แฉพล.ต.,พอ.สังกัด กอ.รมน. โยงเหตุระเบิด

จากเหตุการณ์จับกุมตัว ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ


นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพบก ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ขึ้นตรงสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมรถเก๋งบรรทุกระเบิดทีเอ็นทีและซีโฟร์เชื่อมต่อวงจรไว้เรียบร้อยพร้อมทำงาน ขณะจอดอยู่บริเวณใต้สะพานข้ามแยกบางพลัด เส้นทางที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้เป็นประจำขณะออกไปปฏิบัติภารกิจ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง พร้อมคัดค้านการประกันตัว ร.ท.ธวัชชัย เพื่อสอบสวนขยายผล

เนื่องจากก่อนหน้านี้หน่วยงานด้านความมั่นคงได้ข้อมูลว่า มีความพยายามลอบสังหารนายกรัฐมนตรี ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุโดยอ้างรายงานที่ได้รับว่า มีกลุ่มบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้เป็นทหารที่ยังอยู่ ในราชการและนอกราชการ 4 นาย ตรงข้ามกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มองเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์เพื่อนำไปสู่การประกาศภาวะฉุกเฉิน

ลูกเมียไปรอเยี่ยมแต่เช้า


ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ส.ค. ที่กองปราบปราม นางสังวรณ์ กลิ่นชะนะ อายุ 45 ปี ภรรยา ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพร้อมบุตรสาว ญาติ และทนายความ เดินทางไปติดต่อ พ.ต.ท.ประภาส อ่องมะลิ พงส. (สบ. 2) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. สารวัตรเวร ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ขอเข้าเยี่ยม ร.ท.ธวัชชัย โดย พ.ต.ท.ประภาสแจ้งให้ญาติทราบว่า ต้องไปขออนุญาตจากคณะพนักงานสอบสวนเท่านั้น เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาคดีสำคัญ ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.3 บก.ป. ได้แจ้งให้นางสังวรณ์ทราบว่าต้องได้รับการอนุญาตจากหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนก่อน โดยนัดหมายให้เข้าพบในเวลา 14.00 น. นางสังวรณ์พร้อมญาติจึงไปหาที่นั่ง พักผ่อนรอเวลานัดหมาย

เครียดเจอหน้านักข่าว


เมื่อนางสังวรณ์พร้อมญาติๆพบผู้สื่อข่าวที่รอทำข่าวบริเวณหน้าห้องควบคุม ถึงกับมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามพูดคุยกับนางสังวรณ์ แต่ญาติและทนายความเข้ามาขอร้องว่านางสังวรณ์ยังไม่สะดวกที่จะพูดคุยในตอนนี้ พร้อมทั้งขอความเห็นใจและขอให้หยุดการบันทึกภาพ เนื่องจากนางสังวรณ์ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เกรงว่าอาจทำให้เกิดความ เครียดทำให้โรคประจำตัวกำเริบได้ ขณะที่นางสังวรณ์ เอาแต่ยกยาหม่องขึ้นสูดดม และใช้มือก่ายหน้าผากทำท่าจะร่ำไห้

ต่อมาเมื่อถึงเวลานัดหมายนางสังวรณ์พร้อมญาติสนิทและทนายความ เข้าพบ พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน เพื่อขออนุญาตเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา ซึ่งระหว่างนั้นมีสื่อมวลชนติดตามบันทึกภาพและทำข่าวจำนวนมาก ทำให้พี่สาว ร.ท.ธวัชชัย ถึงกับลมจับขึ้นมาทันที ญาติต้องประคองไปนั่งคลายความอึดอัด

คอมมานโดคุ้มกันเพียบ


หลังจาก พล.ต.ท.มนตรีอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ พ.ต.อ.ชัยทัต บุญขำ ผกก.ปพ.บก.ป. และ พ.ต.ท.วรพจน์ ดิษยบุตร สว.กก.ปพ.บก.ป. ได้สั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดอีก 4 นาย มาช่วยดูแลความเรียบร้อย ก่อนจะนำนางสังวรณ์พร้อมญาติไปที่หน้าห้องขัง ส่วนญาติๆที่ทราบข่าวว่าพนักงานสอบสวนอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ ก็ได้เดินทางตามมาสมทบ รวมแล้วประมาณ 20 คน โดยก่อนการเข้าเยี่ยม จากนั้นจึงชี้แจงให้นางสังวรณ์และกลุ่มญาติเข้าใจข้อปฏิบัติต่างๆในการเข้าเยี่ยมผู้ต้องหา ก่อนจะสั่งการให้สิบเวรหน้าห้องขังเปิดประตูนำตัว ร.ท.ธวัชชัย ออกมาอยู่ในห้องเยี่ยมญาติ และอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ครั้งละ 3-4 คนเท่านั้น

