โจรใต้กราดฆ่า สาวแม่ลูกอ่อน

โจรใต้สุดเหี้ยมบุกฆ่าสาวแม่ลูกอ่อน ใช้อาวุธสงครามกราดยิงถล่มบ้านพรุนทั้งหลัง คมกระสุนพุ่งเจาะร่างสาวเคราะห์ร้ายเสียชีวิตขณะกำลังนอนให้นม ลูกชายวัย 6 เดือน ส่วนผัวคว้าปืนลูกซองดวลสู้ถูกยิงเข้าท้องปางตาย แถมปาระเบิดเพลิงเข้าใส่หวังเผาทั้งคนทั้งบ้าน ตำรวจและทหารรุดไปตรวจสอบ เดินเตะกับระเบิดที่คนร้ายวางดักไว้บึมซ้ำเจ็บสาหัสอีก 3 นาย สงสัยฝีมือแนวร่วมชุดเดียวกับที่ลอบวางระเบิดถล่มชุดทหารพรานเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา อีกรายอุ้มฆ่าโหด อส.อำเภอรามัน จับใส่กุญแจมือไพล่หลัง มัดเท้า 2 ข้าง ก่อนจ่อยิงทิ้ง นำศพห่อเสื่อไปโยนทิ้งข้างถนน ชิงปืน .45 ของเหยื่อกระสุนเผ่นหนี พุ่งปมสร้างสถานการณ์รายวัน ด้าน ผบก.ภ.จ. ปัตตานี ลุยค้นขนำกลางสวนลองกอง พบเป็นแหล่งซ่องสุมกลุ่มโจรใต้ยึดได้อุปกรณ์ใช้ก่อเหตุเพียบ "นายกฯอภิสิทธิ์" ย้ำเตรียมเลิกใช้กฎอัยการศึก 4 อำเภอของจ.สงขลา ในเดือน พ.ย.นี้ เป็นโครงการนำร่อง

โจรใต้ถล่มโหดฆ่าสาวแม่ลูกอ่อนคาบ้านครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.15 น. คืนวันที่ 31 ต.ค. พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ศรีอาราม สารวัตรเวร สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มใส่บ้านเลขที่ 4/1 ริมถนนสายทุ่งขมิ้น-บาเดาะแฮ หมู่ 3 บ้านทุ่งขมิ้น ต.ตะโละหะลอ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รอง ผบก.ภ. จ.ยะลา พ.ต.อ.นรินทร์ บูสะมัญ ผกก.สภ.รามัน พ.ต.ท. กฤษณะพงษ์ แพทย์สิทธิ์ สว.สส. รุดไปที่เกิดเหตุ

พบซากสุนัขสีน้ำตาลเพศผู้ ถูกกระสุนปืนพรุนทั้งตัวนอนตายคาโซ่ที่ล่ามแล้วคล้องเหล็กเส้นขนาดเล็กยาว 10 เมตร ให้สามารถวิ่งไปมาได้บริเวณประตูหน้าบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อขึ้นไปบนบ้านก็พบศพ น.ส.เนตรนภิศ เสรีสุวรรณรัตน์ อายุ 16 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียง มีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณแผ่นหลังและท้ายทอยรวมกว่า 10 นัด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อนายสิทธิวัฒน์ ม่วงเรือน อายุ 29 ปี เจ้าของบ้านและเป็นสามีของ น.ส.เนตรนภิศ ถูกกระสุนปืนที่หน้าท้องนำส่งโรงพยาบาลรามันแล้ว ส่วนลูกชายวัย 6 เดือน ของผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตรอดตายราวปาฏิหาริย์ ตัวบ้านมีรอยกระสุนปืนพรุนไปทั้งแถบ ส่วนบริเวณพื้นหน้าบ้านใกล้ซากสุนัขมีเศษขวดแตกกระจายเป็นรอยไหม้ดำมีกลิ่นน้ำมันเบนซินคละคลุ้งรวม 3 จุด เก็บปลอกกระสุนปืนอาก้าและเอ็ม 16 ได้กว่า 50 ปลอก ตกกระจัดกระจายอยู่รอบๆบ้าน

สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุ น.ส.เนตรนภิศกำลังนอนตะแคงให้นมลูกชายวัย 6 เดือน อยู่บนเตียง ได้ยินเสียงสุนัขที่ล่ามโซ่เห่ากระโชกขึ้น นายสิทธิวัฒน์ที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นตกใจรีบคว้าปืนลูกซองลุกขึ้นมองลอดช่องฝาบ้านออกไปเห็นเงาชายไม่ต่ำกว่า 5 คน อยู่ในสวนยางพาราข้างบ้าน ทันใดนั้นกลุ่มคนร้ายได้ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มเข้าใส่พร้อมทั้งปาขวดแก้วบรรจุน้ำมันเบนซินที่จุดไฟตกใส่หน้าบ้าน นายสิทธิวัฒน์จึงใช้ปืนลูกซองยิงตอบโต้ไป เกิดการดวลปืนกันอย่างดุเดือด ผลปรากฏว่า น.ส.เนตรนภิศที่เอาตัวเองบังลูกน้อยไว้ในอ้อมอกถูกกระสุนปืนเสียชีวิตคาที่ ส่วนนายสิทธิวัฒน์บาดเจ็บสาหัส โชคดีที่กำลังทหารชุดร้อย ร.15222 ที่ตั้งฐานอยู่ในละแวกใกล้เคียงได้ยินเสียงปืนรีบยกกำลังมาช่วย กลุ่มคนร้ายจึงหลบหนีไป

ต่อมาเวลา 09.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.สายัณห์ กระแสแสน ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.ท.ทรงวุฒิ ศรีอาราม สารวัตรเวร สภ.รามัน พร้อมเจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 45 ยะลา เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบกระสุนปืนอาก้าตกกระจายอยู่ในป่าสวนยางข้างบ้านนับได้ 45 ปลอก ปรากฏว่าได้เกิดเหตุระเบิดภายในป่าละเมาะห่างตัวบ้านที่เกิดเหตุไปประมาณ 50 เมตร มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย คือ ด.ต.ประสบ กาฬมิค อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 45 ถูกสะเก็ดเจาะแก้วตาดำขวา ส.อ.พงศกร ไพรยารมย์ อายุ 32 ปี ร้อย ร.15222 ฉก.ยะลา 12 สังกัด ร.152 พัน 2 ค่ายสมเด็จพระศรีสุริโยทัย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขาซ้ายขาดกระจุย และนายบัดกรี ทองพัสโน อายุ 65 ปี ชรบ.ที่เพิ่งสมัครเข้าทำงานในวันแรกถูกสะเก็ดระเบิดเต็มตัว จึงรีบนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา อาการสาหัสทั้ง 3 คน

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สายัณห์ กระแสแสน ผบก.ภ. จ.ยะลาได้สั่งการให้ ร.ต.อ.หญิงธนกร กันนา ร้อยเวรวิทยาการชุดสำรองไปสนับสนุน พบว่าคนร้ายลอบฝังระเบิดชนิดลวดสะดุดหนักประมาณ 1 กก. ไว้ในพงหญ้า จังหวะที่กำลังเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นายเข้าไปตรวจหาร่องรอยเกิดไปเตะถูกลวดสะดุดเข้าทำให้เกิดระเบิดขึ้นเป็นหลุมกว้าง 1 ฟุต ลึก 2 ฟุต นอกจากนี้คนร้ายยังฝังระเบิดชนิดเดียวกันไว้อีก 1 จุด ห่างไปประมาณ 10 เมตร โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเข้าเสียก่อน สามารถเก็บกู้เอาไว้ได้อย่างปลอดภัย สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ จากการสืบสวนคาดว่าเป็นแนวร่วมกลุ่มใหม่ของนายสะตอพา ยะเงาะมะ แกนนำอาร์เคเค ซึ่งล่าสุดลอบวางระเบิดถล่มเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 4108 บาดเจ็บ 1 นาย ที่บ้านบือแนนากอ หมู่ 3 ต.บาลอ เขตติดต่อ ต.ตะโละหะลอ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างไล่ล่าตัวมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนลูกชายวัย 6 เดือน ของนายสิทธิวัฒน์ได้มอบให้ญาติรับไปดูแลชั่วคราว

