แหลมฉบังวิกฤตสารเคมีรั่ว-ชักตาย2

แหลมฉบังวิกฤตสารเคมีรั่ว-ชักตาย2

พิษฟุ้งไกล อาเจียน เข้ารพ.อื้อ อพยพวุ่น กลางดึก
แหลมฉบังวิกฤต สารเคมี รั่วฟุ้งกระจายส่งกลิ่นในรัศมี 3 ก.ม.ชาวบ้านที่สูดกลิ่น โดนตัว มีอาการแสบจมูก เคืองตา อาเจียนกันเป็นแถว ต้องอพยพหนีวุ่นกลางดึก เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนับสิบราย ล่าสุดมีตาย 2 ศพ แต่ยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับสูดดมสารเข้าไปหรือไม่ เนื่องจากผู้ตายมีโรคประจำตัวก่อนแล้ว เผยเป็นสารฟอกขาวเกิดอุบัติเหตุระหว่างขนส่ง

-แหลมฉบังวุ่น-สารเคมีรั่ว

เมื่อเวลา 00.45 น.วันที่ 26 พ.ย.หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชา ได้รับแจ้งว่าภายในท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเทียบเรือบี 3 มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีรั่วไหลที่ท่าเทียบเรือบี 3 ในท่าเรือแหลมฉบัง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 พ.ย. ให้ไปช่วยเหลือนำส่งยังโรงพยาบาลในพื้นที่ อ.ศรีราชา โดยหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชาได้กระจายกันนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จำนวน 2 ราย โรงพยาบาลพญาไทศรีราชา 3 ราย โรงพยาบาลแหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล 2 ราย โรงพยาบาลอ่าวอุดม จำนวน 2 ราย เนื่องจากผู้ป่วยได้สูดดมสารพิษเข้าร่างกาย สำหรับสารพิษดังกล่าวได้ส่งกลิ่นมาตามลมทำให้ผู้คนที่ทำงานอยู่ภายในท่าเทียบเรือบี 3 และท่าเทียบเรือใกล้เคียงได้รับผลกระทบจากการได้รับกลิ่นทำให้เกิดคลื่นเหียนอาเจียนและเจ็บหน้าอก

สำหรับกลิ่นดังกล่าวกระจายออกไปในระยะรัศมี 3 กิโลเมตรตามลม ทำให้ประชาชนในพื้นที่หมู่บ้านแหลมฉบังเก่า หมู่ 3 ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา กว่า 200 ครอบครัวได้รับผลกระทบ ทำให้คลื่นเหียนอาเจียน จนต้องพากันอพยพลูกหลานและผู้สูงอายุ รวมทั้งพระเณรในวัดแหลมฉบังเก่า ไปพักอาศัยชั่วคราวที่บริเวณโรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 2 เป็นการชั่วคราว โดยอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชานำรถไปรับมาส่ง พร้อมทั้งนำทีมแพทย์และพยาบาลจากทางโรงพยาบาลอ่าวอุดมไปตรวจรักษาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นดังกล่าว

-ชาวบ้านเซ็งต้องหนีกลางดึก

เวลา 03.30 น. ได้รับแจ้งจากทางท่าเทืยบเรือบี 3 ว่าได้ทำลายสารเคมีดังกล่าวเป็นสารกลุ่ม 5.1 (เป็นสารฟอกขาว) ใช้ในขบวนการฆ่าเชื้อ ชื่อว่า Bromine เรียบร้อยแล้ว ด้วยการทำลายด้วยกรรมวิธีทางเคมี ซึ่งกลิ่นดังกล่าวก็ได้หายไปหมดแล้ว พร้อมให้ชาวบ้านที่อพยพมากลับไปอยู่ในบ้านได้แล้ว ซึ่งทำความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้อย่างมาก เพราะต้องอพยพครอบครัวกลางดึก

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของการนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง กล่าวว่า รู้สึกไม่พอใจกับการทำงานของทางท่าเรือแหลมฉบัง เนื่องจากไม่ยอมแจ้งว่าสารเคมีที่รั่วไหลตัวดังกล่าวเป็นสารอะไร มีฤทธิ์อย่างไร พร้อมทั้งจะมีผลกระทบอย่างไรบ้างต่อร่างกาย โดยทางท่าเรือแจ้งเพียงแต่ว่าเป็นสารฟอกขาวไม่มีอันตราย แต่ปรากฏว่ากลางดึกพนักงานท่าเรือและการนิคมต้องหามส่งโรงพยาบาล พร้อมทั้งได้เรียกเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องออกปฏิบัติงาน โดยให้มีการอพยพ พนักงานและประชาชนที่รับผลกระทบออกนอกพื้นที่กลางดึกด่วน เนื่องจากยังไม่สมารถควบคุมสถานการณ์ได้ และสารเคมียังฟุ้งกระจาย ส่งกลิ่นเหม็นตลอดเวลา ครอบคลุมพื้นที่ในรัศมี 3 กิโลเมตร





