แฉปม เศรษฐีเมืองเบียร์รวยติดอันดับโลก โดดให้รถไฟชนตายเพราะต้องขายกิจการแลกเงินกู้


เผยสาเหตุมหาเศรษฐี"เมืองเบียร์" โดดให้รถไฟชนฆ่าตัวตาย เนื่องจากต้องขายกิจการแลกเงินกู้หลังเจอวิกฤตหการเงินโลก ทั้งที่เคยติดอันดับ 44 มหาเศรษฐีของโลกจากการจัดอันดับของฟอร์บส์ ด้านนักธุรกิจสหรัฐฆ่าตัวตายอีกราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 8 ม.ค.กรณีการเสียชีวิตของนายอดอลฟ์ เมอร์กเคิล มหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวเยอรมัน ผู้ก่อเหตุกระโดดให้รถไฟชนตายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ล่าสุด ครอบครัวของนายเมอร์กเคิลออกแถลงการณ์ระบุว่า การฆ่าตัวตายของนายเมอร์กเคิลมาจากสถานการณ์อันยากลำบากของบริษัทเขาที่เกิดจากวิกฤตทางการเงิน ช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน และการที่เขาไร้อำนาจที่แก้ไขปัญหา และได้ทำลายกิจการที่สำคัญของครอบครัว และทำให้เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
 



ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า กลุ่มบริษัท"วีอีเอ็ม"ของนายเมอร์กเคิล เปิดเผยว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงกู้เงินจากธนาคารเยอรมันหลายแห่ง โดยภายใต้ข้อตกลงนี้ นายเมอร์เคิลจะต้องขายกิจการ"ราติโอบาล์ม"แลกเปลี่ยนกับเงินกู้



รายงานระบุว่า นายเมอร์กเคิล เป็นคนดังที่สุดที่ตกเป็นเหยื่อของวิกฤตการเงินของโลก อาณาจักรธุรกิจของเขาจ่อจะต้องประสบภาวะขาดทุนจากการลงทุนผิดพลาดการลงทุนซื้อหุ้นของโฟลค์สวาเก้น  และครอบครัวถูกกดดันให้ต้องขายทรัยพ์สินหรือต้องขอเงินกู้ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับธนาคารก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยเฉพาะข่าวว่า เขาอาจต้องขายบริษัท"ราติโอปาลม์"หรือหุ้นบางส่วนของไฮเดอร์เบิร์ก โดยเขาต้องขาดทุนเงินเป็นมูลค่า 3,600 พันล้านดอลลาร์
 



อย่างไรก็ตาม ในทัศนะของนักวิเคราะห์มองว่า การฆ่าตัวตายของนายเมอร์กเคิลเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมาก เนื่องจากปกติแล้วเขาเป็นนักลงทุนที่รอบคอบและอนุรักษ์นิยม และรักชีวิตแบบติดดิน
 



รายงานระบุว่า สำหรับบริษัท"ไฮเดอร์เบิร์กซีเมนต์"ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ผลิตซีเมนต์ของโลก มีพนักงานเป็นจำนวน 65,000 คน และมีสถานที่ตั้ง 2,700 แห่งใน 50 ประเทศทั่วโลก สำหรับบริษัท"ราติโอบาล์ม"ขายสินค้าด้านเวชภัณฑ์ให้แก่ 35 ประเทศทั่วโลก

 
ทั้งนี้สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ว่า นายอดอล์ฟ เมิร์กเกิล มหาเศรษฐี ชาวเยอรมัน วัย 74 ปี เจ้าของธุรกิจ อาทิ บริษัท ไฮเดลเบิร์ก ซีเมนต์ ธุรกิจผลิตปุนซีเมนต์ จนถึงธุรกิจยา บริษัท ราติโอปาล์ม  ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองด้วยด้วยกระโดดให้พุ่งรถไฟพุ่งชน ในเมืองอูลม์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรทัน โดยเจ้าหน้าที่การรถไฟพบศพเมื่อคืนวันที่ 5 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น
 
