แฟชั่นปล้นแบงก์ระบาด ทั้งกรุงเทพฯ-กรุงเก่า



จนถึงวันนี้คดีโจรบุกปล้นแบงก์วันเดียว 2 รายรวด ตำรวจก็ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้

ในยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้

ขโมยขโจรก็เลยเต็มบ้านเต็มเมือง!!

คดีปล้นธนาคารทั้ง 2 แห่ง สะท้อนให้เห็นความบ้าบิ่นของโจรยุคของแพง รายแรกเกิดขึ้นที่แบงก์นครหลวงไทย สาขาปทุมวัน คนร้ายบุกเดียวชักปืนจากถุงก๊อบแก๊บขู่พนักงานกวาดเงินสดไปกว่า 3 แสนบาท วิ่งหนีขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับหลบหนีไป ทิ้งไว้เพียงถุงก๊อบแก๊บให้ดูต่างหน้า ขณะที่อีกรายก่อเหตุที่ จ.พระนครศรีอยุธยา บุกเดี่ยวปล้นแบงก์กสิกรไทย สาขาโรจนะ ตะโกนลั่นสังคมไม่ยุติธรรมจำต้องเป็นโจร ก่อนจะหอบเอาเงินสดไปร่วม 3 แสน

เป็นปฏิบัติการสุดท้าทายกฎหมาย

ย้อนกลับไปดูเหตุปล้นแบงก์รายแรกเกิดขึ้นตอนบ่าย วันที่ 3 ก.ค.

ตำรวจสน.ปทุมวัน รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายปล้นธนาคารนครหลวงไทย สาขาสามย่าน ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน พล.ต.ต.สุชาติ เหมือนแก้ว รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หน.ศส.บช.น. พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.น.6 พ.ต.อ.ชุมพร กาญจนรัตน์ ผกก.สน.ปทุมวัน จึงนำกำลังไปตรวจสอบยังธนาคารดังกล่าว ซึ่งเป็นตึกแถวสูง 2 ชั้น 3 คูหา ชั้นล่างเปิดเป็นที่ทำการธนาคารนครหลวงไทย
พบพนักงานยืนรอให้การอยู่ด้วยอาการตื่นตระหนกตกใจ

นางกษิรัช ศรีศิริวรรณา อายุ 33 ปี พนักงานประจำเคาน์เตอร์ ให้การว่า

ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 12.45 น. ขณะนั่งทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์ คู่กับนางมติมา ชนะสิทธิ์ ระหว่างนั้นมีชายรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 30 ปี ตาโต ผิวขาว แต่งกายคล้ายพนักงานส่งเอกสาร สวมเสื้อแจ๊กเกตสีน้ำเงิน ปกเสื้อสีแดง นุ่งกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าแตะ สะพายกระเป๋าสีดำ ใส่ถุงมือ เปิดประตูเข้ามาในธนาคาร แล้วดึงหมวกไหมพรมสีดำที่อยู่บนศีรษะลงมาปิดใบหน้า จากนั้นชักอาวุธปืนออโตเมติกขนาด 9 ม.ม. ออกจากถุงก๊อบแก๊บ วิ่งตรงมาที่เคาน์เตอร์ แล้วตะโกนว่า "หยุด นี่คือการปล้น" ก่อนจะเดินอ้อมเข้ามาในเคาน์เตอร์ กระชากลิ้นชักเก็บเงินของตนและคู่เวร หยิบเงินสดกว่า 350,000 บาท ใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหนีออกไปทางแยกสะพานเหลืองอย่างรวดเร็ว



งานนี้คนร้ายทิ้งถุงพลาสติกสีดำที่ใช้ใส่อาวุธเอาไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น

สําหรับธนาคารแห่งนี้ ยังไม่มีรปภ.มาประจำ เลยทำให้คนร้ายสบช่องลงมือก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า

คนร้ายใช้เวลาก่อเหตุเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหน้าธนาคาร พบว่าก่อนลงมือคนร้ายได้วนมาดูลาดเลาแล้ว 1 ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งกล้องสามารถจับภาพใบหน้าคนร้ายได้ และเห็นเสื้อคลุมที่คนร้ายใส่เป็นของ บริษัท กรุงไทยแอ๊กซ่า ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบหาที่มาที่ไปอีกครั้งว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่

ตำรวจจึงขออนุมัติออกหมายจับไว้ก่อน!!



