แม่บ้านตชด.เครียด! ขอเป็นธรรมให้พตท.

กรณี ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ นรต.รุ่น 55 สังกัด ตชด.ที่ 42 จ.นครศรีธรรมราช ช่วยราชการ ตชด.ที่ 41 จ.ชุมพร กับพวก

อุ้มเหยื่อยัดยาบ้ารีดเงินก่อนแจ้งข้อหายาเสพติด โดยมีผู้เสียหายโผล่มาแฉพฤติกรรมฉาวจำนวนหลายราย แถมยังมีหลักฐานขยายผลพัวพันไปถึง พ.ต.ท. สุรกิตติ์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด.ที่ 42 ผู้บังคับบัญชาของผู้กองคนดังจนถูกดำเนินคดีและโดนคำสั่งให้ออกจากราชการไปด้วย
 

ความคืบหน้าเมื่อเช้าวันที่ 7 ก.พ. พ.ต.ท.เทพประทาน นิพิวรรณ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางพลัด เจ้าของคดี

เปิดเผยคดีที่นางเพียงจิต พึ่งอ้น กับลูกชายที่ตกเป็นผู้เสียหายโดนอุ้มไปเรียกค่าไถ่ 8 ล้านบาทได้สอบปากคำเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว อยู่ระหว่างตามสอบพยานที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ โดยเฉพาะพยานที่เป็นพนักงานธนาคารต่างๆ ที่ผู้เสียหายไปทำธุรกรรมโอนเงินเข้าบัญชีกลุ่มผู้ต้องหาเพื่อใช้ประกอบสำนวนส่งพนักงานอัยการ ขณะที่ผู้เสียหายรายอื่นนั้นได้สอบเบื้องต้นแล้วทำหนังสือส่งไปยังท้องที่เกิดเหตุดำเนินการแทน
 

ส่วนคดีที่แก๊ง ตชด.ถูกออกหมายจับเพิ่มอีก 8 นาย ในคดีที่เกิดขึ้นท้องที่ สน.เพชรเกษม พ.ต.อ.อนุชา อ่วม-เจริญ ผกก.สน.เพชรเกษม กล่าวว่า

พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือถึงต้นสังกัด ตชด.ที่ 42 ให้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหาในวันที่ 8 ก.พ. นี้แล้ว แต่ได้รับหนังสือตอบกลับจากต้นสังกัดมาว่า ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะติดขัดปัญหาบางประการ อย่างไรก็ตาม ต้นสังกัด ตชด.ที่ 42 ได้แนบประวัติและภาพถ่ายของผู้ต้องหาทั้ง 8 คน มาเพื่อใช้ประกอบสำนวนการสอบสวนแล้ว
 

ที่ศาลาประดู่หก ข้างจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนราชดำเนิน ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เวลา 10.00 น.

มีบรรดาภรรยาของตำรวจ กก.ตชด.ที่ 42 อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 50 คน นำโดย นางวิไลจิตร อนันตเสณีย์ อายุ 50 ปี ผู้จัดการร้านค้าสหกรณ์ ค่ายศรีนครินทรา กก.ตชด.ที่ 42 พร้อมด้วยนายธนาชัย เกตุโรจน์ กรรมการสภาทนายความ จ.นครศรีธรรมราช นำแผ่นป้ายเขียนข้อความยกย่องประวัติการทำงานของ พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม รอง ผกก.ตชด.ที่ 41 จ.ชุมพร ไปรวมตัวกันเพื่อร้องขอความเป็นธรรมไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูง หลังจาก พ.ต.ท.สุรกิตติ์โดนหางเลขตกเป็นผู้ต้องหาร่วมแก๊ง ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ อุ้มเหยื่อไปทำร้ายร่างกายยัดยาบ้ารีดทรัพย์ แล้วดำเนินคดีข้อหายาเสพติด
  



นางวิไลจิตร ซึ่งเป็นภรรยาของดาบตำรวจ สังกัด กก.ตชด.ที่ 42 นายหนึ่ง กล่าวว่า

การรวมตัวกันเรียกร้อง ขอความเป็นธรรมของกลุ่มแม่บ้าน ตชด.ในครั้งนี้เกิดด้วยความสมัครใจ และเห็นอกเห็นใจ พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม ที่ในอดีตเป็น ผบ.ร้อย ตชด.424 อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ที่ทุ่มเทการทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาตลอด เป็นที่รักใคร่ของผู้ใต้บังคับบัญชา และครอบครัวรวมทั้งประชาชนทั่วไป ล่าสุด ได้รับการปูนบำเหน็จให้ไปดำรงตำแหน่ง รอง ผกก. ตชด.41 จ.ชุมพร แต่ขณะนี้สังคมพิพากษา พ.ต.ท.สุรกิตติ์ และ ตชด.ทั้งประเทศรวมถึงลูกเมียของ ตชด.เรียบร้อยแล้ว

ทำให้ ตชด.และครอบครัวไม่สามารถอยู่ในสังคมตามภาวะปกติเหมือนที่ผ่านมาได้

ถูกคนในสังคมเหยียดหยามด่าประณามอย่างหนัก แม่บ้านจะออกนอกบ้านไปตลาด หรือไปร่วมกิจกรรมที่เคยปฏิบัติตามปกติก็ไม่กล้า แม้แต่ ลูกๆไปโรงเรียนก็ถูกเพื่อนล้อเลียน ครอบครัวถูกกดดันจนเครียด จึงอยากให้สื่อมวลชนและสังคมช่วยแยกแยะด้วย เพราะ ตชด.ไม่ได้ชั่วช้าเลวทรามไปเสียทั้งหมด แค่การกระทำของผู้กองณัฏฐ์เพียงคนเดียวจะเหมารวมให้ ตชด.ทั้งประเทศเป็นคนชั่วทั้งหมดคงไม่เป็นธรรม
 

นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า

ได้เข้ารายงานต่อนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม กรณีประชาชนเข้าร้องทุกข์ ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดียาเสพติด 61 ราย จากการจับกุมของ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ รวมทั้งได้ชี้แจงแนวทางการช่วยเหลือ ได้ข้อสรุปว่า จะตรวจสอบข้อเท็จจริงในแต่ละคดี ก่อนส่งเรื่องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อพิจารณาช่วยเหลือต่อไป ส่วนผู้ต้องขังคดีเด็ดขาดที่ยังอยู่ในเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีรายใดสามารถยื่นหลักฐานขอรื้อฟื้นคดีอาญา ส่วนอดีตจำเลยที่ศาลตัดสินว่าไม่มีความผิด กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน


อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกล่าวต่อว่า ในวันที่ 11 ก.พ.นี้

จะเชิญตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมราชทัณฑ์ สภาทนายความ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม เข้าร่วมประชุมหาแนวทางป้องกันและแก้ไขการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อพิจารณาแก้ไขข้อกฎหมายในปัจจุบันให้สอดคล้องตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานขององค์การสหประชาชาติ ที่ประเทศไทยร่วมลงนามกับประเทศสมาชิกไว้ เพราะปัจจุบันประมวลกฎหมายอาญา ไม่ได้กำหนดโทษของความผิดในการทรมานไว้ รวมทั้งยังไม่มีคำนิยามการทรมาน จึงควรแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องสภาพสังคมโลก ที่ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
 

น.ส.ปรียาพร ศรีมงคล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ต้องขัง หลังร้องเรียนถูกดำเนินคดียาเสพติดมิชอบว่า

กรมราชทัณฑ์กำลังเร่งคัดแยกคำร้องผู้ต้องขังที่ร้องเรียนจำนวนมาก เพราะเกรงว่าจะมีผู้ต้องขังแอบอ้างสวมรอยเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากผู้ต้องขังส่วนใหญ่ที่เข้ามาอยู่ในเรือนจำมักไม่มีใครยอมรับว่าทำความผิด หลังการคัดแยกคำร้องผู้ต้องขังแล้ว กรมราชทัณฑ์จะแบ่งผู้ต้องขังออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือ กลุ่มแรกเป็นผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีจะตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลุ่มที่ 2 คือ ผู้ต้องขังเด็ดขาด คดีถึงที่สุดแล้ว หากผู้ต้องขังจะใช้สิทธิถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ต้องเขียนคำถวายฎีกาด้วยตัวเอง หรือให้ญาติพี่น้องเขียนคำร้องแทนเท่านั้น ก่อนส่งเรื่องไปยังนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรมดำเนินการต่อไป 


เย็นวันเดียวกัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ย้ำว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

โดยหลักแล้วเจ้าหน้าที่ทำความผิด ต้องให้ความยุติธรรมกับพี่น้องประชาชน ต้องตรวจสอบพยานหลักฐานว่าไป ข่มขู่ยัดยาเสพติดบังคับขูดรีดใครบ้าง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและช่วยเหลือเหยื่อ แต่มาแจ้งกันมากมาย ตนเป็นตำรวจพอจะมองออกว่า ไม่น่าจะมากถึง 40-50 ราย บางทีผู้กระทำผิดอาจจะให้พ้นความผิด กุเรื่องขึ้นมา หารู้ไม่ว่าตำรวจตรวจสอบได้ ไม่ใช่ว่าใครพูดจะต้องเป็นไปตามนั้น ตอนนี้ใครอยากร้องก็ร้องมา แต่ตนมีคณะกรรมการตรวจสอบสิ่งต่างๆ มีข้อเท็จจริง อย่านึกเอาแต่ได้ ต้องมองดูหลายๆด้าน บางคนฉวยโอกาส ถ้าถูกตำรวจข่มขู่จริงว่าไปเลยยินดีช่วยเหลือเต็มที่ จะนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ แต่หากกุเรื่องขึ้นมาต้องรับสิ่งนั้นไป

“แต่ผมอยากกราบเรียนว่า เราไปตามอย่างประเทศเจริญแล้วมากเกิน บางทีทำให้เกิดปัญหา ยกตัวอย่างสมัย ตอนผมเป็นสารวัตร สามารถออกหมายค้นหมายจับได้เลย มีหลักฐานว่า ใครกระทำความผิด ผู้ต้องหาหลบอยู่ที่ไหน ผมเป็นตัวหมายไปค้นได้เลย ไม่ต้องมีหมาย ตอนหลังบ้านเราเจริญขึ้นไปตามต่างประเทศมากขึ้นคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนมากขึ้น แม้กระทั่งเห็นคนร้ายหลบหนีเข้าไป เห็นทำอะไรก็ต้องไปขอหมายศาล ผลที่สุดเป็นอย่างไร ไม่ทันต่อเหตุการณ์ รวบรวมหลักฐานต้องเอาให้ชัดเจน กว่าจะไปค้นได้ คนร้ายไปกันหมดแล้ว นี่คือปัญหาของเรา ฉะนั้นอย่ามองเรื่องคุ้มครองสิทธิคนร้าย สิทธิเสรีภาพคนดีจะลำบาก ต้องดูสองด้าน ผมพูดประเด็นไม่ใช่เพื่อองค์กรตำรวจ ใครไม่มีหน้าที่ไม่รู้ หรอก” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์