เคมีรั่ว - เจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำและน้ำยาสลายควันจากสารเคมีที่รั่วออกจากตู้คอนเทนเนอร์ ในท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งรัศมีกว่า 3 ก.ม. ชาวบ้านและพนักงานในท่าเรือได้รับบาดเจ็บหลายราย



-เป็นสารฟอกขาว-ใช้ฆ่าเชื้อ

นายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางท่าเรือได้วางมาตรการป้องกัน ตามแผนฉุกเฉิน ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าสารตัวดังกล่าวคือโซเดียมเฟอร์ซัลเฟต เป็นสารฟอกขาว ใช้ในขบวนการฆ่าเชื้อ โดยสารดังกล่าวรั่วจากตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทยามาฮัตสุ (ประเทศไทย) การรั่วไหลคาดว่าจะเกิดจากหีบห่อบรรจุได้รับการกระทบกระเทือน หลังจากนั้นได้ควบคุมสถานการณ์โดยร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ แล้วเสร็จเมื่อเวลา 03.30 น. สาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากแรงกระแทกในถุงอะลูมิเนียม ที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์แตกจนทำให้สารเคมีรั่วไหลออกมา ซึ่งขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ปลอดภัย และได้ตรวจสอบคุณภาพน้ำ และคุณภาพอากาศในพื้นที่ซึ่งอยู่ในสภาพปลอดภัยเป็นปกติ สารเคมีชนิดนี้จะมีสภาพการตกค้างโดยจะสามารถระเหยไปในอากาศในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่มีกลิ่นรบกวนแล้ว ขอให้ประชาชนสบายใจได้

-10 รายสูดพิษต้องเขาร.พ.

วันเดียวกัน นายมานิต นพอมรบดี รัฐ มนตรีช่วยสาธารณสุข กล่าวภายหลังเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ป่วยที่นอนรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จ.ชลบุรี ว่า สรุปจากเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้สูดสารพิษเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่างๆ 10 ราย รับตัวรักษาในโรงพยาบาล 5 ราย กลับบ้านได้ 5 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากโรงพยาบาลอ่าวอุดม ไปให้บริการชาวบ้านที่จุดอพยพโรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 2 มีผู้รับบริการ 15 ราย ส่วนใหญ่มีอาการแสบคอ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แพทย์ตรวจรักษา ให้ยา และอนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยเช้านี้เวลา 04.00 น.ผลการตรวจสารพิษจากกรมควบคุมมลพิษ ไม่พบสารกลุ่มสารซัลเฟอร์ในอากาศแล้ว ส่วนกากเคมีที่ลุกไหม้ อยู่ระหว่างรอการเก็บกู้เพื่อส่งกำจัดต่อไป

-เป็นสารระคายเคือง-อาเจียน

นายมานิตกล่าวว่า จากรายงานของสำนัก งานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ทราบว่าหลังเกิดเหตุการณ์โรงพยาบาลต่างๆ ได้ระดมทีมกู้ชีพออกให้ความช่วยเหลือที่จุดเกิดเหตุ สารเคมีที่รั่วไหลชื่อโซเดียมเปอร์ออกซี่ ไดซัลไฟต์ ซึ่งเป็นสารที่ติดไฟง่าย เป็นสารฟอกขาวที่ใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผม มีฤทธิ์เป็นกรด โดยหากเกิดการลุกไหม้จะเกิดซัลเฟอร์ออกไซด์ มีผลทำให้เกิดการระคายเคืองค่อนข้างแรง โดยเฉพาะที่เยื่อบุตา ระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หากเป็นเด็กหรือผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วมีโอกาสเสี่ยงมาก แต่ขึ้นกับปริมาณการสัมผัส หากได้รับน้อยล้างน้ำออกก็หาย