กล่าวถึงการไล่ล่าคนร้ายรายนี้ ตำรวจนครบาลได้ทุ่มเทกำลังตามล่าคนร้ายมาลงโทษเป็นการด่วน โดยพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ได้มีคำสั่งให้ตำรวจนครบาลทุกหน่วย ช่วยกันทำงานในรูปแบบของการ "ลงแขก" ซึ่งเป็นวิธีสืบจับคนร้ายแบบโบราณ นั่นคือทุกหน่วยจะต้องช่วยกันหาเบาะแสข้อมูลและช่วยกันคลี่คลายคดี โดยเจ้าหน้าที่ได้นำภาพถ่ายคนร้ายออกแจกจ่ายให้ประชาชนไว้เป็นเบาะแส

ใครมีข้อมูลต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่

ส่วนอีกคดีเกิดขึ้นตอนเย็นวันเดียวกัน
 
ตำรวจสภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีเหตุคนร้ายบุกปล้นธนาคารกสิกรไทย สาขาโรจนะ ตั้งอยู่เลขที่ 90/3 ม.1 ถนนโรจนะ ต.ธนู อ.อุทัย พล.ต.ต. นเรศ นันทโชติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรี อยุธยา พ.ต.อ.ธาตรี ตั้งโสภณ รอง ผบก. พ.ต.อ.สุเมธ ธัชเสนีย์ ผกก. พ.ต.ท.ธีระยุทธ์ ทองสาริ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.กฤช กัญชนะ สว.สป. จึงรีบไปตรวจสอบ พบพนักงานธนาคารจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ

เกิดเหตุร้ายขึ้นแล้วที่ธนาคารแห่งนี้

นายวราวุฒิ เหล่าประเสริฐ์ศิริ อายุ 24 ปี พนักงานบริหารงานทั่วไป ให้การว่า

ก่อนเกิดเหตุมีคนร้าย 1 คน อายุ 35-40 ปี สูง 165-170 ซ.ม. สวมเสื้อแจ๊กเกตสีกรมท่า กางเกงขายาวสีเดียวกัน สวมหมวกกันน็อก สีฟ้าคาดขาว แบบเต็มใบ มีผ้าปิดปาก สวมรองเท้าหนัง เดินเข้ามาแล้วชักอาวุธปืนขนาด 11 ม.ม.ออกมาขู่ ส่ายปากกระบอกปืนไปมาอย่างใจเย็น พร้อมตะโกนบอกให้นำเงินใส่กระเป๋าสะพายที่ เตรียมมา

คนร้ายตะโกนเสียงดังกึกก้องว่า

"สังคมไม่ยุติธรรม กูจำต้องทำอย่างนี้ ให้เร็ว กูจะนำเงินไปรักษาคนป่วย"

พฤติกรรมคนร้ายรายนี้ลงมืออย่างบ้าบิ่น เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่แบงก์พยายามถ่วงเวลา มันก็กระโดดขึ้นไปยืนจังก้าบนเคาน์เตอร์ใช้อาวุธปืนส่ายไปมาอย่างน่าหวาดเสียว พอได้เงินคนร้ายได้วิ่งออกจากธนาคารลงไปขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สภาพเก่า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่จอดไว้หน้าแบงก์หลบหนีไป

คนร้ายใช้เวลาก่อเหตุเพียง 30 วินาทีเท่านั้น

การปล้นแบงก์ครั้งนี้คนร้ายหอบเงินไปได้เกือบ 3 แสน ซึ่งกล้องวงจรปิดของทางธนาคารสามารถจับภาพคนร้ายเอาไว้ได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะพบกับอุปสรรค ตรงที่คนร้ายใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ จึงทำให้ไม่เห็นใบหน้า

และอีกประการหนึ่งที่ทำให้คนร้ายลงมือได้อย่างถนัด เพราะธนาคารกสิกรไทย ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าประจำจุด จึงเป็นจุดบกพร่องอย่างหนึ่งทำให้คนร้ายลงมือก่อเหตุ ทั้งนี้ พล.ต.ต.นเรศ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หาเบาะแสคนร้ายรายนี้เป็นการด่วนแล้ว ซึ่งดูจากลักษณะคนร้ายมั่นใจว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่

ตำรวจได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดออกแจกจ่ายไปทั่วแล้ว

ใครมีเบาะแสต้องรีบแจ้งตำรวจ

นี่คือคดีปล้นจี้ที่เริ่มระบาดหลังจบบอลยูโร!?!


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์