เผาคาบ้าน 2 ศพ บึมโอเกะ 3 แห่ง

"ยังไม่ได้ผล"


ภายหลังที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอโทษต่อญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบ แถมอัยการยังสั่งไม่ฟ้องผู้ที่ร่วมก่อเหตุ เพื่อสร้างความสมานฉันท์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เหตุความรุนแรงในพื้นที่กลับระอุรายวัน ทั้งวางเพลิงเผาโรงเรียน ยิงชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ข้าราชการครูอีกหลายราย ล่าสุดเกิดเหตุทั้งวางระเบิด ซุ่มโจมตีทหาร ฆ่าชาวบ้านและก่อม็อบขับไล่ ตชด.ออกนอกพื้นที่อีก

วางระเบิดถล่มคาราโอเกะ

เริ่มจากเมื่อกลางดึกวันที่ 4 พ.ย. เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดร้านคาราโอเกะถึง 3 แห่งในชุมชนเมืองใหม่บ้านตาบา ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จุดแรกชื่อร้าน เจมส์บอย เลขที่ 52 หมู่ 1 ต.เจ๊ะเห หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ไพศาล ไชยบุตร ผกก.สภ.อ.ตากใบ นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ นอภ.ตากใบ พ.ต.ท.อดุลย์ ปีแนบาโง รอง ผกก.(สส.) พ.ต.ท.เจตน์ เจริญยืน รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ท. สุกิจ ขำมาก สว.นปพ.ภ.จ.นราธิวาส นำกำลังและหน่วยเก็บกู้ระเบิดชุด เหยี่ยวดง ไปตรวจสอบ พบโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาภายในร้านล้มระเนนระนาด ตามพื้นเกลื่อนไปด้วยเศษชิ้นส่วนระเบิด และเศษโทรศัพท์มือถือกับรอยคราบเลือดบริเวณหน้าร้าน ทราบมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย นำส่ง รพ.ตากใบ แล้วคือ จ.ส.ต.กิตติพงษ์ ศรีขำ อายุ 39 ปี ส.ต.อ.สัมฤทธิ์ หวังสุข อายุ 34 ปี ตำรวจประจำจุดตรวจบ้านตาบา สภ.อ.ตากใบ และ น.ส.สนม บุญมี อายุ 28 ปี เด็กเสิร์ฟ แต่ จ.ส.ต.กิตติพงษ์ กับ ส.ต.อ.สัมฤทธิ์ อาการหนักจึงส่งต่อ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์

บึมจุดที่สองห่างกัน 50 เมตร

ตามด้วยร้าน รีเจนซี่คาราโอเกะ ห่างจากจุดแรกประมาณ 50 เมตร จุดระเบิดอยู่ใต้โซฟาที่ประตูทางเข้า แรงระเบิดทำให้โต๊ะเก้าอี้โซฟาพังเสียหาย พบชิ้นส่วนระเบิดเหมือนกับร้านแรกทุกอย่าง ทำให้แขกที่มาเที่ยวบาดเจ็บ 2 ราย คือนายเจ๊ะไพซู ยะโก๊ะ อายุ 23 ปี กับ นายกูรอลา กูจินามิง อายุ 22 ปี อยู่หมู่ดังกล่าว นำส่ง รพ.ตากใบ และจุดที่ 3 ที่ข้างกำแพงบ้านของนางสุดาวรรณ ขุนแผ้ว อายุ 65 ปี เลขที่ 7/2 ห่างจากร้านคาราโอเกะ รีเจนซี่คาราโอเกะ ประมาณ 50 เมตร พบหลุมระเบิดกว้างราว 20 ซม. ลึก 10 ซม. มีชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องและเศษชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือกระจาย จากการตรวจสอบพบทั้ง 3 แห่ง เป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในกล่องเหล็กเหมือนกัน น้ำหนักประมาณ 5 กก.