ยื่นประกันตัวผัววันที่ 28 ส.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญาติกลุ่มแรกที่เข้าเยี่ยม คือนางสังวรณ์ พี่ชาย น้องสาว และลูกสาว โดยนำยาและเสื้อผ้าไปมอบให้ เนื่องจาก ร.ท.ธวัชชัยป่วยเป็นโรคไทรอยด์ รับการรักษาจากแพทย์โรงพยาบาลศิริราชเป็นประจำ พร้อมกับพูดคุยกับ ร.ท.ธวัชชัย ว่าติดต่อทนายความไว้ช่วยเหลือดูแลเรื่องคดีความแล้ว และเตรียมจะยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อศาลในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ภายหลังเยี่ยมเสร็จ นางสังวรณ์พร้อมญาติสนิทได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ

ผบช.ก.เรียกประชุมชุดทำงาน

ต่อมา พล.ต.ท.มนตรี จำรูญ ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิ พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผบก.ส.3 และหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี

เชื่อคนทำผิดมีมากกว่า 1 คน


พล.ต.ท.มนตรีกล่าวในที่ประชุมว่า ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะพนักงานสอบสวน หลังจากมีการจับกุม ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญกระทบต่อความมั่นคงของประเทศอย่างมาก เป็นความผิดเกี่ยวกับวัตถุระเบิดที่มีอานุภาพร้ายแรง ผู้ต้องหาเป็นข้าราชการทหาร มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารบุคคลสำคัญ เพื่อให้คดีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ จึงจะวางกรอบการทำงานไว้ 3 ส่วน ประกอบด้วย งานด้านการสืบสวน มอบหมายให้ พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก.เป็นหัวหน้าชุด การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมอบหมายให้ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนงานอำนวยการด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและติดตามรายงานผลความคืบหน้ามอบหมายให้ พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หัวหน้าศูนย์สืบสวน บช.น.เป็นหัวหน้าชุด

พล.ต.ท.มนตรีกล่าวอีกว่า การประชุมครั้งนี้จะได้มีการรายงานผลความคืบหน้าในแต่ละส่วนที่ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการไปแล้ว เพื่อนำมาปรึกษาหารือว่าจะขยายผลการสอบสวนอย่างไรต่อไป เพราะเชื่อว่าคดีนี้มีผู้กระทำผิดมากกว่า 1 คน

ผบก.ป.ปฏิเสธออกหมายจับเพิ่ม


ด้าน พล.ต.ต.วินัย ทองสอง กล่าวถึงกระแสข่าว พนักงานสอบสวนเตรียมขออนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดอีก 2 รายว่า ขณะนี้พยานหลักฐานยังกระจัดกระจายอยู่ ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะไปขออนุมัติหมายจับใครได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่พนักงานสอบสวนรวบรวมได้พบว่า ผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องนั้นน่าจะอยู่ในจุดใกล้เคียงกับจุดที่พบรถบรรทุกระเบิด และเชื่อว่ามีหน้าที่ในการกดรีโมตสั่งการระเบิด

ระบุมี 4-5 กลุ่มเชื่อมโยงมือระเบิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมพนักงานสอบสวน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนกองปราบปราม เพื่อวางกรอบการทำงานด้านการสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการ โดยเบื้องต้นมีรายงานว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เชื่อมโยงกับ ร.ท.ธวัชชัย นั้นมีด้วยกันหลายกลุ่ม แต่จากการสืบสวนทางลับ พบว่ามีเพียง 4-5 กลุ่มเท่านั้นที่มีศักยภาพที่จะก่อเหตุได้

ชิดชัย ประชุมเครียด


เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ประกอบด้วย พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ถาวร จันทร์ยิ้ม ผบช.ส. พล.ต.ท. มนตรี จำรูญ ผบช.ก. พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. ผบก.น 1-9 และ ผบก. ตปพ. เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม.เศษ

