เสี่ยอสังหารัชตะทรัพย์ระเบิดหัวเครียดหนี้ท่วมร้อยล้าน

หนุ่มใหญ่นามสกุลดัง "รัชตะทรัพย์" มหาเศรษฐีระดับชั้นแนวหน้าเครียดเรื่องหนี้สิน เพราะกลัวแบงก์จะฟ้องจำนวนหลายร้อยล้านบาท พอแก้ปัญหาไม่ตกเลยคว้า 9 มม. ระเบิดสมองตัวเองตายอนาถคาห้องนอนในที่พักเมืองระนอง รุ่งเช้าลูกน้องขึ้นไปปลุกเจอเจ้านายกลายเป็นศพ แทบช็อกรีบแจ้งตำรวจ พบจดหมายลาตายและหนังสือมอบอำนาจที่เจ้าตัวเซ็นชื่อไว้เสร็จเรียบร้อย ระบุเครียดหนี้สิน แก้ปัญหามา 3 ปีแล้วยังไม่ได้ เผยเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน บ้านจัดสรร และบ้านพักตากอากาศ ทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต นนทบุรี และระนอง แถมยังมีหุ้นส่วนอีกหลายบริษัท

ระเบิดสมองตัวเองตายอนาถ รายนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 2 ก.ย. พ.ต.ต.มาโนชญ์ บุญสม สวส.สภ.อ.เมืองระนอง รับแจ้งมีเหตุนักธุรกิจชื่อดัง ยิงตัวตายที่บ้านเลขที่ 291/1-2 ริมถนนเพชรเกษม หมู่ 3 ต.บางนอน รุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท. ชัยสิทธิ สิทธิชัย รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ท. สงกรานต์ เพชรน้อย รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่วิทยาการ แพทย์เวรจากโรงพยาบาลระนอง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิระนองสงเคราะห์
 
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 2 คูหา สูง 3 ชั้นครึ่ง ที่หน้าตึกมีป้ายเขียนไว้ 2 อันว่า

บริษัทพงษ์เพชรจำกัด และ บริษัทขุนน้ำแร่นอง จำกัด ชั้นล่างเป็นออฟฟิศทำงาน มีพนักงาน 3-4 คน กำลังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ กับเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้น ส่วนบนชั้นที่ 2 ใช้เป็นที่พักอาศัยของเจ้าของ ภายในห้องนอนพบศพนายธีระรักษ์ รัชตะทรัพย์ อายุ 51 ปี เจ้าของตึกที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังเป็นมหาเศรษฐี ระดับชั้นแนว   หน้าของเมืองไทย มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายอย่าง อาทิ ซื้อขายที่ดิน บ้านจัดสรร และบ้านพักตากอากาศ ทั้งใน จ.ระนอง ภูเก็ต กรุง เทพฯ และ จ.นนทบุรี โดยเฉพาะชาวระนอง ทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และนักการเมืองชื่อดังจะรู้จักนายธีระรักษ์เกือบทุกคน อีกทั้งยังมีหุ้นส่วนในหมู่บ้านจัดสรรใหญ่ ๆ หลายโครงการอีกด้วย  
 
สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน ในชุดนอนเสื้อกางเกง สีน้ำเงินลายจุดขาว
 
เบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วราว 3 ชั่วโมง เพราะเนื้อตัวยังนิ่มอยู่ โดยขาทั้งสองข้างห้อยตกลงที่ข้างเตียง มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. ที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด อาวุธมรณะตกอยู่ข้างเตียง กับปลอกกระสุนอีก 1 ปลอก และบนโต๊ะหัวเตียง มีกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงวางอยู่อีก 2 นัด จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

โดยผู้ตายลงลายมือชื่อไว้จำนวนหนึ่ง และจดหมายลาตายอีก 1 ฉบับ เขียนถึงอาป๊ากับอาม่า มีใจความในทำนองว่า ผมมีความเครียด ที่ไม่สามารถ แก้ปัญหาหนี้สินได้ ทั้งของตัวเองและคนใกล้ชิด แม้จะใช้เวลาในการแก้ปัญหามานาน 3 ปีแล้ว หากผมเป็นอะไรไป ทางสถาบันการเงินต่าง ๆ คงจะลดหย่อนเรื่องหนี้สินลงให้บ้าง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
 
จากการสอบสวนพยาน ซึ่งเป็นลูกน้องของนายธีระรักษ์ ที่ทำงานอยู่ในตึกดังกล่าวให้การว่า

ก่อนจะเจอศพ ได้เข้ามาทำงานตามปกติ แต่จนสายยังไม่เห็นเจ้านายลงมาจากห้องนอน เพราะวันเดียวกันนี้ผู้ตายมีธุระที่ต้องเดินทาง   ไปดูกิจการที่ จ.ภูเก็ต เกรงว่าจะสาย จึงเดิน  ขึ้นไปปลุก พอเข้าไปในห้อง พบนายธีระรักษ์ ลูกพี่นอนเสียชีวิตเสียแล้ว จึงแจ้งตำรวจทราบ  ดังกล่าว ขณะที่คนใกล้ชิดระบุว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปเคลียร์ปัญหาเรื่องหนี้สิน ที่เจ้าตัวไปค้ำประกัน ให้คนใกล้ชิดไว้ เป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านบาท จากนั้นเดินทางกลับ จ.ระนอง จากนั้นช่วงเย็นวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา นายธีระรักษ์ออกไปกินอาหารเจ้าประจำ ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะคิดสั้นแต่อย่างใด แต่ได้ระบายให้คนใกล้ชิดคนหนึ่งฟังว่า กลุ้มใจปัญหาเรื่องหนี้สิน และไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เพราะเป็นจำนวนเงินไม่น้อย จากนั้นเดินทางกลับเข้าบ้านหลังดังกล่าว ก่อนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าห้องกระทั่งลูกน้องมาเจอศพ
 
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า

ระหว่าง ที่นายธีระรักษ์ อยู่ในห้องนอนคงครุ่นคิดเพื่อหาทางออก ในเรื่องหนี้สินต่าง ๆ แต่สุดท้ายทางตัน หาทางออกไม่เจอ จนใกล้รุ่งเช้าเลยตัดสินใจเขียนจดหมายลาตาย และเซ็นชื่อในหนังสือมอบอำนาจ เสร็จแล้วใช้ปืนยิงศีรษะตัวเอง เพื่อหนีปัญหาดังกล่าว สำหรับนายธีระรักษ์ มหาเศรษฐีคนดังนั้น จบการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าลาดกระบัง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ โดยเคยได้รับรางวัลกับเพื่อน จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เป็นรางวัลชมเชย การตรวจหามอร์ฟีนในปัสสาวะ เมื่อปี 2524 นอกจากนี้ ยังเป็นประธานชมรมกอล์ฟ ของสมาคมศิษย์เก่า สถาปัตย์เทคโนฯลาดกระบังอีกด้วย
 
ขณะเดียวกันที่วัดเสมียนนารี ย่านประชาชื่น กรุงเทพฯ วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

ญาติได้นำร่างของนายธีระรักษ์ นักธุรกิจชื่อดัง มาตั้งบำเพ็ญกุศล โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักธุรกิจ เพื่อนสนิท เดินทางมาร่วมรดน้ำศพ โดยห้ามไม่ให้ผู้สื่อข่าว เข้าไปสังเกตการณ์.