หวังฆ่าหมู่ตำรวจสายตรวจ


สอบสวนทราบว่า ขณะที่ จ.ส.ต.กิตติพงษ์ กับ ส.ต.อ. สัมฤทธิ์ ออกตรวจรักษาความสงบไปถึงร้าน เจมส์บอย ได้แวะเข้าไปนั่งพักผ่อนและดูแลความสงบในร้าน ระหว่างนั้นมีผู้ต้องสงสัย 2 คน เข้าไปนั่งดื่มกินในร้านอยู่ก่อนแล้ว และลอบวางระเบิดไว้หลังโซฟา พอเห็นตำรวจทั้ง 2 ได้เดินออกไปจากร้าน สักพักเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นอีก 5 นาที ก็เกิดระเบิดที่ร้าน รีเจนซี่คาราโอเกะ ตามด้วยริมกำแพงบ้านของนางสุดาวรรณ คาดว่าคนร้ายมุ่งสังหารตำรวจที่ไปตรวจในร้าน

ยิงหัวกระจายชาวสวนยาง

อีกราย ช่วงเช้าวันที่ 5 พ.ย. ขณะที่นายยูโซ๊ะ มามะ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 1 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ขี่ จยย.จะไปกรีดยาง ผ่านถนนริมทางรถไฟ หมู่ 1 ต.ปะลุรู ถูกคนร้ายใช้ปืนลูกซองยิงเข้าที่ศีรษะจนสมองกระจาย หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผกก.สภ.อ.สุไหงปาดี นำกำลังตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองไปตรวจสอบ คาดเป็นฝีมือโจรใต้สร้างสถานการณ์ แต่ไม่ตัดทิ้งเรื่องส่วนตัว

ประกบยิงผู้เฒ่าดับคาถนน

ทางด้าน จ.ยะลา เช้าวันเดียวกัน พ.ต.ท.นิยม รื่นเริง รอง ผกก.(สส.) สภ.อ.บันนังสตา จ.ยะลา พ.ต.ท.สมพร โสะหาบ พงส.(สบ.3) พร้อมกำลังไปตรวจสอบเหตุยิงกันตาย ริมถนนข้ามสะพานคลองน้ำขุ่น หมู่ 5 บ้านกาโสด ต.บันนังสตา พบศพนายภิญโญ พลอยประเสริฐ อายุ 61 ปี อยู่หมู่ 3 ต.ถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ศีรษะและกลางหลังรวม 3 นัด นอนตายจมกองเลือดอยู่ข้างรถ จยย.ฮอนด้า สอบสวนทราบว่าผู้ตายมีอาชีพทำสวนยางพารา ขณะขี่รถ จยย.ออกจากตลาดบันนังสตาจะกลับบ้านถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้าย 2 คนซ้อน จยย.ตามประกบยิง คาดฝีมือโจรใต้สร้างสถานการณ์

ซุ่มโจมตีรถ ผบ.ฉก.ยะลา


ต่อมาเวลา 12.30 น. ขณะที่ พ.อ.ชินวัตร แม้นเดช ผบ.ฉก.1 จ.ยะลา พร้อมกำลังเดินทางโดยรถยนต์ไปตรวจสอบโรงเรียนบ้านบางลาง หมู่ 3 กับโรงเรียนบ้านสาคู หมู่ 4 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ที่ถูกคนร้ายลอบวางเพลิงจนอาคารเรียนทั้ง 2 แห่งวอดทั้งหลัง เมื่อคืนวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา พอรถวิ่งผ่านบ้านคอลอกาเอ หมู่ 5 ต.บาเจาะ ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนซุ่มอยู่ในป่า 2 ข้าง ใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม พ.อ.ชินวัตร

จึงสั่งให้กำลังยิงตอบโต้จนเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดนาน 5 นาที จนฝ่ายคนร้ายล่าถอยหลบหนีไป ส่วนทหารถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 1 นายชื่อพลทหารธานินทร์ เกษียรพรมราช อายุ 21 ปี ถูกยิงที่หน้าแข้งขวากระดูกแตกนำส่ง รพ.บันนังสตา แต่พอรถนำผู้บาดเจ็บออกจากบ้านคอลอกาเอถึงบ้านบาเจาะ ต.บาเจาะ ปรากฏว่ามีชาวบ้านหลายร้อยคนส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็กมาชุมนุมปิดล้อมโรงเรียนบาเจาะซึ่งเป็นฐาน ตชด.3201 และถนนในหมู่บ้านพร้อมนำรถยนต์และรถ จยย.นับร้อยคันจอดขวางถนนไว้ โรยตะปูเรือใบ เพื่อประท้วงขับไล่ ตชด. เจ้าหน้าที่ทหารจึงเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นจนถึง รพ.