มั่นใจดำเนินคดีโปร่งใส

พล.ต.อ.ชิดชัยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการจับกุมตัว ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ สังกัด กอ.รมน. ในคดีลักลอบขนวัตถุระเบิดว่า สิ่งที่อยากเห็นคือการรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนครบถ้วน ส่วนตัวมีความมั่นใจในพนักงานสอบสวนว่าคดีนี้มีนายทหารพระธรรมนูญมาร่วมการสอบสวนทุกอย่างโปร่งใส ส่วนที่มีการระบุว่าเป็นการจัดฉากลอบวางระเบิดนั้น ตนได้รับรายงานตั้งแต่วันที่ 9-10 ส.ค. และก็มีรายงานคร่าวๆ ในวันที่ 13-14 ส.ค. จึงได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามรถคันนี้และพยายามจับให้ได้คาหนังคาเขา

ฉุนคำถามนักข่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้นำประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติทำอะไรแล้วคนไม่เชื่อถือ อย่างข่าวลอบสังหารมีคนจำนวนไม่น้อยไม่เชื่อเช่นกัน พล.ต.อ.ชิดชัยแสดงสีหน้าไม่พอใจ และหันไปมองหน้าผู้สื่อข่าวที่ตั้งคำถามนี้ถึง 2 ครั้ง พร้อมกับตอบว่า คุณเอาอะไรมาพูด คุณเอาความรู้สึกส่วนตัวมาถาม บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นๆ อย่าเอาความรู้สึกของคนสองคนมาถามอีก พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าว ก่อนเดินทางกลับ

ผบ.ตร.สั่งคุมเข้ม รปภ.นายกฯ

ด้าน พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวว่า นอกจากคำสั่งแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมาดูแลคดีนี้แล้ว ยังมีคำสั่งให้ ผบช.น. ผบช.ก. และ ผบช.ภ.1-9 ควบคุมการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีในช่วงที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจและกิจกรรมต่างๆด้วยตัวเอง เพื่อวางมาตรการรักษาความปลอดภัยผู้นำประเทศ รวมทั้งการป้องกันเหตุการณ์กระทบกระทั่งของกลุ่มผู้ที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีกับกลุ่มพันธมิตรที่คัดค้าน โดยให้ตำรวจสันติบาลและตำรวจสอบสวนกลางจัดนายตำรวจระดับ พล.ต.ต.ขึ้นไปเข้าร่วมในการประสาน ผบช.ในพื้นที่ที่มีการเดินทางของนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ พล.ต.ท. ถาวร จันทร์ยิ้ม ผบช.ส. ได้จัดกำลังตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมแล้ว โดยกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วย ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด

อชิรวิทย์เผยหลักฐานเด็ด


ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) เมื่อเวลา 08.15 น. พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณี ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาจะทำให้การขยายผลเป็นไปได้ยากหรือไม่ว่า เรื่องการขยายผลต้องถามทางพนักงานสอบสวน เพราะการสืบสวนขยายผลขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนทั้งหมด ส่วนการปฏิเสธของผู้ต้องหาก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ตำรวจต้องสอบสวนไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ อยากเรียนให้ทราบว่า หลักฐานที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนนั้น เมื่อวันที่จับกุมผู้ต้องหาได้ในวันแรก ผู้ต้องหาอ้างว่าได้รับการว่าจ้างจากนายจุ้ยหรือจุ๊ยให้ไปขับรถที่บางพลัด พอเรายันด้วยหลักฐานในวันรุ่งขึ้นจากหลักฐานของ กอ.รมน.ว่าผู้ต้องหาได้ขับรถคันดังกล่าวออกจาก กอ.รมน.เวลา 05.45 น. ทำให้การปฏิเสธของผู้ต้องหาหยุดชะงักลงทันที ส่วนการจะสืบสวนสอบสวนต่อไปอย่างไรเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ขอเรียนว่ากระบวนการยุติธรรมต้องยึดตามรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด ใน ม.33 ของรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า กรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุดต้องถือว่าผู้ต้องหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ การต่อสู้คดีเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การภาคเสธ แต่ขอยืนยันว่าเจ้าพนักงานตำรวจที่ทำคดีเรื่องนี้เราทำไปตามรูปคดีและพยานหลักฐานที่มีอยู่