-กทท.ยันพิษไม่ทำให้เสียชีวิต

ด้านนางสุนิดา สกุลรัตนะ รักษาการผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า การรั่วไหลของสารเคมีที่ท่าเรือแหลมฉบังนั้น สารดังกล่าวเป็นสารโบรมีน (Bromine) หรือสารฟอกขาว ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมสั่งเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งตามระเบียบสามารถเก็บสารเคมีอันตรายไว้ภายในท่าเรือได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ก่อนส่งต่อไปยังโรงงานอุตสาหกรรม ได้ตรวจพบว่า เกิดจากสารฟอกขาวภายในตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ น้ำหนัก 22 ตัน ภายในท่าบี 3 ท่าเรือแหลมฉบังเกิดรั่วไหลออกมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเกิดจากสาเหตุใด





อพยพ - ชาวบ้านชุมชนแหลมฉบังเก่า อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กว่า 200 ครอบครัว อพยพไปพักที่ศาลาประชาคมอ่าวอุดม หลังผู้ว่าฯชลบุรีประ กาศให้บริเวณรอบที่เกิดเหตุสารเคมีรั่วเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ตามข่าว



"สารเคมีโบรมีนนั้นเป็นสารอันตรายระดับกลาง หากสัมผัสทางผิวหนังจะมีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้ผิวหนังซีด มีอาการแผลไหม้อย่างรุนแรง หากกลืนจะเจ็บคอ อาเจียน ปวดท้อง สัมผัสถูกตาจะมีฤทธิ์กัดกร่อน เห็นพร่ามัว มองไม่ชัด ฯลฯ แต่ยืนยันว่าไม่มีอันตรายจนกระทั่งทำให้เสียชีวิต" นางสุนิดากล่าว

-เผยชาวบ้านมีอาการแพ้ 21 คน

รายงานข่าวแจ้งว่า ความคืบหน้าสาเหตุสารโซเดียมเปอร์ซัลเฟตรั่วที่ท่าเรือแหลมฉบัง ล่าสุดสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสุขภาพประชาชนบริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุ ว่าได้รับผลกระทบจากสารเคมีระเหยหรือไม่ เบื้องต้นพบว่ามีผู้แพ้สารเคมี 21 คน ส่วนใหญ่มีอาการแสบคอและจมูก แต่อาการไม่รุนแรง เด็กนักเรียนที่เกิดอาการเจ็บป่วยจากการสูดดมสารเคมีที่รั่วไหล บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ขณะนี้ได้รับการรักษาจนปลอดภัยแล้ว โดยแพทย์ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบจากสารเคมี ส่วนชาวบ้านที่อพยพหนีการรั่วไหลของสารเคมีตั้งแต่เมื่อคืนนี้ สามารถกลับเข้าสู่ชุมชนแหลมฉบังได้แล้วเช่นกัน

-รับมีตาย-เตรียมผ่าพิสูจน์

เย็นวันเดียวกัน นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชื่อนางสุนีย์ ภู่เพชร อายุ 54 ปี มีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจมาก่อน โดยก่อนเสียชีวิตมีอาการจุกเสียด แน่นหน้าอก และหัวใจหยุดเต้นขณะรอรับการตรวจรักษาที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่วัดแหลมฉบัง แพทย์ส่งตัวไปรับการรักษาที่ร.พ. อ่าวอุดม และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ จะส่งศพตรวจชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป ตลอดวันนี้มีผู้ป่วยมารับการตรวจที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่วัดแหลมฉบัง 456 ราย มีอาการเล็กน้อย 70 ราย ส่งตรวจที่ร.พ. 25 ราย

นายมานิตกล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ทีมแพทย์ดูแลผู้ป่วยและประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด โดยจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตั้งจุดบริการตรวจรักษาประชาชนที่วัดแหลมฉบังต่อไปจนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และให้ อสม.ไปเคาะประตูบ้านสอบถามอาการประชาชนทุกวัน หากมีอาการผิดปกติให้นำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

เวลา 18.00 น.ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหลที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ว่า มีการดำเนินการช่วยเหลืออยู่ ล่าสุดมีรายงานเรื่องการเสียชีวิต แต่ได้สั่งให้ตรวจสอบแล้วว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

-เตรียมฟ้องเอาผิด

ที่กระทรวงแรงงาน นางอัมพร นิติสิริ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวถึงการช่วยเหลือคนงานที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุสารเคมีรั่วที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน มีอาการระคายเคืองตา ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้เข้าไปดูแลแล้ว ส่วนที่ว่ามีผู้เสียชีวิต 1 รายนั้น ขณะนี้ทราบชื่อแล้ว คือนายนเรศ แก้วเรือน พนักงานบริษัทแหลมฉบังค้าของเก่า ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตนั้นไม่ได้เกิดจากการได้รับสารเคมีดังกล่าว แต่เสียชีวิตจากโรคลมชัก ซึ่งเป็นโรคประจำตัวของผู้ตาย ทางกรมสวัสดิฯ มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานอยู่ในทุกจังหวัด ซึ่งเมื่อเกิดเหตุก็สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ทันเวลา ล่าสุดตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด และดำเนินการเอาผิดและเรียกร้องค่าเสียหายกับทางบริษัทต่อไป

-เป็นลม-อาเจียน-ปิดร.ร.