ม็อบปิดถนนขับไล่ ตชด.

ส่วนเรื่องชาวบ้านบาเจาะ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา ปิดล้อมฐาน ตชด.และถนนประท้วงนั้น เบื้องต้นกลุ่มม็อบเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ ตชด. 3201 ย้ายฐานออกนอกพื้นที่ โดยอ้างว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา นายอิสมาย สามะ พ่อของนายอับดุลเลาะ สามะ ผู้ต้องหาคดีก่อความไม่สงบถูกยิงเสียชีวิต และเชื่อว่าการเสียชีวิตของนายอิสมาย เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ ตชด. เนื่องจากหลังเกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่ ตชด. ในฐานออกมาสกัดจับคนร้ายแต่อย่างใด

ต่อมานายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ รอง ผวจ.ยะลา รักษาการ ผวจ.ยะลา ได้รับรายงานเหตุได้เดินทางไปที่ สภ.อ.บันนังสตา หารือแก้ไขสถานการณ์ โดยมี พล.ต.ต. ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จ.ยะลา พ.อ.ชินวัตร แม้นเดช ผบ.ฉก.1 พ.ต.อ.อนุรุธ อิ่มอาบ ผกก.สภ.อ.บันนังสตา พ.ท.อภินันทน์ แจ่มแจ้ง ผบ.ฉก.12 และนายณัฐกฤช สิทธิโอสถ นอภ.บันนังสตา เข้าร่วมประชุมเพื่อหาข้อยุติ

ส่อพิรุธไม่ยอมให้ดูศพ

ขณะที่ พล.ต.ต.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบก.ภ.จ.ยะลาเปิดเผยหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า กรณีที่กล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงนายอิสมายเสียชีวิตนั้น วันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไปชันสูตรศพ แต่ญาติกลับไม่ยอมให้ดูศพโดยไม่ยอมให้เหตุผลไม่เห็นศพนายอิสมาย ไม่ทราบว่านายอิสมายถูกยิงเสียชีวิตจริงหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ต้องการให้ถอนฐาน ตชด.ออกไปจากหมู่บ้านนั้น หากต้องการให้ถอนกำลัง ตชด.จริง ก็ไม่มีปัญหา พร้อมที่จะถอนออก แต่ต้องเจรจากันก่อน

รัฐอ่อนข้อยอมย้ายฐาน ตชด.


จากนั้นนายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ รักษาการ ผวจ. ยะลา พร้อมคณะและกำลังทหาร ตำรวจ กว่า 100 นาย ได้เดินทางเข้าไปหมู่บ้านบาเจาะเพื่อเจรจากับผู้ชุมนุมโดยมีรถยนต์เก็บกวาดตะปูเรือใบออกนำหน้า ตามด้วยรถหุ้มเกราะอีก 2 คัน พอไปถึงกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งมีเฉพาะผู้หญิงและเด็กซึ่งใช้ผ้าปิดหน้าตาตะโกนไล่เจ้าหน้าที่ ตชด. แถมยังเรียกร้องให้ถอนทหารทั้งหมดออกไปจาก ต.บาเจาะด้วย ระหว่างชุมนุมมีเสียงปลุกระดมดังออกมาทางลำโพงของมัสยิดอยู่ตลอดเวลา ภายหลังการเจรจากับตัวแทนชาวบ้าน ในที่สุดรักษาการ ผวจ.ยะลา ได้รับข้อเสนอที่จะให้ ตชด.ชุด 3201 ที่ตั้งอยู่ภายในโรงเรียนย้ายออกไป แต่ขอเวลา 1 วัน เพื่อจัดเตรียมข้าวของ ส่วนการถอนทหารทั้งหมดใน ต.บาเจาะ ต้องหารือกันอีกครั้งภายใน 7 วัน แล้วจะแจ้งผลให้ทราบ เมื่อกลุ่มม็อบรับทราบผลต่างพอใจสลายตัวในเวลา 18.20 น.

