่เกิดเหตุพบศพนายชาญณรงค์ หนูเนื้อ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ 1 ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ถูกยิงด้วยปืน .38 ซุปเปอร์ ที่ศีรษะ 5 นัด โดยที่เอวผู้ตายยังเหน็บปืนลูกโม่ .38 อยู่ สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับรถกระบะอีซูซุ สีเขียว มาแวะดื่มน้ำชาในร้าน

จู่ๆมี 2 คนร้าย ขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปจอดหน้าร้าน คนนั่งซ้อนท้ายลงไปทำทีเหมือนจะมาซื้อของ แต่ไม่ได้เข้าในร้าน กลับเดินไปด้านข้างของร้าน พอได้จังหวะชักปืนออกมากระหน่ำยิงเข้าใส่ผู้ตาย 5 นัดซ้อน จนตกลงจากเก้าอี้เสียชีวิตคาที่

หลังเกิดเหตุ นายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทาน ซึ่งเดินทางไปตรวจราชการที่โครงการระบายน้ำ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า นายชาญณรงค์ หนูเนื้อ ผู้ตาย เป็นลูกจ้างประจำส่วนช่างฝีมือสนาม กรมชลประทาน ขณะเกิดเหตุจะเดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำบาแง อ.รือเสาะ ระหว่างทาง แวะดื่มน้ำชา และถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งนับเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมชลประทานรายที่ 15 แล้ว ที่เสียชีวิต จากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรมชลประทานรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ต้องสูญเสียบุคลากร แต่จะเร่งให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตตามสิทธิต่อไป

ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 04.00 น. ขณะที่นายเจ๊ะและ นิยา อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 7 บ้านลูโบ๊ะเย๊าะ ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส กับนายมุสตากี นิยา อายุ 20 ปี บุตรชาย ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อไปกรีดยาง ถึงกลางทางมีคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย. ตามประกบ และชักปืนยิงเข้าใส่ 2 พ่อลูกได้รับบาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.เจาะไอร้อง หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.ไพบูรณ์ ระตะวัน ร้อยเวร สภ.อ.เจาะไอร้อง ไปตรวจที่เกิดเหตุ คาดสาเหตุเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ


"รัวยิงด้วย เอ็ม16"


ที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 08.45 น. ร.ต.ท.ปิยะวุฒิ พงษ์ไพบูลย์ ร้อยเวร สภ.อ.ธารโต รับแจ้งเหตุยิงกันที่หมู่บ้านบาตูปูเต๊ะ หมู่ 6 ต.บ้านแหร จึงนำกำลังไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม่มีเลขที่ ปลูกอยู่ในสวนลองกองละแวกเดียวกัน 3 หลัง หลังแรกพบศพนางมารียะ สะแต อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/1 หมู่ 5 ต.ตันหยงดาลอ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามตามใบหน้าและร่างกาย บ้านหลังที่ 2 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ น.ส.ซีตีนูรฮัน วากิ อายุ 29 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 3 ต.บาโรย อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ถูกกระสุนเจาะท้ายทอยอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน และนายอาหะมะ ละแซ อายุ 28 ปี สามี มีบาดแผลที่ลำตัว อาการสาหัสเช่นกัน เพื่อนบ้านนำส่ง รพ.ธารโต แพทย์ส่งต่อไป รพ.ศูนย์ยะลา ส่วนบ้านอีกหลังเป็นบ้านของนายซีดิ ไม่ทราบนามสกุล ขณะเกิดเหตุนายซีดิออกไปกรีดยางพารา จึงรอดตายหวุดหวิด รอบบริเวณบ้านทั้ง 3 หลัง พบปลอกกระสุนปืนอาก้า เอ็ม 16 และลูกซอง กว่า 30 ปลอก

สอบสวนทราบว่า นางมารียะผู้ตาย พร้อมด้วย น.ส.ซีตีนูรฮัน และนายอาหะมะ ผู้บาดเจ็บเดินทางไปทำสวนผลไม้อยู่ในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ขณะที่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บอยู่ในบ้าน มีคนร้ายแต่งกายชุดดำสวมหมวกไหมพรมพาพวกบุกเข้ามา แล้วแยกย้ายกันใช้อาวุธสงครามและปืนลูกซองยิงถล่มเข้าไปในบ้านแต่ละหลัง เป็นเหตุให้นางมารียะเสียชีวิตคาที่ น.ส.ซีตีนูรฮัน และนายอาหะมะ ได้รับบาดเจ็บ