ไม่สนพวกไม่รู้จริง


เมื่อถามว่า แต่มีหลายฝ่ายและ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ตั้งประเด็นว่าอาจมีการจัดฉากเรื่องการต่อวงจรระเบิด พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวว่า เวลาถึงศาล แล้ว ศาลจะรับฟังแต่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่ศาลจะรับฟัง ใครต่างๆ ก็ตามที่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ได้ตรวจสอบในรายละเอียดแต่ละขั้นตอน ดูแต่ภาพโดยไม่ครบถ้วน มั่นใจได้ว่ารู้ไม่ตลอด ใครจะวิจารณ์อย่างไรเป็นสิทธิ แต่เมื่อวันที่ 25 ส.ค. พ.ต.ท.กำธร อุ่นเจริญ สว.กลุ่มเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ปพ.บช.น. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ศาลรับฟัง อธิบายทุกขั้นตอนแล้ว เมื่อไปถึงขั้นศาล ศาลจะรับฟังเรื่องทางเทคนิคต่างๆจากผู้เชี่ยวชาญที่ศาลรับฟังเท่านั้น จะเป็นคนอื่นศาลไม่รับฟัง ส่วนผู้เชี่ยวชาญรายอื่นเป็นเรื่องความรู้ความสามารถเฉพาะตัวของท่าน แต่ในกระบวนการยุติธรรมเรื่องเกี่ยวกับการใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านหรือเทคนิคคนที่ศาลจะรับฟัง ต้องเป็นคนที่ศาลจะรับฟังเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ศาลก็ไม่รับฟัง

คุยผู้ต้องหาเปิดปากแล้ว


เมื่อถามว่า หลายฝ่ายรวมทั้งญาติๆ ยังกังวลว่าจะมีการทำร้ายผู้ต้องหา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า แบบนั้นเขาเลิกแล้ว ไม่มีหรอก ไม่มีใครกล้า ข่าวใหญ่ขนาดนี้อย่าว่าแต่นั่นเลย ยังไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจรดเลย เมื่อถามต่อว่าจะมีการขยายผลไปถึงนายทหารยศ พล.ต.และ พ.อ. ที่อยู่เบื้องหลังอย่างไร พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพนักงานสืบสวนสอบสวน ยังไม่ทราบในรายละเอียด ตนจะแถลงแต่เรื่องที่เป็นองค์รวม เมื่อถามอีกว่า หนักใจหรือไม่เพราะทางกลุ่มพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ มองว่าตำรวจทำคดีนี้ภายใต้การชี้นำของนายกฯ ที่ระบุเป็นการลอบสังหารตั้งแต่ต้น พล.ต.ท.อชิรวิทย์กล่าวว่า ตำรวจไม่หนักใจหรอก ไหล่ทรุดทั้งสองข้าง เหลือแต่คอ ไหล่ทรุดทั้งสองข้าง แต่ยันว่าตำรวจดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานล่าสุดของคณะทำงานว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาเริ่มให้ความร่วมมือให้การที่เป็นประโยชน์แก่พนักงานสอบสวนบ้างแล้ว

รองนายกฯเชื่อชาวบ้านมองก็รู้


ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.กอ.รมน. ระบุว่าเหตุการณ์ที่ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ลอบขนระเบิดเตรียมสังหารนายกรัฐมนตรี เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อกลบเกลื่อนภาพลบรัฐบาลว่า สิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามสืบสวนข้อเท็จจริงและจากหลักฐานเบื้องต้น คิดว่าประชาชนที่มีสามัญสำนึกทั่วไปก็คงจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการสร้างสถานการณ์ เพราะมีการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้เป็นทหารมียศเป็นทหารชั้นสัญญาบัตร ถ้าจะไปจ้างมาสร้างสถานการณ์จะมีโทษหนักถึงติดคุกหลายปีด้วย ดังนั้นจึงไม่ใช่การสร้างสถานการณ์แน่นอน

เทียบเคียงคดีระเบิดซีโฟร์


เมื่อถามว่า มีการระบุว่า ร.ท.ธวัชชัยไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด แต่เป็นเพียงแค่ทหารสารบรรณ นายสุริยะกล่าวย้อนว่านั่นซิ สงสัยหรือไม่ทำไมทหารคนนั้นจึงขับรถที่มีระเบิดไปตรงนั้นทำไม เมื่อถามต่อว่า ตรงนี้ก็ยังเป็นข้อคลางแคลงของสังคมว่าหากเป็นการวางแผนลอบสังหารจริง น่าจะรัดกุมและมีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ รองนายกฯกล่าวว่า เคยจำเหตุการณ์ ที่คนร้ายกำลังขับรถปิกอัพจะไปวางระเบิดที่สถานทูตสหรัฐฯ ได้หรือไม่ แต่บังเอิญรถเสีย เพราะอยู่ดีๆ ไปเกิดรถชนกันเสียก่อน จนปรากฏว่าถูกจับได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นถ้ามีการสร้างสถานการณ์ถามว่าใครจะไปยอมให้ถูกจับกุมมีโทษรุนแรงถึงติดคุก ตนบอกแล้วว่ามันไม่ใช่ง่ายๆ การที่มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่มาให้สัมภาษณ์ในลักษณะปกป้องร.ท.ธวัชชัยนั้น ความจริงต้องไปถามลูกน้องตัวเองว่าทำไมถึงขับรถที่มีระเบิดอยู่ไปที่จุดนั้นทำไม ถึงแม้จะมาอ้างว่ายังไม่มีการต่อชนวนระเบิดก็แล้วแต่ก็ต้องถามว่าทำไมจึงขับรถที่มีอุปกรณ์ระเบิดไปวนเวียนอยู่แถวบ้านนายกฯ