จ่อยิง 2 ชาวสวนยางคาบ้าน

อีกรายในเย็นวันเดียวกัน พ.ต.ต.เจริญ นวมทอง สว. (หน.) สภ.ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา รับแจ้งมีคนร้ายยิงถล่มชาวบ้านแล้วเผาบ้านตาย 2 ศพ ที่บ้านสันติ 2 หมู่ 6 ต.แม่หวาด ไปสอบสวนพร้อมกำลัง และนายสุรชัย วงศ์ศุภลักษณ์ นอภ.ธารโต รุดไปที่เกิดเหตุเป็นบ้านเลขที่ 15 และ 19 ปลูกอยู่ใกล้กัน ถูกไฟไหม้ เสียหายทั้งหมด ตรวจสอบหลังแรกพบศพนางอารีย์ เปียมหิรัญ อายุ 39 ปี เจ้าของบ้าน สภาพศพถูกไฟไหม้เกรียม นอกจากนี้ยังมีรถเก๋งยี่ห้อซีตรอง ทะเบียน กค 3141 ยะลา ถูกไฟไหม้เหลือแต่ซาก ส่วนหลังที่ 2 พบศพนายบุญมิ่ง ละเอียด อายุ 68 ปี เจ้าของบ้าน ถูกไฟไหม้เกรียม สภาพเดียวกัน ตรวจสอบพบรูกระสุนที่กะโหลกศีรษะ นอกจากนี้ยังมีบ้านไม่มีเลขที่อีกหลังอยู่ห่างกันประมาณ 50 เมตร ของนายสมมุ่ง ไกรนอก อายุ 46 ปี ถูกยิงเสียหายเล็กน้อย ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และกระสุนปืนลูกซองตกอยู่เกลื่อน

จุดไฟเผาบ้านพร้อมศพเหยื่อ

จากการสอบสวนทราบว่า นางอารีย์และนายบุญมิ่ง เป็นเพื่อนบ้านกันมีอาชีพทำสวนยางพาราและสวนผลไม้ทั้งคู่ ขณะทั้ง 2 พักผ่อนอยู่ในบ้านมีคนร้ายร่วม 10 คน ขับรถกระบะมาจอดหน้าบ้าน แล้วสาดกระสุนยิงถล่มบ้านเหยื่อเสียงดังหูดับตับไหม้ เป็นเหตุให้นางอารีย์ และนายบุญมิ่งถูกกระสุนปืนบาดเจ็บสาหัส จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปในบ้านใช้ปืนจ่อยิงซ้ำคนทั้ง 2 ก่อนใช้น้ำมันเบนซินราดภายในบ้านแล้วจุดไฟเผา หลังเสียงปืนสงบ ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงพยายามช่วยดับไฟแต่ไม่สำเร็จ เพราะเปลวไฟได้ลุกลามไหม้บ้านเกือบวอดหมดแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเป็นการก่อความไม่สงบของพวกโจรใต้

กับดักมรณะบึมทหารดับ 2


ต่อมาเวลา 21.00 น. วันเดียวกัน ขณะที่ พ.อ.เชษฐา ตรงดี หัวหน้าชุดสันติสุข สังกัดหน่วยรบพิเศษ นำกำลังนั่งรถกระบะออกลาดตระเวนบนถนนสายยะลา-เบตง ผ่านสามแยกบ้านบันนังบูโย หมู่ 2 ต.บันนังสาเรง อ.เมืองยะลา เกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่กลางถนน แรงระเบิดทำให้รถพังยับเยินเสียหายทั้งคัน และทหารบนรถร่างกระเด็นไปคนละทิศละทาง เป็นเหตุให้ ส.อ.สุรศักดิ์ แคนาดี อายุ 30 ปี กับ จ.ส.อ.ธงชัย ทองแถว อายุ 40 ปี เสียชีวิตคาที่ และบาดเจ็บอีก 3 นาย คือ พ.อ.เชษฐา ตรงดี ส.อ.เกรียงไกร ศรีสกุล อายุ 22 ปี และ จ.ส.อ.สุธน พรหมสนธิ อายุ 40 ปี

หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.สักรินทร์ บำเพ็ญสมัย รอง ผกก.(ป.) สภ.อ.เมืองยะลา พ.ต.ต.วิรัตน์ ดำคง สวป. นำกำลังไปที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าบนถนนสายมลายูบางกอก-บ้านพงยือไร ซึ่งเป็นเส้นทางลัดไปที่เกิดเหตุ ถูกคนร้ายโปรยตะปูเรือใบดักไว้เกลื่อนทำให้ยางรถเสียหลายคัน หลังเคลียร์เส้นทางแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รุดไปนำคนเจ็บส่ง รพ.ศูนย์ยะลา จากการตรวจที่เกิดพบสายไฟฟ้าลากเข้าไปในป่าริมถนนยาวร่วม 100 เมตร เชื่อว่าคนร้ายแอบฝังระเบิดไว้ผิวถนนเป็นกับดักและซุ่มรอจังหวะลงมือ กระทั่งรถทหารตระเวนผ่านมาจึงกดระเบิดด้วยสายไฟฟ้า

ดับโหดครูบำนาญคาจักรยาน

ส่วน จ.ปัตตานี พ.ต.ต.อนุสรณ์ จันทร์กลับ สารวัตรเวร สภ.อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งมีคนถูกยิงบนถนนสายมายอ-ยะรัง หมู่ 4 บ้านจะแบปะ ต.ระแวง นำกำลังไปที่เกิดเหตุพบรถจักรยานของเหยื่อกระสุนล้มข้างทางกับกองเลือดจำนวนมาก ส่วนคนถูกยิงได้นำส่ง รพ.ยะรัง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อนายทะนง เหมแก้ว อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 3 บ้านท่าด่าน ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง ถูกยิงด้วยปืน .38 เข้าศีรษะ 2 นัด สอบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นข้าราชการครูบำนาญ ก่อนเกิดเหตุขณะถีบรถจักรยานสองล้อบนถนนถูกคนร้าย 2 คนซ้อน จยย.ประกบยิง

ค้นหมู่บ้านจับ 5 ผู้ต้องสงสัย

ทางด้าน จ.กระบี่ กรณีกำลังทหาร 300 นาย เข้าตรวจค้นบ้านช่องไม้ดำ หมู่ 5 ต.คลองหิน อ.อ่าวลึก ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อพยพมาจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้และควบคุมตัวชาวบ้านที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยแนวร่วมโจรใต้ไป 5 คนนั้น ต่อมาบ่ายวันเดียวกัน นายประเสริฐ เวาะโซะ อายุ 43 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านช่องไม้ดำ เปิดเผยเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งจากทหารชุดตรวจค้นว่า ชาวบ้านทั้ง 5 คน ประกอบด้วย 1. นายสตอปา อาแว อายุ 50 ปี 2. นายชาตรี กียะ อายุ 31 ปี 3. นายมะยี แซะอุเซ็ง อายุ 24 ปี 4. นายรอยะ อายุ 35 ปี และ 5. นายแซะ รอแซะ อายุ 35 ปี ซึ่งนายแซะเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านใน อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ถูกคุมตัวอยู่ภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ปัตตานี แต่ยังไม่ให้เข้าเยี่ยม โดยขอเวลาสอบสวนอีก 7 วัน

นอภ.เตรียมชี้แจงผู้นำท้องถิ่น


นายประเสริฐกล่าวอีกว่า หลังจากทหารจับกุมชาวบ้าน ได้มีข้าราชการในพื้นที่เข้าไปให้กำลังใจและปลอบใจว่าไม่ต้องกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้นายประสิทธิ์ ภูชัชวนิชกุล นอภ.อ่าวลึก จะชี้แจงรายละเอียดและทำความเข้าใจให้ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทราบเพื่อจะได้นำกลับไปบอกให้ชาวบ้านเข้าใจ สำหรับข้อหาผู้ถูกจับกุมนั้น ตนยังไม่ทราบว่าถูกตั้งข้อหาใดบ้าง ในเบื้องต้นทราบเพียงข้อหา 2 รายคือนายแซะ รอแซะ กับนายชาตรี กียะ มีอาวุธปืนไว้ ในครอบครอง

