เสียท่านักเลง สตอ.ถูกตื้บสลบ

แก๊งขาใหญ่สายไหมนับสิบคนรุมตื้บส.ต.อ. ถึงสลบ

เผยผัวเมียกำลังจะขับรถออกจากบ้านพาญาติไปส่งโรงพยาบาล แต่เกิดมีรถเก๋งของขาใหญ่จอดขวางหน้าบ้านเลยต้องช่วยกันเข็นให้พ้นทาง ขาใหญ่เจ้าของรถมาเห็นก็ไม่พอใจ พาพรรคพวกนับสิบคนรุมกระทืบ 2 ผัวเมียจนหน้าตาแตก-เลือดอาบ ส.ต.อ.กับด.ต.นอกเครื่องแบบผ่านมาประสบเหตุเข้าห้ามปราม กลับโดนรุมตื้บจนส.ต.อ.สลบคาที่ ด.ต. ต้องวิทยุขอกำลังเสริม ตามจับได้ 2 ราย "อัศวิน ขวัญเมือง"สั่งระดมล่าตัวมาดำเนินคดีให้หมด

เหตุแก๊งขาใหญ่รุมกระทืบตำรวจสลบเหมือดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.40 น. วันที่ 7 พ.ย.

พ.ต.ท.คชาสัณห์ ทองใบใหญ่ พนักงานสอบสวน สบ.3 สน.สายไหม รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายหน้าสมบูรณ์อพาร์ตเมนต์ ซอยพหลโยธิน 58 แยก 28 แขวงและเขตสายไหม กทม. จึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยตำรวจสายตรวจพบ ส.ต.อ.ยุทธนา บุญยงค์ ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สาย ไหม ถูกรุมทำร้ายจนสลบ ใบหน้าบวมปูด อาการสาหัส นอกจากนี้ยังพบน.ส.ฉวี สวนกัน อายุ 35 ปี หางคิ้วขวาแตก และนายเสงี่ยม สุดโท อายุ 35 ปี ใบหน้าบวมช้ำ จึงรีบนำตัวส่งร.พ.สายไหม โดยแพทย์เย็บแผลแตกของน.ส.ฉวี 7 เข็ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ 2 รายคือ

นายกิจจา คงดี อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 802/606 ม.12 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และนายจักราวุธ ฉิมสุข อายุ 32 ปี จึงแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าหนักงาน และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติงานตามหน้าที่โดยมีอาวุธ


จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.ฉวีและนายเสงี่ยม ซึ่งเป็นแฟนกัน ต้องการขับรถเก๋งออกจากบ้าน

ปรากฏว่ารถของฝ่ายผู้ต้องหาจอดขวางทางออกอยู่ ทั้งคู่จึงตัดสินใจเข็นรถของผู้ต้องหา ทำให้ผู้ต้องหาพร้อมพวกประมาณ 10 คนไม่พอใจ เข้ามาต่อว่าและเกิดรุมชกต่อยกันขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ ส.ต.อ.ยุทธนา บุญยงค์ และ ด.ต.เกียรติ ไกรทรัพย์ ตำรวจสายสืบ สน.สายไหม ซึ่งอยู่นอกเครื่องแบบ ออกติดตามคนร้ายวิ่งราวทรัพย์ ไปประสบเหตุพอดี จึงได้เข้าไประงับเหตุ แต่กลุ่มคนร้ายไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ จึงรุมกระทืบจนส.ต.อ.ยุทธนาสลบเหมือด ส่วนด.ต.เกียรติบาดเจ็บเล็กน้อย จากนั้นพากันแยกย้ายหลบหนี

อย่างไรก็ดีหลังเกิดเหตุผู้สื่อข่าวสอบถาม พ.ต.ท. สมภพ แก้วรุณคำ สว.สส.สน.สายไหม ว่ามีเหตุการณ์จริงหรือไม่

ก็บอกว่าไม่มีอะไรแค่วัยรุ่นตีกัน ส่วนผู้บาดเจ็บ ทั้งตำรวจและพลเรือน ซึ่งตอนแรกพร้อมที่จะให้ข้อมูลผู้สื่อข่าว แต่ในภายหลังกลับไม่ยอมเปิดเผยตัว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุมีทหารร่วมอยู่ด้วย ต่อมาเช้าวันที่ 8 พ.ย. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. สั่งการพล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผบก.น.2 พ.ต.อ.สรรค์หกิจ บำรุงสุขสวัสดิ ผกก.สส.น.2 ร่วมกับชุดสืบสวน สน.สายไหม เร่งรัดติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือ โดยในส่วนของสน.สายไหม พ.ต.ต.ทนงศิลป์ มณีโชติ สว.สป.สน.สายไหม เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมผู้ที่หลบหนีไป

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น พบว่านายกิจจาจอดรถขวางทางเข้าออกหน้าบ้านนางสาวฉวีและนายเสงี่ยม

โดยทั้งคู่ต้องการนำรถออกจากบ้านเพื่อพาญาติที่ป่วยส่งโรงพยาบาลภูมิพล แต่รถของนายกิจจาขวางหน้าบ้าน ซึ่งนายเสงี่ยมขอร้องให้นายกิจจาขยับรถที่จอดขวางหน้าบ้านเพื่อเปิดทางให้รถออก แต่นายกิจจาไม่เลื่อนรถ นายเสงี่ยมจึงต้องเข็นรถที่ขวางออกไป ต่อมานายกิจจาพาพวกเป็นชายฉกรรจ์นับสิบคน มาปิดล้อมทำร้ายร่างกาย กระทั่งส.ต.อ.ยุทธนาและด.ต.เกียรติ ซึ่งแต่งกายนอกเครื่องแบบเข้ามาระงับเหตุ จึงถูกกลุ่มของนายกิจจาทำร้าย จนด.ต.เกียรติต้องวิทยุขอกำลังเสริม พอได้รับกำลังสนับสนุน จึงจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองไว้ได้ ส่วนที่เหลือหลบหนีไป

เวลา 11.00 น. ที่สน.สายไหม พ.ต.ท.สุบรรณ์ อธิเศรษฐ์ รรก.รองผกก.สส. นำตัวนายกิจจา และนายจักราวุธ สองผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้มาสอบปากคำเพิ่มเติม

จากนั้นกล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่และต่อสู้ขัดขวางการจับกุม ซึ่งจากการสอบสวนทั้งสองคนให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าตำรวจ คิดว่าเป็นพวกเดียวกับคู่กรณี ส่วนผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวอยู่ สำหรับคนเจ็บตอนนี้ทราบว่าอาการปลอดภัยและได้กลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว โดยมีอาการฟกช้ำตามลำตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าได้มีญาติของผู้ต้องหาเดินทางมาติดต่อขอประกันตัว

แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ประกัน ต่อมาช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวด.ต.เกียรติมาทำการสเกตช์ภาพผู้ต้องหาอีกรายหนึ่งซึ่งหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ โดยคนร้ายเป็นชายอายุราว 25-30 ปี ผิวขาว สูงราว 160-170 ซ.ม. ซึ่งชายดังกล่าวเป็นผู้สั่งให้ล็อกตัวด.ต.เกียรติเอาไว้ไม่ให้เข้าไปช่วยส.ต.อ.ยุทธนา ก่อนจะค้นเอาปืนและโทรศัพท์มือถือไป แต่คนร้ายได้ไปเฉพาะโทรศัพท์ ก่อนที่จะพากันหลบหนีไป


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวคุณภาพจาก

หนังสือพิมพ์ข่าวสด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์