โยนตำรวจต้องดูแล


ต่อข้อถามว่า พล.อ.พัลลภตั้งข้อสังเกตว่ามีข่าวเปิดประเด็นเรื่องระเบิดพลีชีพลอบสังหารนายกฯจากพรรคไทยรักไทยเอง 4-5 วันก่อนเกิดเหตุ นายสุริยะ กล่าวว่า ท่านต้องไปถามลูกน้องท่านว่าทำไมถึงขับรถที่มีสิ่งที่ผิดกฎหมายไปตรงนั้น มันชัดเจนแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า นักลงทุนมองว่าเมื่อการสอบสวนยังไม่ชัดเจนทำไมนายกฯรีบสรุปว่าเป็นการลอบสังหาร จนทำให้เกิดผลเสียต่อการลงทุน เลขาธิการพรรคไทยรักไทยกล่าวว่า ลองคิดดูว่าเมื่อมีระเบิดและทางตำรวจก็ไปเห็นชัดเจนและเชื่อว่าโดยสามัญสำนึกทั่วไปก็เห็นแล้วว่าเป็นเรื่องที่จะก่อให้เกิดความเสียหายได้ ถ้าหวังดีต่อชาติบ้านเมือง คนที่จะทำต้องคิดว่ามันจะก่อผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่รู้ อีโหน่อีเหน่ขนาดไหน ตนหวังว่าทุกฝ่ายจะเห็นแก่ความสงบสุขของบ้านเมือง เมื่อถามว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะรุนแรงขึ้นหรือไม่เพราะอาจไม่ใช่ระเบิดครั้งสุดท้าย นายสุริยะกล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยมีหน้าที่ต้องดูแลให้เรียบร้อย

ทักษิณเก็บตัวไม่ออกจากบ้าน


อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านรับรองจันทร์ส่องหล้า ถึงความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ใช้เวลาเก็บตัวอยู่กับครอบครัวอยู่ในบ้านพักซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 กับครอบครัวตลอดทั้งวันโดยไม่ได้ออกจากบ้าน หรือหลบผู้สื่อข่าวไปปฏิบัติภารกิจนอกบ้านใดๆ กระทั่งเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ได้เดินทางมาเข้าพบเพื่อหารือและรับประทานอาหารกลางวันด้วย จากนั้นได้กลับออกไปในเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวพยายามโบกรถของ พล.ต.อ.ชิดชัยขณะที่กำลังแล่นผ่านหน้าประตูบ้านรับรองจันทร์ส่องหล้าเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่ พล.ต.อ.ชิดชัยไม่ให้ความสนใจแต่อย่างใด

ตำรวจตรวจเข้มรถนักข่าว


สำหรับบรรยากาศภายในตรอกซอกซอยบริเวณบ้านซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางพลัด และตำรวจสันติบาลทั้งในและนอกเครื่องแบบ กระจายกำลังดูแลความปลอดภัยอยู่ตามจุดต่างๆ รวมทั้งขี่รถมอเตอร์ไซค์ตรวจตราอย่างเข้มงวดตลอดเวลา โดยเฉพาะที่บ้านพักรับรองจันทร์ส่องหล้า ซึ่งผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีใช้เป็นที่พักระหว่างรอติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาดูแลเป็นพิเศษ มีการตรวจเช็กรถยนต์ที่เข้าออก และสอบถามเจ้าของรถยนต์ที่ขับเข้า-ออกบริเวณประตูบ้านอย่างละเอียด ส่วนตอนกลางคืนจะมีการตั้งจุดตรวจ 2 จุดคือบริเวณหน้าปากซอยจรัสลาภตรงข้ามห้างตั้งฮั่วเส็ง และหน้าปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 เพื่อตรวจตรารถที่เข้า-ออกอีกชั้นหนึ่ง

