แผนร้าย-ยัดยาบ้า แพทย์หญิง แจ้งตร.จับ-เจอในรถ

ยัดยาบ้า "แพทย์หญิง" แผนร้ายอ้างตัวพลเมืองดีโทร.แจ้งเบาะแส

ชุดฉก.เมืองคอน-ตำรวจท่าศาลา ตั้งทีมล่าจนเจอค้นในรถพบยาบ้า 30 เม็ด แพทย์หญิงปฏิเสธลั่นไม่รู้ไม่เห็น มั่นใจถูกมือดีแอบนำมาซุก ตร.เช็กประวัติและสอบสวนพฤติกรรม มั่นใจถูกใส่ร้ายเพื่อทำลาย ล่าเจ้าของยาบ้าตัวจริง

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 10 ต.ค.


นายเพิ่มศักดิ์ เลื่องสุนทร ปลัดอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช หัวหน้าชุดเฉพาะกิจศรีวิชัย พร้อมกำลังอส.ชุดฉก.ศรีวิชัย รับแจ้งมีรถยนต์เก๋งฮอนด้า ซีวิค สีแดง ทะเบียน กง-3269 นครศรีธรรมราช ขนยาบ้าไปขายให้ลูกค้าที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และที่ร้านอาหาร จึงนำกำลังไปตรวจจับที่ถนนสายนครฯ-สุราษฎร์ บริเวณสี่แยกท่าศาลา หมู่ 3 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช

ต่อมามีรถเก๋งคันดังกล่าวได้ขับผ่านมายังที่จุดตรวจ

กำลังเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นพบยาบ้า 30 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ที่บังโคลนหลังด้านซ้าย โดยกล่าวหาว่า มียาบ้าไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งควบคุมตัวเจ้าของรถเป็นแพทย์หญิง ประจำโรงพยาบาลใน จ.นครศรีธรรมราช ไว้สอบสวนต่อไป

นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า

ก่อนหน้านี้มีผู้โทรศัพท์มือถือ หมายเลข 08-7388-4800 โทรศัพท์มาหาแจ้งว่า เป็นผู้หวังดีขอแจ้งเบาะแสการจำหน่ายยาเสพติด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการจับกุม โดยจะมีบุคคลใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีแดง ทะเบียน กง 3269 นครศรีธรรมราช ขนยาบ้าไปจำหน่ายให้ลูกค้า จึงวางแผนจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายนี้ทันที และได้โทรศัพท์ไปสอบถามผู้หวังดีโดยใช้เบอร์เดิม ได้รับทราบว่าขณะนี้เป้าหมาย คือรถยนต์ต้องสงสัย กำลังขนยาบ้าผ่านตลาดจันดี ต่อมาเห็นรถต้องสงสัยแล่นผ่านมา กำลังทุกนายได้ติดตามไปในระยะกระชั้นชิด มองเห็นการเคลื่อนไหวของรถเป้าหมายตลอดเวลา

เมื่อรถต้องสงสัยเดินทางถึงสี่แยกท่าศาลา หน้าสภ.อ.ท่าศาลา ที่เกิดเหตุรถต้องหยุด เพราะสัญญาณไฟแดง รถเป้าหมายเปิดไฟกะพริบเลี้ยวขวาเข้าตลาดท่าศาลา และอยู่ในเลนขวาสุด ไม่มีทีท่าจะไปมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวะนั้นเห็นว่าเป็นโอกาสเหมาะ จึงสั่งการให้รถทุกคันเข้าจอดประกบรถต้องสงสัย ลงไปแสดงตนให้ทราบว่าเป็นเจ้าพนักงาน ครั้งแรกผู้ขับรถไม่ยอมลงจากรถ เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที ปรากฏว่ามีชายผู้หนึ่งมาแสดงตนว่าเป็นพี่ชายของคนที่กำลังขับรถคันนี้ และขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.ท่าศาลา เดินทางมาถึง ผู้ขับรถยนต์ลงมา ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงและในรถนั่งมาเพียงคนเดียว