อีกรายเมื่อเวลา 07.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท. ประมาณ  ยักกะพันธ์ ร้อยเวร สภ.เมืองยะลา รับแจ้งเหตุพบศพถูกฆ่าทิ้งอยู่ริมถนนกลางทุ่งนาในหมู่บ้านบาลูกาปาลัส  หมู่ 7 ต.บุดี จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.สักรินทร์ บำเพ็ญสมัย รอง  ผกก.ป.และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดรุดไปตรวจสอบ จุดเกิดเหตุอยู่บนถนนสายฆูวอ-บาลูกาปาลัส ห่างจากถนนใหญ่ราว 1 กม.เศษ พบศพถูกห่อหุ้มด้วยเสื่อพลาสติกผืนใหญ่ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกผูกแล้วค่อยๆดึงศพออกมาเพราะเกรงว่าอาจจะมีระเบิดซุกซ่อนอยู่ แต่ไม่พบระเบิดอย่างที่หวั่นเกรง

ส่วนผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือนายอับดุลเลาะ สะนิ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 2 บ้านบือมัง ต.บือมัง อ.รามัน มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ 1 นัด มีเชือกไนลอนมัดข้อเท้าไว้แน่น ส่วนข้อมือทั้งสองข้างถูกจับใส่กุญแจมือไพล่หลัง คล้องป้ายชื่อระบุเป็นเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอรามัน เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 4 ชม.  จากการสอบสวนทราบว่านายอับดุลเลาะมักมากินน้ำชาที่ร้านใน ต.บุดีเป็นประจำ คาดว่าถูกคนร้ายดักสังหาร ก่อนจะนำศพห่อด้วยเสื่อนำมาโยนทิ้งไว้ข้างทาง ชิงปืน .45 ของผู้ตายที่พกติดตัวเป็นประจำหลบหนีไป  อยู่ระหว่างสืบสวนหาตัวคนร้ายรายนี้ต่อไป  ส่วนปมสังหารพุ่งเป้าไปที่การสร้างสถานการณ์
รายวัน

ต่อมาเวลา 15.30 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พร้อมกำลังทหารชุดร้อย ร.1533 กรมทหารพรานที่ 43 และตำรวจ สภ.โคกโพธิ์ เข้าปิดล้อมตรวจค้นสวนลองกอง หมู่ 1 บ้านสวนนอก ต.ช้างไห้ตก อ.โคกโพธิ์ พบขนำปลูกสร้างอยู่ท้ายสวนดังกล่าว ตรวจค้นไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย มีเพียงอุปกรณ์ เครื่องใช้ซุกซ่อนอยู่หลายจุด ประกอบด้วยเสื้อลายพราง 6 ตัว หมวก 9 ใบ กระสุนปืนเอ็ม 16 และอาก้ารวม 16 นัด ตะปูเรือใบ  เศษเหล็กเส้นตัดเป็นท่อน  อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายรายการ และเครื่องเวชภัณฑ์อีกจำนวนหนึ่ง จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน

ที่โรงแรมบีพีแกรนด์ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 31 ต.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานในงานพบปะผู้นำองค์กรภาค ธุรกิจเอกชนของสภาอุตสาหกรรม  หอการค้า  สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว  ผู้นำองค์กรท้องถิ่น  และ  ผวจ.ของ 5 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ มีผู้ร่วมงานประมาณ 200 คน ภายใต้ หัวข้อการประชุม  "ใต้พัฒนา ไทยเข้มแข็ง" และนายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "การสร้างความเชื่อมั่นในการส่งเสริมและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้" ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยสุดเข้มงวด  โดยนายอภิสิทธิ์ระบุว่า จะมีการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกพื้นที่ 4 อำเภอของ จ.สงขลา  เป็นโครงการนำร่องในเดือน  พ.ย.นี้ ส่วนพื้นที่  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้คงต้องรอกฎหมายความมั่นคงที่จะมารองรับ ก่อนจะประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพดี โดย : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์