ทำเนียบซ้อมรับมือระเบิด


เมื่อเวลา 08.30 น. วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล กองรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล จัดอบรมโครงการ สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล แก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้มีความพร้อมในการเตรียมรองรับ เหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น เพลิงไหม้ การถูกขู่วางระเบิด โดยในช่วงเช้าได้มีการบรรยายและสาธิตการใช้อุปกรณ์ดับเพลิงที่ถูกต้อง จากนั้นในช่วงบ่ายเป็นการสาธิตถึงการรับมือกับปัญหาการถูกขู่วินาศกรรมโดยการขู่วางระเบิดทางโทรศัพท์ และการสังเกตวัตถุต้องสงสัย โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักข่าวกรองและตำรวจสันติบาลเป็นผู้ฝึกอบรมให้

ยันไม่มีข่าวก่อวินาศกรรมทำเนียบ


นายพิไชย โอบายะวาทย์ ผอ.กองรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการข่าว แจ้งเตือนมาว่าจะมีการก่อวินาศกรรมในทำเนียบรัฐบาล แต่เพื่อความไม่ประมาท ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเตรียมความพร้อม และมีความตื่นตัวตลอดเวลา โดยได้ปรับชั้นความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาลมาอยู่ในขั้นเฝ้าดูแลเป็นพิเศษ แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ซึ่งยังไม่มี ความจำเป็นต้องสั่งเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยในทำเนียบ รัฐบาล เพียงแต่กำชับให้เพิ่มความเข้มงวดตรวจตราบุคคลที่ผ่านเข้าออก และเตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อม รวมถึงการตรวจรถยนต์ที่เข้าออกทำเนียบรัฐบาลในช่วงนี้ ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันเหตุคาร์บอมบ์ โดยรถที่มีบัตรอนุญาตเข้าทำเนียบรัฐบาลจะต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดทุกคัน และให้ใช้เฉพาะประตู 5 ฝั่งตรงข้าม กระทรวงศึกษาธิการเป็นทางเข้าออกเพียงประตูเดียวเท่านั้น

ผวาใช้สารเคมีสังหารนายกฯ


นายพิไชยกล่าวว่า ขณะเดียวกันจะมีการแบ่งโซน พื้นที่ต่างๆภายในทำเนียบรัฐบาล โดยบริเวณด้านล่างของตึกบัญชาการและตึกไทยคู่ฟ้า ที่เป็นสถานที่ทำงาน ของนายกรัฐมนตรี จะถูกกำหนดเป็นพื้นที่หวงห้าม ส่วนภายในตึกบัญชาการและตึกไทยคู่ฟ้า จะกำหนดเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด รวมถึงจะประสานไปยังกรุงเทพ มหานคร ไม่ให้มีการตั้งถังขยะบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยง รวมถึงจะไม่ให้มีการ จอดรถบริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลด้วย นอกจากนี้ ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าระวังในเรื่องการนำสิ่งของ เช่น ดอกไม้ ของกำนัล ไปมอบแก่นายกรัฐมนตรี หรือ ครม.ในช่วงนี้ด้วย เพราะอาจจะมีการใช้สารเคมีแอบแฝงมากับสิ่งของเหล่านี้ได้ การทำร้ายนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีแต่การใช้ระเบิดอย่างเดียว วัสดุอื่นๆก็อาจจะเป็นเครื่องมือในการทำร้ายได้เช่นกัน มาตรการดังกล่าวจะบังคับใช้ไปเรื่อยๆจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ยืนยันว่ามาตรการคุมเข้มทั้งหมด ไม่ใช่คำสั่งของฝ่ายการเมือง เป็นการทำหน้าที่ตามปกติของฝ่ายรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล

สั่งพักราชการผู้หมวดมือระเบิด


ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ เมื่อเวลา 06.30 น. วันเดียวกัน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ ก่อนออกเดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า การดำเนินการกับ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ นั้น ตามระเบียบของกองทัพเมื่อกำลังพลของเราไปกระทำความผิด ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งทางกองทัพบกได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว โดยเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ทางตำรวจได้แจ้งแล้วว่า ร.ท.ธวัชชัยต้องคดีอาญา ทุกคน ในกองทัพบกเหมือนกันหมด เมื่อต้องคดีอาญาก็ต้องพักราชการ ซึ่งเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ตนได้ลงนามในคำสั่งให้พักราชการเรียบร้อยแล้ว และได้มอบหมายให้ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารฝ่ายกำลังพล เป็นคนรับผิดชอบในการตั้งกรรมการสอบสวน โดยประเด็นในการสอบสวนก็ต้องสอบในภาพรวม และรวมทั้งด้านวินัย โดยเราต้องขอข้อมูลบางส่วนจากทางตำรวจมาประกอบการสอบสวนด้วย ซึ่งการสอบสวนคงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เพราะเรามีโอกาสพบตัว ร.ท.ธวัชชัยไม่ง่ายนักเพราะอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่

ตั้งแท่นปลัด กห.เซ็นคำสั่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองทัพบกว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.สั่งให้กรมกำลังพลทหารบกดำเนินการทำหนังสือนำเรียน พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่าน พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อลงนามในคำสั่งให้พักราชการ ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ นายทหารสักงัด บก.ทบ.ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) นั้น ทางด้าน พล.อ. สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ยังไม่ได้ เซ็นหนังสือพักราชการ ร.ท.ธวัชชัย เพราะเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ติดราชการนอกกระทรวงกลาโหม คาดว่าในวันที่ 28 ส.ค. จะได้ลงนามในคำสั่งดังกล่าวเพื่อนำเรียนให้ รมว. กลาโหมได้รับทราบต่อไป

พัลลภ ลาออกต้องเข้า ครม.


ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงความคืบหน้าในการลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ตามที่ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ พล.อ.พัลลภ ทำหนังสือลาออกเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่าหนังสือลาออกดังกล่าว พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะต้องแจ้งให้ ครม.รับทราบเนื่องจากเป็นตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งจาก ครม. ซึ่งในการประชุม ครม.วันที่ 29 ส.ค.เมื่อ ครม.รับทราบจะมีผลให้ พล.อ.พัลลภพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทันที

เปิดตัว พล.ต.-พ.อ.โยงมือระเบิด


ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีทหาร 4 นาย ในจำนวนนั้นมี 2 นาย ยศระดับ พล.ต.และ พ.อ.เป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยวางแผนคาร์บอมบ์ ในเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายทหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหม ว่า สำหรับนายทหารผู้ต้องสงสัยยศพลตรี ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ส่วนนายทหารยศพันเอก เป็นพันเอก (พิเศษ) ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เช่นกัน ทั้งคู่มีความใกล้ชิดกับนายทหารระดับพลเอกใน กอ.รมน.อีกด้วย

พันธมิตรเหน็บจบง่ายไปหน่อย


ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มรากหญ้าไปเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ปกป้องชีวิต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังการจับกุมผู้ต้องหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองว่า น่าจะเป็นการ ปิดฉาก แผนลอบสังหาร เพื่อให้สังคมเห็นตอนจบของเรื่องว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง โดยแผนทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้จบเร็วใช้เวลาเพียง 2 วัน ก็ได้ข้อสรุปว่าแผนสังหารนี้เป็นเรื่องจริง และใครบงการเบื้องหลัง ไม่จำเป็นต้องให้ศาลไต่สวน หรือตั้งกรรมการสอบสวนให้เสียเวลา เจ้าหน้าที่และหน่วยข่าวกรองต่างแข่งกันออกมายืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ในขณะที่การลอบวางระเบิด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นจริงทุกวัน เจ้าหน้าที่กลับแข่งกันวิ่งหนีหน้าไม่ ตอบคำถามนักข่าว

อ้างค่อนประเทศไม่เชื่อลอบสังหาร


ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนฯกล่าวด้วยว่า เชื่อว่าคนในพรรคไทยรักไทยมีส่วนรู้เห็นกับกลุ่มคนรากหญ้าที่ไปยื่นข้อเรียกร้องให้ป๋าเปรมไว้ชีวิตนายกฯ ซึ่งเป็นวิธีการที่สกปรกสมควรถูกประณาม ขอเรียกร้องให้พรรคไทยรักไทยออกมาชี้แจงและขอโทษประชาชน เพราะกำลังทำให้สังคมสับสนและตกอยู่ในอาการหวาดผวาของความขัดแย้ง แผนลอบสังหารที่ถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้จะจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ คนไทยจำนวนมากเชื่อว่าเป็นการจัดฉาก เพราะในขณะที่ผลการสอบสวนยังไม่ได้ข้อยุติ บรรดาแกนนำและกองโฆษกพรรคไทยรักไทยได้มาชิงอธิบายชี้นำและโยงให้ คนเห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแกนนำพันธมิตรฯ และป๋าเปรม ต่อให้แผนสังหารนี้เป็นเรื่องจริง ก็น่าเสียดายที่ทำให้ประชาชนค่อนประเทศไม่เชื่อ เพราะปั้นเรื่องลอบสังหารโยงกับทุกกลุ่มที่ออกมาต่อต้าน ซึ่งถ้าเกิดรัฐประหาร หรืออำนาจนอกระบบขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบเพราะเป็นผู้สร้างเงื่อนไข