รายงานระบุว่า สำหรับสาเหตุการตัดสินใจของนายอดอล์ฟ เมิร์กเกิล น่าจะมาจากปัญหาพิษเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจของนายเมิร์กเกิล ขาดทุนเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนายมิร์กเกิล ได้พยายามขอความช่วยเหลือจากธนาคารในเยอรมนีหลายแห่ง แต่ภาครัฐไม่ยอมให้ความช่วยเหลือด้านการเงินตามที่เขาร้องขอ ด้านครอบครัวของนายเมิร์กเกิล ได้ออกมายืนยันในเรื่องดังกล่าวว่า อดีตมหาเศรษฐีพันล้าน กลุ้มใจกับปัญหาธุรกิจที่ทำอยู่ จึงทำให้เขาตัดสินใจคิดสั้น 
 
ทั้งนี้ เมื่อปี 2007 นายเมิร์กเกิล เคยติดอันดับ 44 ของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ แต่หลังจากนั้น ทรัพย์สินของเขาก็ลดลงจาก 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4.4 แสนล้านบาท) มาอยู่ที่ 9,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3.2 แสนล้านบาท) ส่งผลให้อันดับของเขาร่วงลงมาอยู่ที่ 94
 
รายงานระบุว่า ครอบครัวของนายเมิร์กเกิล มีธุรกิจหลายประเภท รวมทั้ง"ไฮเดลเบิร์กซีเมนต์" บริษัทผู้ผลิตซีเมนต์ และบริษัทผลิตยา"ราติโอปาลม์"แต่ธุรกิจของนายเมิร์กเกิลต้องประสบภาวะขาดทุนจากการลงทุนผิดพลาดเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะจากการลงทุนในหุ้นของโฟลค์สวาเก้น
 
นับเป็นเหตุการณ์ฆ่าตัวตายของนักธุรกิจรายล่าสุด หลังเกิดเหตุนายเธียร์รี่ มากอน เด ลา วิลเลฮูเช็ต ว้ย 65 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทจัดการเงินทุน"Access International"เสียชีวิตที่สำนักงานในกรุงนิวยอร์ก หลังขาดทุนจากการลงทุนในแชร์ลูกโซ่ของนายเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์ เป็นเงินมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์
 
รายงานระบุว่า หุ้นของไฮเดลเบิร์กซีเมนต์ ได้ตกลงหลังการฆ่าตัวต่ายของนายเมิร์กเกิล โดยตกลง 6.2 % อยู่ที่ 31.26 เหรียญ ทำให้มีแนวโน้มว่าธุรกิจของเขาจะต้องถูกขายให้แก่บรรดาเจ้าหนี้
 
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายสตีเฟ่น กู๊ด นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง วัย 55 ปี ถูกพบเสียชีวิตจากการยิงตัวตายในรถจากัวร์ในบริเวณอุทยานสัตว์ป่า ในเมืองเคน รัฐอิลลินอยส์ ถึงขณะนี้ยังไม่มีการพบโน๊ตลาตาย โดยนายสตีเฟ่นเป็นประธานและผู้บริหารของบริษัทเชลดอน กู๊ด บริษัทประมูลอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของสหรัฐ และการเสียชีวิตของเขามีขึ้นท่ามกลางวิกฤตอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ
 
อย่างไรก็ตาม ข่าวการเสียชีวิตของนักธุรกิจผู้นี้สร้างความช็อคตะลึงให้แก่บรรดาผู้บริหารและพนักงานของบริษัทอย่างยิ่ง ระบุว่านายสตีเฟ่นเป็นคนดี มีความเป็นผู้นำ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทุกคนรู้สึกช็อคมาก และต้องการรู้เหตุผลที่เขาตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานผิดปกติที่เกี่ยวกับการเงินของเขา

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์