ต่อมาเวลา 17.45 น. พ.ต.ท.มนัส ศิกษมัต รอง ผกก. สภ.ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา พร้อมพวกรุดไปที่เกิดเหตุยิงกันที่หน้า ร.ร.บ้านยะลา หมู่ 1 ต.ยะลา ที่เกิดเหตุบนทางหลวงสาย 4065 บ้านเนียง-ยะหา พบเลือดนองอยู่บนพื้นถนน ส่วนผู้ถูกยิงทราบชื่อนายมนัส นามวงศ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 5 ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าลำตัว 4 นัด มีผู้นำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ไปแล้ว โดยนายมนัสเป็นช่างซ่อมรถยนต์อยู่ในตัวเมืองยะลา หลังเลิกงานขี่รถ จยย.กลับบ้าน กระทั่งมาถึงทางโค้งหน้า ร.ร.บ้านยะลา มีคนร้าย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามมาชักปืนจ่อยิงนายมนัสบาดเจ็บสาหัสแล้วหลบหนีไป


"จ้าง 2,000 บึมแบ็งค์"


ด้าน พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบช.ก. และรอง ผบ.ศปก.ตร.สน. เปิดเผยถึงผลการสอบปากคำนายวิทยา โต๊ะมิง อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาคดีระเบิดธนาคารออมสิน สาขาเบตง จ.ยะลา ที่ถูกจับกุมตัวได้พร้อมของกลางในบ้านเมื่อเย็นวันที่ 2 ก.ย. ว่า ขณะนี้นายวิทยาให้การรับสารภาพแล้วว่าเป็นผู้ว่าจ้างนายโกศล ยะมะกา อายุ 23 ปี ด้วยเงิน 2,000 บาท ให้เข้าไปลอบวางระเบิดในธนาคารดังกล่าวเมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา

โดยมอบเงินพร้อมกับแฟ้มที่ดัดแปลงบรรจุระเบิดไว้ภายในให้นายโกศลรับไปดำเนินการ หลังเกิดเหตุยังออกมาติดตามดูผลงาน แต่ผู้ต้องหายังไม่ยอมปริปากว่ามีผู้ใดร่วมขบวนการบ้าง ส่วนธนาคารอื่นอีก 5 แห่ง ที่ถูกลอบวางระเบิดด้วยนั้น นายวิทยาอ้างว่าไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด

ที่ จ.ปัตตานี เวลา 16.30 น. พ.ต.อ.ถวัลย์ นคราวงศ์ ผกก. สภ.อ.หนองจิก รับแจ้งเหตุยิงกันหน้าร้านน้ำชา ริมถนนสายคลองขุด-ตันหยงเปา หมู่ 6 บ้านสายหมอ ต.บางเขา จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบก.ภ. จ.ปัตตานี พ.ต.อ.ประเสริฐ จันทร์สว่าง รอง ผบก. นำกำลังไปที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าระหว่างทางรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ถูกตะปูเรือใบเสียหายหลายคัน เมื่อไปถึงพบรถกระบะมาสด้า 4 ประตู ทะเบียน บจ 6646 ปัตตานี ถูกเผาวอดทั้งคัน บนพื้นถนนมีปลอกกระสุนปืนอาก้า และเอชเค ตกอยู่ราว 20 ปลอก

นายจักร์ตรา พรหมแก้ว อายุ 42 ปี ปลัดอำเภอหนองจิก ทำหน้าที่หัวหน้าประจำตำบลบางเขา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถยนต์คันดังกล่าวออกตรวจเยี่ยมชาวบ้านในพื้นที่ และจอดรถนั่งดื่มน้ำชาในร้าน จู่ๆมีกลุ่มคนร้าย 6 คน ใช้รถ จยย. 3 คัน มาจอดข้างรถกระบะแล้วทุบกระจก ขโมยปืนเอชเค และลูกซองยาว 5 นัด ของทางราชการไป ตนเห็นดังนั้นจึงชักปืนพก.38 ยิงใส่ไปหลายนัด กระสุนถูกนายอับดุลเลาะห์ สะแต อายุ 35 ปี แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่บาดเจ็บ คนร้ายจึงใช้ปืนอาก้า และเอ็ม 16 กราดยิงเข้าใส่ แต่กระสุนไม่ถูกใคร ก่อนจุดไฟเผารถกระบะจนวอดทั้งคัน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จัดกำลังออกไล่ล่ากลุ่มคนร้ายอย่างกระชั้นชิดแล้ว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์