ปลัดอำเภอเมือง กล่าวต่อว่า

หลังจากควบคุมตัวไว้จึงแจ้งให้แพทย์หญิงทราบว่า ได้รับแจ้งข่าวว่ารถยนต์คันที่ขับมานี้ทำการขนยาเสพติดมาด้วย จึงขอตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.ท่าศาลา จากการตรวจค้น ปรากฏว่าพบยาบ้า 30 เม็ด บรรจุหลอดกาแฟพลาสติกสีแดง 4 หลอด คือบรรจุหลอดละ 10 เม็ด 2 หลอด บรรจุหลอดละ 9 เม็ด 1 หลอด และบรรจุหลอดละ 1 เม็ด 1 หลอด รวม 30 เม็ด ทุกหลอดรวมกันแล้วห่อด้วยกระดาษตะกั่วซองบุหรี่ แล้วบรรจุไว้ในถุงพลาสติกขาวใสอีก 1 ชั้น ซองพลาสติกดังกล่าวถูกซ่อนไว้ใต้บังโคลนรถด้านซ้าย โดยใช้เทปกาวสีดำปิดไว้กันหลุดจากตัวรถ

นายเพิ่มศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า

ตนสอบถามแพทย์หญิงผู้ต้องหาให้การว่า ไม่ทราบว่าเป็นยาเสพติดของผู้ใด และไม่ทราบว่ามียาเสพติดอยู่ที่ตัวรถ และยืนยันว่ายาเสพติดนี้ไม่ใช่ของตนเอง ขณะเดียวกันตำรวจสภ.อ.ท่าศาลา ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้แจ้งว่า ทางสภ.อ.ท่าศาลา ก็ได้รับแจ้งจากผู้หวังดีทางโทรศัพท์เช่นกันว่า ให้ทำการสกัดจับรถยนต์เป้าหมายรายนี้ ทางสภ.อ.ท่าศาลาไปตั้งจุดสกัดที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์แล้วเช่นกัน แต่ไม่พบเป้าหมาย กระทั่งชุดฉก.ศรีวิชัยมาจับกุมในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามการดำเนินการในครั้งนี้ได้รายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดทราบตลอดเวลา พร้อมทั้งตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของแพทย์หญิงเจ้าของรถด้วย โดยใช้น้ำยาเคมีตรวจจากปัสสาวะ ปรากฏว่าไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด

จากการสอบสวนเบื้องต้นแพทย์หญิงคนดังกล่าวให้การว่า

เป็นคนอ.ท่าศาลา ก่อนถูกจับกำลังเดินทางกลับบ้าน เคยมีคู่รักประกอบธุรกิจส่วนตัว แต่ได้เลิกรากันเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน และเมื่อประมาณ 7 วันที่ผ่านมาว่า มีคนโทรศัพท์มาต่อว่า บอกให้เลิกยุ่งกับชายผู้หนึ่ง โดยอ้างว่าชายดังกล่าวเป็นสามี สำหรับที่บ้านพักที่อาศัยอยู่จะมีคนในโรงพยาบาลรู้ว่าจะเข้าในห้องได้อย่างไร ถึงแม้ว่าใส่กุญแจลูกบิดแล้ว ก็สามารถล้วงมือทางกระจกไปบิดลูกบิดได้ และยังทราบว่ากุญแจรถยนต์อีกชุดอยู่ในห้องนอนและไม่เคยเปิดดูในลิ้นชักเก็บของเลย และเมื่อตอนกลับบ้านที่อ.ท่าศาลา ก็จะพาหลานวัย 4 ขวบ นั่งรถเที่ยวบ่อยครั้ง และรถยนต์คันนี้ใช้อยู่คนเดียว ไม่เคยให้ผู้ใดยืมใช้ อีกทั้งก็ไม่มีเรื่องโกรธเคืองกับผู้ใด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบพยาน สืบสวนจากบุคคลต่างๆ ในทางลับ รวมทั้งเครือข่ายจากฐานข่าวไม่ปรากฏชื่อแพทย์หญิงคนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

อีกทั้งได้พิจารณาจากตำแหน่งหน้าที่ วุฒิภาวะ สิ่งแวดล้อมต่างๆ เชื่อได้ว่าในชั้นนี้ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองยาเสพติดนี้ น่าจะมีการกลั่นแกล้ง จึงได้รายงานผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ และได้รับคำสั่งให้ยึดยาเสพติดส่งพนักงานสอบสวน เพื่อทำการสืบสวน สอบสวน หาตัวผู้ที่มียาเสพติดไว้ในครอบครองที่แท้จริง

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์