แฉเมีย-ลูกสาวบิน ลาเดนถูกยิงเจ็บ

คมชัดลึก :ลูกสาวโอซาม่า บิน ลาเดน ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดที่หน่วยซีลโยนกรุยทาง ส่วนภรรยาถูกยิงที่ขา รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทหาร

 เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองปากีสถาน ได้ควบคุมตัวผู้รอดชีวิตจากการใช้ปฏิบัติการโจมตีภายในบ้านที่บิน ลาเดน ซ่อนตัวอีก 11 คน และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่สหรัฐเข้าไปมีส่วนในการสอบปากคำ โดยระบุว่า การจะยอมให้สอบปากคำมีขึ้นในกรณีที่มีร้องขอกันเป็นลายลักษณ์อักษร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการร้องขอใด ๆ และจากถ้อยแถลงที่วิพากษ์วิจารณ์ปากีสถานหลายครั้งรวมถึงความจริงที่ว่า ปากีสถานไม่ได้มีส่วนในปฏิบัติครั้งนี้ ทำให้ไม่อาจยอมรับการเข้ามาร่วมสอบปากคำของฝ่ายสหรัฐได้

 มีผู้รอดชีวิตอย่างน้อย 10 คน จากการใช้ปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ ส่วนบิน ลาเดน ถูกสังหารที่ห้องบนชั้นบนสุดของบ้านขนาด 3 ชั้น
 
และฮัมซ่า หนึ่งในลูกชายของเขาก็ถูกสังหารด้วย ศพของเขาถูกนำออกไปพร้อมกับศพของพ่อ ส่วนผู้รอดชีวิต เป็นเด็ก 8 คน และผู้ใหญ่ 2 คน ที่เป็นผู้หญิงทั้งคู่ และหนึ่งในนี้เป็นภรรยาคนที่ 5 ของบิน ลาเดน ชื่อ อามาล อาห์เหม็ด อัล ซาดาห์ เป็นชาวเยเมนวัย 29 ปี เธอแต่งงานกับบิน ลาเดน ในอัฟกานิสถาน และอยู่กินกันมาประมาณ 11 ปีแล้ว ส่วนอีกคนเป็นแพทย์ชาวเยเมนวัย 30 กว่า ซึ่งในหนังสือเดินทาง ระบุว่า เธอเข้ามายังภูมิภาคนี้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ในช่วงระหว่างปี 2543 - 2549 และตอนนี้หนังสือเดินทางของเธอก็หมดอายุไปแล้ว

 เจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรองปากีสถาน หรือ ISI ระบุว่า การตรวจสอบประวัติที่แท้จริงของแพทย์หญิงคนนี้ต่อไป เพราะไม่มั่นใจว่า ที่จริงแล้ว เธอเป็นแพทย์ หรือเป็นพยาบาล หรือเป็นแค่หญิงรับใช้ ขณะที่ทำเนียบขาวยังไม่ยอมให้ความเห็นเกี่ยวกับผู้รอดชีวิต รวมถึงรายงานที่ว่า ลูกชายอีกคนหนึ่งของบิน ลาเดน ถูกจับเป็น

 โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ที่ถูกยึดไปจากบ้านของบิน ลาเดน กำลังถูกตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกัน

ว่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีครั้งต่อไปและสมาชิกอัล ไกดา ที่ยังหลบหนีอยู่หรือไม่ ส่วนผู้หญิงและเด็กที่อยู่ความควบคุมของปากีสถาน ถือเป็นแหล่งข่าวที่มีค่าด้านข่าวกรองอย่างยิ่งเมื่อวันอังคาร กระทรวงต่างประเทศของปากีสถาน ออกแถลงการณ์ว่า สมาชิกในครอบครัวบิน ลาเดน อยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว และถือเป็นนโยบายที่ต้องส่งมอบพวกเขาให้กับประเทศบ้านเกิด

