เหลือเชื่อเศรษฐินีดัง ตายแล้วฟื้น

เหลือเชื่อญาติรับศพเศรษฐินีดังตกตะลึงตายแล้วฟื้น ช็อกถูกส่งรพ.แพทย์ระบุสิ้นใจแล้วเตรียมหาวัดต้องยกเลิกโดยปริยาย

ฮือฮาปาฏิหาริย์ “ตายแล้วฟื้น” เศรษฐินี เจ้าของอพาร์ตเม้นท์ชื่อดัง ล้มป่วยด้วยความดันโลหิตสูง จนช็อกหมดสติ ถูกหามนำส่งโรงพยาบาลด่วนจู่ ๆ เกิดหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน สมองไม่ตอบสนอง แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งให้ญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี สร้างความโศกเศร้าเสียใจ ให้กับคนใกล้ชิดไปตาม ๆ กัน จนถึงขั้นปรึกษาเตรียมการหาวัดจัดงานศพกันเรียบร้อยแล้ว ญาติเตรียมรับศพแต่เรื่องราวเหลือเชื่อ ร่างกายกลับตอบสนองนิ้วกระดิกฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางความความดีอกดีใจของญาติสนิท แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเมืองพัทยา จ.ชลบุรี รายงานว่า ได้มีเรื่องราวฮือฮาปาฏิหาริย์ เกิดกระแสข่าวแพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวางในเวลาอันรวดเร็ว

พร้อมกับมีการวิพากษ์วิจารณ์ไป ต่าง ๆ บางคนเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง บางคนระบุว่า  เรื่องแบบนี้จะมีเกิดขึ้นจริงด้วยหรือ เพราะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อและไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่มีคนเสียชีวิตแล้วจะฟื้นคืนชีพมาได้อีกครั้ง โดยกระแสข่าวระบุด้วยว่า มีผู้ป่วยเป็นหญิงรายหนึ่ง ได้เข้าไปรักษาตัวด้วยโรคประจำตัวที่ รพ.กรุงเทพพัทยา จ.ชลบุรี แต่ต่อมาแพทย์ระบุว่า ผู้ป่วยได้เสียชีวิตลงแล้ว จากโรคความดันโลหิตสูง แต่หลังจากนั้นเรื่องราวฮือฮาได้เกิดขึ้นตามมา เนื่องจากคนไข้กลับฟื้นมีชีวิตขึ้นมาราวปาฏิหาริย์อีกครั้งและขณะนี้กำลังนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน รพ.กรุงเทพพัทยาและอยู่ในความดูแลของ แพทย์อย่างใกล้ชิด
 
จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่หรือมีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรและเมื่อไปถึงทราบว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้วกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมารายนี้ กำลังนอนรักษาตัวอยู่ภายในห้องซีซียู รพ.กรุงเทพพัทยา

จากการตรวจสอบทราบชื่อต่อมาคือนางนุชรี วานิช  อายุ 57 ปี เจ้าของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเขตเมืองพัทยา อยู่บ้านเลขที่ 440/34 หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยแพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจช่วยเหลือตลอดเวลา ท่ามกลางความห่วงใยของญาติสนิทและคนใกล้ชิด นายสมพล ศรีสมบูรณ์เพชร อายุ 60 ปี สามีของผู้ป่วยและมีอาชีพสถาปนิก เปิดเผย ว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา นางนุชรี ภรรยาได้เกิดอาการช็อกหมดสติ ขณะที่กำลังนั่งให้ช่างเสริมสวยทำเล็บอยู่ในร้านเสริมสวยใกล้บ้าน จากนั้นจึงรีบช่วยเหลือนำส่ง รพ.กรุงเทพพัทยาและแพทย์ต้องรีบช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ด้วยการปั๊ม หัวใจ จนภรรยาฟื้นคืนสติแล้วนำเข้า ห้องไอซียู เพื่อช่วยเหลืออาการ จนมีอาการดีขึ้นตามลำดับ

จนกระทั่งเวลา 23.00 น. วันที่ 25 ก.พ. ได้   มีนายแพทย์เจ้าของไข้ท่านหนึ่ง ได้เข้ามาตรวจอาการคนไข้และพบว่าหัวใจหยุดเต้น สมองไม่ตอบสนองใด ๆ จึงลงความเห็นว่าผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว

พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งให้ตนทราบ ขณะที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้านพัก จนทำให้ลูกและหลานพากันตกใจ ทำอะไรไม่ถูก นายสมพล กล่าวต่อว่า หลังจากตั้งสติแล้ว จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้บรรดาญาติพี่น้องรับ ทราบข่าวร้าย ก่อนพร้อมใจกันทยอยเดินทางมาแสดงความเสียใจที่บ้านพักกันหลายสิบคน พร้อม กับพูดคุยปรึกษาติดต่อวัดใกล้บ้าน เพื่อนำผู้เสียชีวิตมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลไว้ด้วย หลังจากนั้นได้พากันไปที่รพ.กรุงเทพพัทยา เพื่อขอรับศพมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี โดยในตอนแรกพบว่านางนุชรี นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ภายในห้องซีซียู โดยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ได้นำผ้าขาวมาคลุมร่างนางนุชรีไว้ เพื่อแสดงว่าผู้ป่วยรายนี้ได้เสียชีวิตลงแล้ว นายสมพล กล่าวต่อไปว่า แต่ขณะที่กำลังจะนำศพภรรยาออกจากห้องซีซียู ได้มีนายแพทย์ท่านหนึ่งเดินทางเข้ามาพบและพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิต

แต่ระหว่างนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติของนางนุชรี เนื่องจากพบว่าร่างกายยังมีการตอบสนอง นิ้วมือขยับเคลื่อนไหวจึงพยายามช่วยเหลือ ด้วยการปั๊มหัวใจพร้อมกับใช้เครื่องช่วยหายใจ

จนกระทั่งนางนุชรี ที่แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตไปแล้วนั้น กลับฟื้นคืนสติมีชีวิตอีกครั้งราวปาฏิหาริย์ ท่ามกลางความดีใจของญาติ ๆ ก่อนที่แพทย์และพยาบาลจะรับตัวไว้รักษาอาการป่วยภายในห้องซีซียูอีกครั้ง ด้าน นพ.ปริญญา ชมแสง แพทย์ รพ.กรุงเทพพัทยา เปิดเผยว่า จากการตรวจอาการล่าสุดของนางนุชรีพบว่าป่วยเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะเท่านั้น แต่ผลการตรวจด้วยเครื่อง มือที่ทันสมัย ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ทั้งสมองและหัวใจ แต่อย่างไรก็ตาม กำลังวินิจฉัยอาการว่า เกิดอะไรขึ้นถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ยังให้คำตอบไม่ได้ว่า คนไข้รายนี้มีความผิดปกติของหัวใจอย่างไร เพราะจะ ต้องดูอาการกันเป็นรายชั่วโมง แต่เท่าที่ดูอาการที่ผ่านมาผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ เพียงแต่สมองยังไม่ตอบสนองเท่านั้นเอง ส่วนประเด็นที่ตายแล้วฟื้นนั้น จะต้องไปถามแพทย์ที่วินิจฉัยเอาเอง ส่วนตัวไม่ขอแสดงความเห็นในเรื่องนี้.