โกวิท กัดไม่ปล่อบ บึ้มกรุง ไม่เก่งอย่างที่คิด !!!

คดีคนร้ายก่อวินาศกรรมลอบวางระเบิดทั่วกรุงและ จ.นนทบุรี รวม 9 จุด


ในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามประสานกำลังทหารกองทัพภาคที่ 1 ใช้กฎอัยการศึกปูพรมตรวจค้น และเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเป็นทหารและพลเรือนไปสอบปากคำ 19 คน ก่อนจำเป็นต้องปล่อยตัวทั้งหมดเพราะหมดอำนาจการควบคุมตัว

อีกทั้งขาดพยานหลักฐานเชื่อมโยงในการกระทำผิดว่าพัวพันเหตุการณ์บึมวันเคาต์ดาวน์ส่งท้ายปี

โกวิท ลั่นกัดไม่ปล่อย


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่า ได้กำชับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.ปป. ติดตามการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดที่เกิดขึ้นใน กทม. และคดีลอบวางเพลิงในพื้นที่หลายจังหวัดอย่างใกล้ชิดแล้ว

ตำรวจต้องพยายามหาพยานหลักฐานเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้

เพราะคดีวางระเบิดมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ตำรวจจะไม่ปล่อยให้การติดตามคดีเงียบหายไป โดยจะร่วมกันทำงานระหว่างตำรวจ ทหารและ คมช.

ติดตามจับกุมตัวผู้บงการมาดำเนินคดีและจำเป็นต้องอดทนสืบสวน ส่วนการแถลงความคืบหน้าได้มอบหมายให้ฝ่ายทหารเป็นผู้แถลงข้อเท็จจริงตามข้อตกลงในการประชุมร่วมกัน

ส่ง จงรัก พบบิ๊กดีเอสไอ


อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ได้มอบหมาย พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสอบสวนคดีระเบิดเขย่ากรุงวันส่งท้ายปีเก่าเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อวางแนวทางร่วมกันสืบสวนสอบสวนคดีบึมที่เกิดขึ้น

เพราะเห็นว่า พล.ต.ท.จงรักเป็นเพื่อนร่วมรุ่น

นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยทั้งคู่มีกำหนดจะพบปะเพื่อหารือกันที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 29 ม.ค. เวลา 11.00 น.

ด้านผลการตรวจจับเท็จและผลเปรียบเทียบลายนิ้วมือ

ของผู้ต้องสงสัยกับลายนิ้วมือแฝงคนร้ายในจุดที่เกิดเหตุ พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผบช.สนว.ตร. กล่าวปฏิเสธว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

เนื่องจาก สนว.ตร.เป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานเท่านั้น ส่วนรายละเอียดผลการตรวจพิสูจน์เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ให้ข้อเท็จจริง

กองปราบฯเงียบเหงา


ที่กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า ค่อนข้างเงียบเหงา ไม่มีนายตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเข้ามาปฏิบัติงาน เช่นเดียวกับที่ กก.ปพ.บก.ป. ซอยโชคชัย 4 ที่เคยมีบรรดาสื่อมวลชนแห่ไปเฝ้าสังเกตการณ์ ความเคลื่อนไหวภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำตลอดระยะเวลา 7 วันที่ผ่านมา

พอชุดสืบสวนคลี่คลายคดี

ปล่อยผู้ต้องสงสัยทั้งหมด ทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาประชุม แถมต่างฝ่ายต่างปิดปากเงียบ ไม่ยอมเอ่ยถึงแผนการสืบสวนติดตามมือระเบิดป่วนกรุงเย้ยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

มีรายงานว่า คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในทีมคลี่คลายเหตุระเบิดยังคงร่วมแกะรอยติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ ต่อไป

แต่ในขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่เพียงพอต่อการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยรายใดมาสอบสวนตามกฎอัยการศึกได้มี พ.ต.อ.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ. อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป.

จัดกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวและคอยรักษาความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เพิ่งถูกปล่อยตัวไป โดยเฉพาะกลุ่มพลเรือนที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้

ส่วนสาเหตุที่ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคลายปมคดีระเบิดตัดสินใจเข้าหารือ

กับ คมช. ก่อนแผนปฏิบัติการเชิญตัว ผู้ต้องสงสัยที่เป็นทหารและพลเรือนมาสอบปากคำนั้น มีแหล่งข่าวในทีมสืบสวนอ้างว่า

เพราะได้รับข้อมูลจาก จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ หรือ จ่ายักษ์ ช่วยราชการ กอ.รมน. ผู้ต้องหาคดีคาร์บอมบ์หมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่กลายเป็นข่าวครึกโครมเมื่อปีก่อนแล้ว

พนักงานสอบสวนกันไว้เป็นพยาน

เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ยอมซัดทอดกลุ่มผู้บงการเป็นนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาถึงขั้นบอกแผนล่วงหน้าด้วยว่า จะมีการปฏิวัติเกิดขึ้นเพื่อโค่นอำนาจนายกฯ ทักษิณ

ข้อมูล จ่ายักษ์ พาเกือบเป๋


ทันทีที่เกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมใจกลางเมืองหลวง ทีมสืบสวนคลี่คลายคดีของกองปราบปรามเลยนำตัว จ.ส.อ.ชาคริต จันทระ มาซักถามข้อมูลกลุ่มนายทหารที่มีศักยภาพในการประกอบวัตถุระเบิดของกองทัพ

มีการวิเคราะห์ไปยังทีมของ พ.ท.สุชาติ คัดสูงเนิน

หรือเสธ.คัด นายทหารหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี และกลุ่มของ เสธ.ตี๋ พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ ผู้ต้องหาพัวพันในคดีคาร์บอมบ์ผู้บังคับบัญชาของจ่ายักษ์

แต่ไม่ได้ระบุว่าทั้งคู่อยู่เบื้องหลังระเบิดวันส่งท้ายปีที่เกิดขึ้น พล.ต.ท. ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร.จึงรายงาน พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ประสาน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.และ ผบ.ทบ. ขอกำลังทหารกองทัพภาค 1

ใช้กฎอัยการศึกเชิญตัวทั้งหมดมาสอบปากคำเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ผลสุดท้ายก็ไม่มีพยานหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้กระทำความผิด

สันติบาลคุมจุดที่สำคัญ


พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญต่างๆ ในพื้นที่ กทม.ว่า เรียกนายตำรวจที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านการข่าวเข้ามาพบเพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ

และซ้อมทำความเข้าใจว่า

มีสิ่งใดขาดเหลือต้องการสนับสนุนจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลก็จะจัดไปให้ โดยเฉพาะในส่วนของสถานทูตต่างๆในประเทศไทย ได้จัดนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเพื่อสอบถามทางสถานทูต

มีความหนักใจหรือกังวลหรือไม่

อย่างสถานทูตที่ตั้งอยู่ในจุดที่ล่อแหลม อาทิ สถานทูตอิหร่าน เกาหลี สิงคโปร์ นอกจากนี้ ยังจัดนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าไปตรวจการทำงานของตำรวจสันติบาลประจำสถานทูตให้มากขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น.เป็นประธาน

เปิดโครงการสุนัขใกล้ชิด Police K-9 รุ่นแรก เพื่อฝึกสุนัขให้ช่วยทางราชการในงานป้องกันปราบปรามปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และตรวจสอบวัตถุระเบิด หลังเกิดเหตุวินาศกรรม เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีประชาชนให้ความสนใจนำสุนัขเข้าร่วมโครงการถึง 133 ตัว

สำหรับสุนัขที่เข้าร่วมโครงการ

จะต้องมีสายพันธุ์ เยอรมัน เชพเพอร์ด และพันธุ์ลาบราดอร์ เท่านั้น การอบรมจะประกอบไปด้วย การฝึกให้สุนัขเชื่อฟังคำสั่ง ดมกลิ่น แยกกลิ่น ตรวจหาสารเสพติด และวัตถุระเบิด รวมทั้งฝึกให้เจ้าของและสุนัขมีความสามารถเช่นเดียวกับสุนัขตำรวจ และวันที่ 10 มี.ค. จะจัดการทดสอบขึ้น

พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า

เนื่องจากสุนัขของทางราชการมีไม่เพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ จำเป็นต้องอาศัย ความร่วมมือจากประชาชนนำสุนัขเข้าร่วมอบรม เพื่อเสริม การทำงานของเจ้าหน้าที่ สุนัขที่ผ่านการอบรมต้องมีการทดสอบว่า

สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ด้วย หากประชาชนมีความประสงค์จะนำสุนัขเข้ารับการอบรมในรุ่นที่ 2 สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2573-4581 และ 0-2573-9942

ติวเข้มประชาชนอีกระลอก


ที่ห้องประชุมชั้น 4 สน.บุคคโล พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช ผบก.น.8 จัดโครงการอบรมให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันระเบิดและวัตถุต้องสงสัย เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่ชาวบ้านช่วยตรวจตราวัตถุต้องสงสัยที่สำคัญคือ

เมื่อพบวัตถุต้องสงสัย

แล้วต้องสามารถสื่อสารในเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ได้มีการสาธิตการป้องกันและเฝ้าระวังวัตถุต้องสงสัย รวมถึงลักษณะและการสังเกตวัตถุระเบิดในเบื้องต้นจาก พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ สารวัตรกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.ด้วย

มทภ.1 พร้อมประสานเหมือนเดิม


พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ให้ สัมภาษณ์ยืนยันว่า ขณะนี้ได้มีการปล่อยผู้ต้องสงสัยไปบางส่วนแล้ว มีเพียงพลเรือนที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ 1 คนเนื่องจากที่ถูกแจ้งข้อหา มีกระสุนไว้ในครอบครอง

B<>หลังตรวจพบที่บ้านพัก

แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดป่วนกรุงที่ผ่านมา หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปหาแนวทางสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม โดยกองทัพภาคที่ 1 พร้อมทำงานประสานร่วมกับตำรวจเหมือนเดิมคือ หากตำรวจไปเชิญตัวใครมาสอบ เราก็จะไปเฝ้าดูเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวตำรวจไปข่มขู่ผู้ต้องสงสัยจริงหรือไม่

พล.ท.ประยุทธ์กล่าวว่า

ยังไม่เห็นมี และคงจะขู่ไม่ได้ เพราะมีทหารอยู่ การที่เราเข้าไปร่วมฟังการสอบสวนเพื่อความโปร่งใส เพราะเขาไม่ใช่ผู้ต้องหา เป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ส่วนพลเรือนที่ควบคุมตัวเป็นเพียงผู้ต้องหาในคดีปกติ เป็นคดีเก่า ไม่ใช่เกี่ยวกับคดีระเบิด

ทั้งนี้ ทั้ง 19 คนที่ควบคุมตัวมา

ยังไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิด ซึ่งยืนยันไม่ได้ว่ามีหรือไม่มี เพราะยังไม่ได้รับรายงาน แต่ถ้ามีผู้เกี่ยวข้องกับคดี คงจะได้รับรายงานแล้ว แสดงว่าตอนนี้ยังไม่มี ตำรวจคงจะบอกอีกครั้ง

ระบุ สนธิ อนุมัติแผนปฏิบัติการ


เมื่อถามว่าในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกับทหารได้มีการแจ้งประธาน คมช.ก่อนหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะนำกำลังเข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยนั้น พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. ได้เข้าพบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.แล้ว หลังจากนั้น พล.อ.สนธิ จึงสั่งการผ่าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ให้นำกำลังกองทัพภาคที่ 1 ลงไปปฏิบัติหน้าที่

กรณีที่ พล.อ.สนธิตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า

ไม่รู้นั้น คงหมายถึงไม่รู้เรื่องในรายละเอียดมากกว่า แต่ทราบเรื่องการนำกำลังลงไปคุมตัว เพราะต้องมอบอำนาจให้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ ถ้าไม่ทราบเรื่องนี้ ตนคงไม่กล้าทำ

ท่านไม่ได้รู้รายละเอียด เพราะท่านมีหน้าที่อนุมัติ ดูแลให้เกิดความเป็นธรรม อย่าให้ผิดไปจากสิ่งที่ควรจะเป็น เมื่อสั่งการลงมาเราก็ทำตามหน้าที่ เพียงแต่เราต้องปิดไว้เป็นความลับ ต้องแสดงให้เห็นว่าทำเต็มที่

และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือ

ก็ให้ความร่วมมือ แสดงถึงความบริสุทธิ์ใจ หากมีใครผิดก็จับตัวไป และใครไม่ผิดก็ปล่อยไป ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของตำรวจ ทหารทำหน้าที่คือเข้าไปดูแลความเรียบร้อยเท่านั้น ความจริงไปยุ่งมากไม่ได้


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์