เสี่ยเจ้าหนี้พาชี้จุดถูกอุ้ม มัดแก๊งบิ๊กกิ๊ก บีบลดหนี้100ล.

เสี่ยเจ้าหนี้พาชี้จุดถูกอุ้ม มัดแก๊งบิ๊กกิ๊ก บีบลดหนี้100ล.


เสี่ยเจ้าหนี้พาชี้จุดถูกอุ้ม มัดแก๊ง"บิ๊กกิ๊ก" บีบลดหนี้100ล.

เสี่ย เจ้าหนี้พา ตร.ชี้จุดร้านอาหารย่านศาลายา จ.นคร ปฐม มัดแก๊ง"บิ๊กกิ๊ก"อุ้มบังคับลดหนี้ของเศรษฐีหมื่นล้าน หลังเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมที่ทีมสืบสวนบช.น.ได้ข้อมูล เสี่ยนิค มีวีซ่าประเทศแคนาดา อาจกำลังหาทางออกจากเขมร ส่วนคดีทวงหนี้ 30 ล้านเมียเสี่ยอู่รถเมล์ ประสานพนักงานสอบสวนเตรียมพาเข้ามอบตัว แต่ยังไม่ระบุวันเวลา พยานแฉ ขับปอร์เช่ นำกลุ่มผู้ต้องหาพาเหยื่อมาไกล่เกลี่ยที่บ้าน



จาก กรณี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และพวกร่วมทำความผิด ทั้งซื้อขายตำแหน่งในบช.ก. เรียกรับสินบนน้ำมันเถื่อน และความผิดตามมาตรา 112 จนถูกดำเนินคดีและให้ออกจากราชการ โดยถูกฝากขังต่อศาลและคุมตัวไว้ที่เรือนจำกรุงเทพฯ ต่อมาสืบพบนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ผู้ต้องหาลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนในภาคใต้เกี่ยวข้องด้วย 



นอก จากนั้นยังพบกลุ่มผู้ต้องหาแก๊งพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รับจ้างทวงหนี้และลดหนี้ จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกหลายราย และออกหมายจับนายนพพร ศุภพิพัฒน์ หรือเสี่ยนิค เศรษฐีหมื่นล้านติดอันดับที่ 31 ของไทย ฐานจ้างวานให้อุ้มบังคับลดหนี้ ซึ่งหลบหนีไปเขมรแล้ว แล้วยังออกหมายจับนายเจี๊ยบ ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างเสี่ยนิคกับทีมอุ้ม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น




ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 ธ.ค. ที่สน.วัดพระยาไกร พนักงานสอบสวนได้เรียกนายบัณฑิต โชติวิทยะกุล ผู้เสียหายซึ่งถูกนายนพพรว่าจ้างเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อุ้มตัวไปเจรจาลดหนี้จาก 120 ล้านบาทเหลือ 20 ล้านบาทมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีประเด็นการสอบปากคำว่ามีใครร่วมอยู่ในขบวนการเพิ่มเติมด้วยอีกหรือไม่ 



จาก นั้นเจ้าหน้าที่ได้พานายบัณฑิตไปชี้จุดเกิดเหตุที่ร้านอาหารอัญญาเพลส เรสเตอรองต์ เลขที่ 152 หมู่ 5 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งเป็นสถานที่ที่กลุ่มผู้ต้องหากับพวกรวม 8 คน พานายบัณฑิตมาเจรจาตกลงให้ลดหนี้ให้กับนายนพพร
 



ต่อ มาเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ภัคพงษ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง รองผบก.น.5 พร้อมพนักงานสอบสวนสน.พระโขนง และสน.วัดพระยาไกร ร่วมประชุมตรวจสอบสำนวนคดีจับกุมกลุ่ม ผู้ต้องหาเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่กรรโชก ทรัพย์ทวงหนี้ผู้เสียหาย 30 ล้านบาท และบังคับข่มขู่ให้ลดหนี้ตามที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เร่งรัดให้รวบรวมพยานหลักฐาน แล้วส่งสำนวนคดีให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาตรวจสอบสำนวน ภายในวันที่ 10 ธ.ค.นี้



พล.ต.ต. ชวลิตเปิดเผยว่า
ประชุมพนักงานสอบสวน เพื่อตรวจสอบสำนวนคดีให้มีความเรียบร้อยและรัดกุม ก่อนส่งสำนวนให้ตร.พิจารณาตามที่ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ได้กำชับไว้ ด้านคดีขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ ผู้ต้องหาเพิ่มเติม ส่วนนายนพพร จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว



ส่วน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่าได้รับรายงานว่านายนพพรยังอยู่ในประเทศกัมพูชา ยังไม่ได้รับการติดต่อว่าจะขอเข้ามอบตัว โดยชุดสืบสวนได้ประสานงานกับด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว หากพบนายนพพร เดินทางกลับเข้าประเทศ ก็จะจับกุมทันที ส่วนนายเจี๊ยบขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อสกุลจริง แต่ได้ออกหมายจับชายไทยตามภาพสเกตช์เท่านั้น 



ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสอบสวนได้สรุปคดีทั้ง 2 คดีโดยแบ่งเป็น คดีกรรโชกทรัพย์ทวงหนี้ผู้เสียหาย 30 ล้านบาทในท้องที่สน.พระโขนง มีผู้ร่วมกระทำผิด 7 คน จับกุมได้แล้ว 5 คนเหลืออีก 2 คน มีนายปรีชา ดาราไตร เป็นเจ้าหนี้ และมีนายไพเชษฐ์ เมธีสริยพงศ์ เป็นเจ้าของบ้านที่อุ้มผู้เสียหายไปเจรจา ส่วนคดีข่มขู่บังคับให้ลดหนี้ มีผู้ร่วมกระทำผิด 11 คนจับกุมได้แล้ว 9 คน เหลืออีก 2 คน โดยคดีทั้ง 2 สน. มีผู้ร่วมกระทำผิดรวม 14 คน และมีผู้ต้องหา 4 คนก่อเหตุทั้ง 2 ท้องที่ 



ผู้ สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีพยานระบุว่านายไพเชษฐ์ เป็นเจ้าของอู่รถเมล์สาย 8 วันที่อุ้มผู้เสียหายไปทวงหนี้ที่บ้านพัก ได้ขับรถปอร์เช่ นำขบวนพากลุ่มผู้ต้องหามาที่บ้าน และเปิดประตูให้เข้าบ้าน โดยใช้ผ้าคลุมหัวผู้เสียหายลงมาจากรถ รวมทั้งซื้อข้าวและซื้อน้ำให้กลุ่มผู้ต้องหาระหว่างเจรจาไกล่เกลี่ยทวงหนี้ 



มี รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ภรรยาของนายไพเชษฐ์ได้โทรศัพท์มาปรึกษาพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ว่าจะพานายไพเชษฐ์เข้ามอบตัวแต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลาที่แน่นอน 



ผู้ สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากข้อมูลของทีมสืบสวนคาดว่านายนพพร น่าจะพยายามหลบหนีออกจากเขมรไปประเทศที่ 3 โดยชุดสืบสวนบช.น. ตรวจพบว่านายนพพรมีวีซ่าประเทศแคนาดา จึงอาจหาทางหลบหนีเข้าประเทศแคนาดาก็ได้ ส่วนคดีที่สน.วัดพระยาไกร มีข้อมูลว่านายเจี๊ยบ สนิทสนมกับนายชากานต์ ภาคภูมิ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้ง 2 ท้องที่ เนื่องจากกินเที่ยวด้วยกันที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อ โดยนายชากานต์เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิง และนายเจี๊ยบเป็นผู้แนะนำให้รู้จักกับนายนพพร โดยวันก่อเหตุนายเจี๊ยบขับรถยนต์โฟล์กสวาเกนคาราเวลล์ พากลุ่มผู้ต้องหาไปหานายบัณฑิต เพื่อทวงหนี้ ในวันที่ 23 มิ.ย. 



ส่วน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งถึง พล.ต.ท.มนตรี โปตระนันทน์ ผบช.ภ.9 ให้ตรวจสอบรายชื่อตำรวจที่มีรายชื่อ ในบัญชีส่วยน้ำมันเถื่อนของเสี่ยโจ้ และที่ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อ แต่มีการรับส่วยจากผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในจ.สงขลา และจ.สตูล จำนวน 5-6 คน เพื่อเอาผิดกลุ่มนายตำรวจที่มีพฤติกรรมรับส่วย



โดย มีรายงานว่า ตำรวจที่รับส่วยน้ำมันเถื่อนของเสี่ยโจ้ ส่วนใหญ่เป็นนายตำรวจระดับผกก. และรองผกก. จนถึงระดับสารวัตร สังกัดกองกำกับการ 7 ตำรวจน้ำ และกองกำกับการ 6 สังกัดกองปราบปราม ส่วนที่อยู่ในสังกัดบช.ภ.9 และศชต. ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ในชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อนและชุดฉก. ของจังหวัดและของภาค 9 


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์