 เรื่องนี้ อาจไม่ง่ายนัก ปัญหาประการหนึ่งก็คือ กฎหมายที่ไม่ชัดเจน สัญชาติซาอุดิอาระเบียของบิน ลาเดน ถูกถอนเมื่อปี 2537
 
หลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อพระราชวงศ์ ทำให้สัญชาติของลูก ๆ ของเขาพลอยไม่ชัดเจนไปด้วย และเชื่อว่า ลูกชาย 2 คน ของบิน ลาเดน อยู่ในกลุ่มผู้รอดชีวิตที่อยู่ในมือของปากี สถาน ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่แน่ว่า เยเมน หรือ ซาอุดิอาระเบียจะยอมรับครอบครัวของบิน ลาเดน หรือไม่ ส่วนเด็กคนอื่นที่พบในที่เกิดเหตุ ก็เป็นลูกของพี่น้องที่ถูกสังหาร และอาจมีสัญชาติปากีสถาน ซึ่งเด็กเล็กสุด มีอายุเพียง 2 ขวบเท่านั้น

 เจ้าหน้าที่ทางการปากีสถาน ไปถึงที่เกิดเหตุหลังจากหน่วยเนวี ซีล กลับออกไปหมดแล้ว ซึ่งเชื่อว่า แผนการที่วางไว้แต่แรก
 
คือการอพยพคนที่อยู่บ้านออกไปทั้งหมด แต่เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งเกิดตก ทำให้ไม่มีที่ว่างพอจะนำจะนำตัวพวกเขาไปได้ และนำไปเพียงศพของบินลาเดน กับฮัมซ่า บุตรชายของเขา ที่เชื่อว่าจะมีอายุราว 20 กว่า หลังจากนั้น ได้ถูกนำลงเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน ไปฝังในทะเล

 ผู้รอดชีวิตที่เหลือ ถูกทิ้งไว้ในบ้านในสภาพสวมกุญแจมือพลาสติก และการสื่อสารกับพวกเขาเป็นไปด้วยความลำบาก

เนื่องจากตำรวจและทหารที่เข้าไปในตอนแรกพูดภาษาอารบิคไม่ได้ และพบศพอีก 4 ศพ ที่มีรายงานว่า สองคนในจำนวนนี้เป็นพี่น้องกัน และอยู่เบื้องหลังการก่อสร้างและการจัดการต่าง ๆ ในบ้านหลังนี้ และหนึ่งในนี้ คือคนเดินสาร ที่มีชื่อว่า อาบู อาห์เหม็ด อัล คูเวติ ที่ทำให้ CIA ตามบิน ลาเดน เจอโดยไม่ตั้งใจ

 เจ้าหน้าที่ทางการปากีสถาน ระบุว่า ลูกสาวบิน ลาเดน ที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ว่าซาฟิน่า, ซาเฟีย หรือไม่ก็อาเยชา ถูกลูกหลงเข้าที่ข้อเท้า ก่อนที่หน่วยเนวี ซีล จะบุกเข้าไปในห้อง ที่พวกเขาพบตัวบิน ลาเดน ก่อนจะสังหาร และเชื่อว่า อาการบาดเจ็บของเธอน่าจะเป็นเพราะโดนสะเก็ดระเบิด ที่หน่วยเนวี ซีล โยน กรุยทางก่อนเข้าโจมตี และตอนนี้ เชื่อว่าเด็กหญิงและแม่ของเธอจะอยู่ที่โรงพยาบาล ภายใต้การรักษาความปลอดภัยอย่างสูง

 สื่อในสหรัฐ รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทางการว่า กลุ่มฟาท่าห์ ซึ่งต่อต้านบินลาเดน ได้แจ้งต่อปากีสถานว่า บิน ลาเดน อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่งนับตั้งแต่บ้านหลังนี้สร้างเมื่อปี 2548 ส่วนรายงานจากปากีสถาน ระบุว่า ผู้ที่รอดชีวิตจากการโจมตี อ้างว่า พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เมื่อราว 5-6 เดือนก่อน