ส่วนประสิทธิ์ ภูชัชวนิชกุล นอภ.อ่าวลึก กล่าวว่า จะเรียกผู้นำชุมชน ทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านมาประชุม เพื่อชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้หลายคนสงสัยว่าผู้ที่ถูกจับไปนั้นเป็นแกนนำป่วนพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ แต่จริงๆแล้วเป็นเพียงแค่ผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ต้องรอการสอบสวนจากทางทหารให้ชัดเจนก่อน

ทุ่มงบสร้างโรงเรียน 5 แห่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 7 พ.ย.นี้ กระทรวงศึกษาธิการจะเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติโครงการจัดตั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 5 โรงใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้วงเงิน 292,670,000 บาท โดยใช้งบประมาณปี 2550, 2551 และ 2552 รวมทั้งขออนุมัติอัตราข้าราชการครู 305 อัตราและลูกจ้างประจำ 44 อัตรา เพื่อรองรับเด็กด้อยโอกาส เด็กกำพร้า และเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่มีผู้ดูแลเลี้ยงดูอุปการะ และเพื่อเสริมสร้างโอกาสและความเสมอภาคแก่เด็กด้อยโอกาสในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับบริการการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรม และมีคุณภาพ

สร้างห้องเรียนน็อกดาวน์

คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานสรุปโรงเรียน 4 แห่งในจังหวัดยะลาที่ถูกลอบวางเพลิงแล้ว ทราบว่าเด็กได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่เรียน จึงได้หารือกับรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ซึ่งมีห้องเรียนน็อกดาวน์จะนำลงไปประกอบให้โรงเรียนบ้านบางลาง 8 ห้องเรียน และโรงเรียนบ้านสาคู 4 ห้องเรียน และเร่งสร้างส่วนที่เหลือ ทั้งนี้ระหว่างที่ประกอบห้องเรียนอยู่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะจัดสรรเงินให้ไปเช่าเต็นท์ให้นักเรียนก่อน จากนั้นจะจัดสรรงบสร้างอาคารเรียนใหม่ ส่วนอีก 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนบ้านเตาปูน และบ้านป่าหวังใน ไม่เดือดร้อนอาคารสถานที่ เพราะยังมีห้องเรียนและจำนวนเด็กไม่มาก แต่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน จะเร่งจัดส่งไปให้

สนธิ-มท.1 ยังหวังสมานฉันท์


ขณะที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และ ประธาน คมช. กล่าวถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ว่า ขณะนี้ผู้ก่อความไม่สงบได้แยกตัวจากสังคมแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลาและยอมรับในข้อเท็จจริงภายใต้กรอบความสมานฉันท์ในการแก้ไขปัญหา เชื่อว่ากลไกต่างๆทำงานและสถานการณ์ต่างๆก็น่าจะดีขึ้น

ส่วนนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องลำบากที่จะไปบังคับให้การก่อเหตุลดน้อยลง เพราะเป็นเรื่องของคนที่คิดไม่ดี คนที่คิดร้าย เรายังยืนยันถึงความรักความสมานฉันท์ซึ่งนายกฯให้คำมั่นว่าจะทำงานด้วยความรักความสามัคคี และได้ขอโทษในความผิดที่เกิดขึ้น น่าจะทำให้ประชาชนในพื้นที่มีความเข้าใจ เว้นแต่คนที่ก่อเหตุยังมีความไม่เข้าใจหรืออาจจะมีเจตนาอื่น และเชื่อว่าหลังฟื้นศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) สถานการณ์จะคลี่คลายลง ขอยืนยันจะทำอย่างดีที่สุดจะให้ความรักกับพี่น้องประชาชน เหมือนกับที่ให้ความรักกับคนทั่วประเทศ ความคิดที่น้อยเนื้อต่ำใจว่า คนภาคใต้ได้รับแตกต่างจากภาคอื่นจะไม่ให้มีเกิดขึ้นอีก นายอารีย์กล่าว

