เมียนักอนุรักษ์ราชบุรีขอโอนคดีเข้ากรุง

"ภรรยานักอนุรักษ์เข้ายื่นหนังสือฯ"


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น.ส.ปองจิตร ศิริรัตน์ อายุ 57 ปี ภรรยา นายธเรศ สดศรี นักอนุรักษ์กิ่งอ.บ้านคา จ.ราชบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าเกิดจากกลุ่มนายทุนและนักการเมืองท้องถิ่นที่สูญเสียผลประโยชน์จากการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. แต่เนื่องจากผบ.ตร.ติดภารกิจจึงให้พ.ต.อ.วรวิทย์ ศิริพันธุ์ รองเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับเรื่อง

น.ส.ปองจิตรกล่าวว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้มีเหตุผล 2 ประการ ประการแรกคดีนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ มีสายสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมาก จึงเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีอาจจะทำงานไม่สะดวก ไม่เต็มที่ เพราะถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลกดดัน และพยานที่อยู่ในพื้นที่เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะเข้ามาให้ปากคำ

"อยากให้โอนให้กองปราบทำคดีแทน"


ถูกข่มขู่ จึงอยากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติโอนคดีให้กับกองปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบทำคดีแทน ส่วนเหตุผลที่ 2 ทางครอบครัวของนายธเรศอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร หากโอนคดีมาอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ขึ้นศาลในกรุงเทพฯ ก็จะทำให้เกิดความสะดวกและปลอดภัย เพราะการเข้าไปในพื้นที่เพื่อให้ปากคำมีความเสี่ยง

น.ส.ปองจิตรกล่าวต่อว่า การขอโอนคดีไม่เกี่ยวกับการทำงานของภูธรภาค 7 และกองปราบปราม เพราะทั้ง 2 หน่วยทำงานประสานกันอย่างเต็มที่ ระดมทั้งสุนัขตำรวจ นักประดาน้ำ ระดมค้นหานายธเรศตลอด 5 วันที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายด้วย แต่ที่ต้องการโอนย้ายคดีเป็นเพราะเหตุผลข้างต้นไม่เกี่ยวกับการทำงานของตำรวจ

"ระบุผู้บุกรุกเป็นผู้มีอิทธิพล"


ผู้สื่อข่าวถามว่า การหายตัวไปของนายธเรศมีสาเหตุจากอะไร น.ส.ปองจิตรกล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจมีเพียงสาเหตุเดียว คือเรื่องที่นายธเรศเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน บริเวณเขื่อนท่าเคย ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริ กับคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งผู้บุกรุกเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และมีเส้นสายเชื่อมโยงไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลที่ผ่านมา

และก่อนการหายตัวไปวันที่ 17 พ.ย. นายธเรศได้นำเอกสารภาพถ่ายและข้อมูลเกี่ยวกับการบุกรุก และการฉ้อโกงพื้นที่ป่าสงวนไปบรรยายสรุปให้รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากนั้นวันที่ 21 พ.ย. ก็เดินทางไปที่ไร่ในกิ่งอ.บ้านคา ซึ่งเป็นไร่ที่นายธเรศซื้อมาทำเกษตรอินทรีย์

"อยากให้รัฐเร่งจัดการ"


จากนั้นมีคนมาเตือนให้ระวังตัว มีคนคิดปองร้ายเพราะไม่พอใจและทราบว่านายธเรศไปให้ข้อมูลเรื่องบุกรุกป่าสงวนกับรัฐบาล จากนั้นวันที่ 30 พ.ย.นายธเรศก็หายตัวไป

น.ส.ปองจิตรกล่าวต่อว่า เรื่องนี้อยากให้ผู้มีอำนาจภาครัฐเข้าไปช่วยเร่งรัดตรวจสอบการหายตัวไปของนายธเรศ เพราะคนที่ทำความดีเพื่อสังคมไม่อยากให้ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศชาติ ต้องถูกกลุ่มข้าราชการ นักการเมืองที่ทุจริตบางคนมากอบโกยผลประโยชน์ไป แม้แต่ที่ดินซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริ ก็ยังกล้าบุกรุก และหากคดีนี้ยังคงมืดมนคนที่คิดจะทำงานเพื่อประเทศชาติก็คงไม่มีใครกล้ามาเคลื่อนไหว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์