ชูวิทย์อัดซ้ำอย่าด่วนสรุป


วันเดียวกัน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมาสรุปเหตุการณ์จับกุม ร.ท.ธวัชชัย พร้อมระเบิดว่าเป็นเหตุพยายามลอบสังหารตัวเองว่า เห็นข่าวนายกฯตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องตลกฝากฝังลูกพรรคให้ไปหาเสียงกันเอง ตัวเองลงพื้นที่ช่วยไม่ได้เพราะมีคนปองร้าย พูดไปน้ำตาคลอเหมือนดูละครหลังข่าว เรื่องอย่างนี้คนกรุงเทพฯดูบ่อย ใครก็รู้เวลานี้ต้องเรียกคะแนนสงสารเหมือนตีปี๊บเรียกคนมาให้สนใจ จึงอยากบอกกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นเหตุลอบสังหาร มันน่าเกลียด หากจะพูดก็ควรให้คนอื่นพูดแทนจะดีกว่า ภาพมันน่าเชื่อกว่า ไม่ใช่มาเล่นเองอย่างนี้ และที่น่าเกลียดไปกว่านั้น เหตุการณ์เพิ่งเกิด 1-2 วันเท่านั้น ตำรวจรีบออกตัวแย่งกันพูดสรุปทันทีว่าเป็นเหตุลอบสังหาร ก็ในเมื่อคนระดับนายกฯที่มาจากตำรวจออกมาเล่นเอง แล้วตำรวจหน้าไหนใครจะกล้าเห็นแย้งเป็นอย่างอื่น ดังนั้น อย่าชี้นำอย่างนี้ และที่สงสัยที่สุดคือทำไมเรื่องนี้ตำรวจรู้ลึก รู้เร็ว แต่เรื่องอื่นรู้ช้าทั้งกรณีทนายสมชาย นีละไพจิตร ถูกอุ้มหายไปเป็นปียังไม่รู้ว่าหายไปไหน ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้จนปัจจุบันยังไม่รู้ว่าใครเป็นแกนนำหัวโจกใหญ่

แนะตั้งกรรมการกลางสอบสวน


นายชูวิทย์กล่าวต่อว่า อยากแนะนำว่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่สร้างขึ้นหรือเกิดขึ้นจริง เพราะมีบุคคลและระเบิดที่ถูกจับได้จริงก็ควรจะตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางมาจากหลายฝ่าย ไม่ใช่ตั้งคณะกรรมการจากตำรวจฝ่ายเดียว เพราะเมื่อเขาฟังธงมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นเหตุลอบสังหาร ตั้งแต่ยังไม่ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเลย มันมีพิรุธหลายอย่าง ควรจะตั้งคณะกรรมการจากหลายฝ่าย เช่น ทั้งจากตำรวจ ทหารและอัยการ เพราะทางทหารเขายืนยันว่าไม่มีข่าวลอบสังหารนายกฯมาก่อน ทำให้เหมือนประเทศที่เจริญแล้ว ไม่ใช่ทำตัวเป็นรัฐตำรวจอย่างที่เขากล่าวหา ควรให้เวลาคณะกรรมการที่เป็นกลางสืบสวนสอบสวนสัก 7-10 วัน ไม่ใช่เหตุการณ์ผ่านไปวันเดียวก็แถลงชิงสรุปชี้นำสังคมไปแล้ว ใช้ไม่ได้ ยิ่งบิ๊กตำรวจแย่งกันเสนอหน้าออกข่าวนายกถูกลอบสังหารเศรษฐกิจของชาติยิ่งทรุด แล้วนักลงทุนหน้าไหนจะกล้ามาลงทุน ยิ่งระบุรายละเอียดรัศมีทำลาย 1 กิโลเมตรเป็นจุณ พูดมาได้อย่างไร ต้องสอบสวนให้ชัดเจนก่อน

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์