ติงแค่ขอโทษเรื่องยังไม่ยุติ

ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้ นายกฯ จะประกาศขอโทษประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้แล้ว แต่เชื่อว่าความรุนแรงยังคงมีอยู่ เพราะมีหลายเหตุผลประกอบกัน ต้องมองที่ภาพรวม อย่าไปเข้าใจว่าเหตุเกิดจากเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะมีเหตุผลหลายด้านรวมถึงความคิดที่จะแบ่งแยกดินแดนยังมีอยู่พอสมควร เรื่องการไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นเพียงอีกข้อหนึ่ง แต่ความคิดเรื่องการเมืองมีมานานก่อนเหตุผลอื่นจะบอกว่าส่วนนี้หมดไปแล้วนั้นไม่จริง การออกมาขอโทษแล้วเรื่องจะยุติไปโดยอัตโนมัติคงไม่ใช่

การแก้ปัญหาต้องเข้าไปดูภาพของความเป็นจริงทั้งหมด และปรับโครงสร้างที่จัดใหม่นี้ให้สอดคล้องกับการแก้ปัญหา ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เข้มแข็ง คิดจะทำอะไรต้องมองเผื่อไว้ด้วย เช่นคิดจะถอนฟ้องผู้ต้องหา ก็ต้องมองเผื่อด้วยว่าจะเกิดผลอะไรติดตามมาหรือไม่ ถ้าคิดเพียงว่าถ้าคนนั้นไม่ผิด แต่ต้องฟ้องเพราะเป็นนโยบาย อย่างนี้ไม่ควรทำ แต่ถ้ากระทำความผิดเกิดขึ้นต้องยึดกฎหมายไว้จะได้ตอบคำถามได้ เมื่อไทยพุทธ ไทยมุสลิม ได้รับการปฏิบัติที่ต่างกันจะทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี นายชวนกล่าว

แนะใช้กฎหมายให้เท่าเทียมกัน

ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า หากมีใครถามถึงการปฏิบัติที่ต่างกันระหว่างไทยพุทธ ไทยมุสลิมก็จะได้ตอบเขาได้ว่า เรายึดหลักของบ้านเมือง อย่าพยายามให้มีข้อแตกต่างระหว่างคนไทยในพื้นที่ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาใด ถ้าทำผิดก็ต้องให้รับผิด ถ้าไม่ทำผิดก็อย่าไปยัดเยียดข้อหา เมื่อถามว่ารัฐบาลควรอธิบายกับประชาชนถึงเหตุผลในการถอนฟ้องคดีตากใบ ด้วยหรือไม่ นายชวนตอบว่า การถอนฟ้องทำได้ถ้ารู้อยู่ว่าคนเหล่านั้นไม่ผิด แต่ถ้าผิดแล้วถอนฟ้องจะอธิบายอย่างไรการยึดหลักไม่ใช่การไม่ประนีประนอม แต่การประนีประนอมคือการให้ทุกฝ่ายอยู่ภายใต้การปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน ไม่อย่างนั้นหากไทยพุทธหรือไทยมุสลิมถูกฟ้องอีกก็ต้องถอนฟ้อง

ความผิดพลาดอย่างรุนแรงที่สุดของระบอบ ทักษิณ คือไปทำเรื่องนอกกฎหมาย จนคนเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้ง แล้วอธิบายไม่ได้ แต่ช่วงนั้นมีกระแสสนับสนุนรัฐบาลมาก คนจึงไม่กล้าพูด มีแค่คนเดียวที่กล้าท้วงติงคือรองแม่ทัพภาคที่ 4 ส่วนฝ่ายการเมืองก็พรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนั้นไม่มีใครกล้า จนเป็นปัญหาบานปลายร้ายแรงของบ้านเมือง ดังนั้นอย่าให้เกิดความขัดแย้ง ปัญหาความไม่สงบมีอยู่แล้ว แต่อย่าทำให้พี่น้องพุทธ มุสลิม เกิดความรู้สึกขัดแย้งกันเองมากกว่านี้ นายชวนกล่าว


แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์