ที่บริเวณลานวัดแหลมฉบังเก่า หมู่ 3 ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา ทางทีมแพทย์และพยาบาล จากโรงพยาบาลอ่าวอุดม สาธารณสุขอำเภอ กองสาธารณสุขเทศบาลตำบลแหลมฉบัง ได้ร่วมกันมาตรวจสุขภาพของเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านแหลมฉบังเก่าและประชาชนในชุมชนแหลมฉบังเก่า ที่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นของสารเคมีจากท่าเรือบี 3 และก็ยังส่งกลิ่นเหม็นอยู่ ทำให้เด็กนักเรียนและชาวบ้านได้ใช้หน้ากากคาดปิดปากและจมูกรอรับการรักษา

ด.ญ.ศิริลักษณ์ กุลบุตร อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีอาการเจ็บคอและมีผื่นขึ้นที่หน้า มีอาการอ่อนเพลีย และด.ญ.ณภัสรา นาทัน อายุ 12 ปี มีอาการตาแดง ไอ เจ็บคอ และมีเลือดกำเดาไหลออกมา ซึ่งทางแพทย์ได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ น.ส.ปิยะวรรณ คำภาลา อายุ 23 ปี ชาวบ้านในชุมชนแหลมฉบังเก่านั้นยืนรอรับการรักษาตัวอยู่ได้เป็นลมล้มลงเพราะทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว และชาวบ้านอีกหลายคนที่มาตรวจรักษาแล้วอาการไม่สู้ดีทางแพทย์ต้องรีบนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลอ่าวอุดมอย่างเร่งด่วน ซึ่งประชาชนและผู้นำชุมชนต่างบอกว่ากลิ่นเหม็นยังมีความรุนแรง แต่ไม่ทราบว่าทางท่าเรือแหลมฉบังและทางท่าเทียบเรือบี 3 นั้นได้บอกว่าได้ควบคุมสารเคมีตัวดังกล่าวแล้วและไม่เป็นอันตราย ทั้งนี้ ร.ร.บ้านแหลมฉบังเก่าได้ปิดการเรียนการสอนด้วย

-200 ครอบครัวอพยพหนีสารพิษ

ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ที่ศาลาประชาคมอ่าวอุดม เขตเทศบาลตำบลแหลมฉบัง อ.ศรีราชา ชาวบ้านในชุมชนแหลมฉบังเก่ากว่า 200 ครอบครัว อพยพออกนอกพื้นที่ หลังพบว่าสารเคมีที่รั่วดังกล่าวยังส่งกลิ่นเหม็นไม่หมดไปจากพื้นที่ทำให้ผู้ที่สูดกลิ่นเข้าไปนั้นวิงเวียนศีรษะ อาเจียน มีเลือดกำเดาไหล และมีผื่นขึ้นที่บริเวณใบหน้าและลำตัว ซึ่งทางผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบัง และทางท่าเรือบี 3 ยังออกมาให้ข้อมูลอย่างชัดเจน แถมยังแจ้งว่าได้ทำลายสารเคมีไปหมดแล้วให้ชาวบ้านสบายใจได้ แต่ก็ยังมีชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีอาการเจ็บป่วยอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีผู้สูงอายุที่สูดกลิ่นของสารเคมีดังกล่าวและเกิดเป็นลมแน่นหน้าอก หลังนำส่งโรงพยาบาลก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอ่าวอุดม เมื่อช่วงเย็น ซึ่งทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว จึงได้พากันนำรถส่วนตัวส่วนผู้ที่ไม่มีรถทางหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชาก็จะนำรถไปรับมาส่งที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่เทศบาลตำบลแหลมฉบังได้ตั้งขึ้นที่ศาลาประชาคมอ่าวอุดม หลังจากที่ทางนายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ชลบุรี ได้ประกาศให้บริเวณ รอบที่เกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพดี โดย : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์