เตือนโจรใต้ยิงพระมรณะไม่ใช่เรื่องขัดแย้งศาสนา

คมชัดลึก :โจรใต้ซิ่ง จยย.ใช้อาก้ายิงพระขณะบิณฑบาตมรณภาพ 1 สาหัส 1 ที่ยะลา แม่ทัพภาค 4 ขอพระหยุดบิณฑบาตชั่วคราว วางกำลังคุมเข้มทั้งวัด-มัสยิดทั่วพื้นที่ "สุเทพ" ยันยิงพระสงฆ์ไม่ใช่เป็นการแก้แค้น มั่นใจไม่ใช่สงครามศาสนา ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ชี้โจรใต้หวังเพิ่มเงื่อนไขดึงความสนใจโอไอซี อดีต กอส.เผยไฟใต้ลาม บีบรัฐคายอำนาจ เปิดเขตปกครองพิเศษ


 เหตุการณ์คนร้ายยิงพระภิกษุขณะบิณฑบาตที่ จ.ยะลา เปิดเผยเมื่อเวลา 06.20 น. วันที่ 12 มิถุนายน ศูนย์รวมข่าว สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นพระ ที่ถนนสายท่าสาป-ดอนยาง หมู่ 5 บ้านคลองทรายใน ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา พ.ต.อ.ชัยทัต อินทนูจิตร รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา และนายกฤษฎา บุญราช รองผู้ว่าฯ ยะลา นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ

 ที่เกิดเหตุหน้าบ้านเลขที่ 69/1 ซึ่งเป็นบ้านของนางเจียม ไชยหมาน พบพระสมบัติ ศรีสุวรรณวิเชียร อายุ 60 ปี เพิ่งบวชได้ 1 พรรษา มรณภาพ สภาพถูกยิงเข้าที่หลังหลายนัด นอกจากนั้นยังมีพระธวัชชัย ไชยหมาน อายุ 24 ปี เพิ่งบวชได้ 15 วัน ถูกยิงเข้าที่สีข้างซ้าย อาการสาหัสถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่ 5 ปลอก และหัวกระสุนอาก้า 1 หัว บาตรพระกับข้าวสุกกระจายเกลื่อน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

 จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่พระทั้งสองรูป ซึ่งเป็นพระวัดวารุการาม หรือวัดคลองทราย อยู่ใน หมู่ 5 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เดินบิณฑบาตตามปกติ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายเป็นชายวัยรุ่นสวมเสื้อกีฬา 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอด พร้อมชักอาวุธปืนอาก้ายิงใส่ทันที จนพระสมบัติมรณภาพ และพระธวัชชัยได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายจึงหลบหนีไป

 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความแตกแยกระหว่างศาสนาในพื้นที่ หลังจากเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา คนร้ายเพิ่งบุกเข้าไปยิงชาวไทยมุสลิมเสียชีวิตถึง 10 คน ในมัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

พระเตือนไม่ใช่เรื่องขัดแย้งศาสนา

 ต่อมาเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เคลื่อนย้ายศพพระสมบัติมายังวัดเพื่อเตรียมประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีพุทธศาสนิกชนในพื้นที่มาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก

 พระสมุห์คล่อง สุทธิประภาโส เจ้าอาวาสวัดคลองทรายใน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสลดใจเป็นอย่างยิ่ง วัดคลองทรายในไม่เคยเกิดเหตุร้ายมาก่อนจึงสร้างความตื่นตระหนกให้แก่พระภิกษุ และประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงที่เป็นหมู่บ้านไทยพุทธ

 “ตอนที่พระสงฆ์ออกบิณฑบาตในช่วงหลัง ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเดินตาม แต่จะมานั่งเฝ้าอยู่เป็นจุด ซึ่งทหารก็ได้แวะเวียนมาในช่วงเช้า อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แล้วแต่หน่วยจะจัดส่งมา" พระสมุห์คล่องกล่าวและว่า แม้พระจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะให้หยุดบิณฑบาตคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นกิจของสงฆ์ อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้คงจะหยุดบิณฑบาตสักพัก จึงอยากให้ชุดทหาร ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน เข้ามาคุ้มครองในยามที่เดินบิณฑบาตด้วย

มทภ.4ขอพระงดบิณฑบาตไปก่อน

  พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4) กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังติดตามคนร้ายอยู่ แต่คงให้รายละเอียดมากไม่ได้ เมื่อถามว่า การก่อเหตุกับพระ หลังจากก่อนหน้านี้มีเหตุกราดยิงในมัสยิด ถือเป็นความพยายามสร้างขัดแย้งทางศาสนาใช่หรือไม่ พล.ท.พิเชษฐ์กล่าวยอมรับว่า มีความเห็นเช่นนั้น และล่าสุดก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่กังวลขึ้นจริงๆ

 ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยสถานที่สำคัญทางศาสนา ทั้งวัด และมัสยิด พล.ท.พิเชษฐ์กล่าวว่า ต้องรักษาความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น และต้องใส่ใจในรายละเอียดมากกว่าเดิม ส่วนจะส่งกำลังไป รปภ.หรือไม่ก็ให้เป็นดุลพินิจของ ผบ.หน่วย จะพิจารณาเอง มาตรการ รปภ. มีหลายวิธีการ ซึ่งการส่งกำลังไปอารักขา อาจไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุดก็ได้ เรามีวิธีการ รปภ.หลายวิธี คงไม่เลือกใช้เพียงวิธีเดียว

 เมื่อถามว่า ในช่วงนี้จะให้มีการงดบิณฑบาตไปก่อนหรือไม่ มทภ.4 กล่าวยอมรับว่า "ถ้าเป็นไปได้ คงต้องงดไปก่อน"  
 
 แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ ถูกสร้างกระแสให้เกิดความไม่เข้าใจและสับสนมาสู่พี่น้องประชาชน ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบในเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างสุดซึ้ง และขอร้องให้พี่น้องประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่าได้ตกเป็นเครื่องมือ ให้เหตุการณ์มาทำลายความร่วมมือของเรา ที่กำลังเดินทางไปในแนวทางที่ถูกต้อง

 "ขอให้พี่น้องประชาชนอดกลั้นและอดทน อย่าใช้ความรุนแรงในการที่จะสร้างความขัดแย้ง รวมทั้งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทหารดูแลทุกส่วน และเข้มงวด ส่วนที่มองว่าในช่วงหลัง เจ้าหน้าที่ไม่ค่อยเข้าไปดูรักษาความปลอดภัยพระนั้น จริงๆ แล้วก็มีการดูแลอยู่ และบางส่วนก็มีกองกำลังประชาชนช่วยดูแล แต่เหตุการณ์นี้คนร้ายต้องการสร้างความแตกแยก เนื่องจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว

วางกำลังคุมเข้มทั้งวัดและมัสยิด

 นายกฤษฎา บุญราช รองผู้ว่าฯ ยะลา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการและประสานให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองทุกระดับ เร่งสร้างความเข้าใจและเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างเร่งด่วนแล้ว โดยเฉพาะการเข้าไปวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยทุกรูปแบบทั้งในส่วนของวัดที่มีมากกว่า 2,000 แห่ง และมัสยิดที่มีอยู่ในพื้นที่อีกนับหมื่นแห่ง เพื่อป้องกันการสร้างสถานการณ์ตอบโต้กันไปมาซ้ำอีก เป็นการเร่งควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เพิ่มอุณหภูมิที่ร้อนแรงไปมากกว่านี้ ก่อนที่สงครามทางความรู้สึกของประชาชนจะแตกแยกกันอย่างรุนแรง
 
   นายกรธวัช รัตนโชติ ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดยะลา กล่าวว่า ได้ร่วมประชุมกับรองผู้ว่าฯ ยะลา และเจ้าคณะปกครองฝ่ายสงฆ์ในพื้นที่ โดยให้พระภิกษุสงฆ์ที่จำวัดทุกแห่งในพื้นที่ให้ใช้ดุลพินิจพิจารณาตามความเหมาะสมในกรณีที่ต้องบิณฑบาตนอกวัด หากไม่มั่นใจในความปลอดภัย สามารถงดเดินทางออกนอกวัดได้ โดยจะประสานให้ชาวบ้าน หรือพุทธศาสนิกชนที่อยู่ใกล้วัดให้ไปใส่บาตรที่วัดเพื่อลดอัตราเสี่ยงเหตุรุนแรงในช่วงนี้

"สุเทพ"ชี้โจรใต้ยิงพระไม่ใช่เรื่องแก้แค้น

 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ยิงพระภิกษุมรณภาพเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยหลายฝ่ายมองว่าอาจจะเป็นการแก้แค้น ว่า ไม่ทราบสาเหตุ แต่ได้รับรายงานด้วยความสลดใจเหมือนกับพี่น้องประชาชนคนไทยกรณีที่มีการทำร้ายพระภิกษุ ซึ่งเหตุการณ์นี้หายไประยะหนึ่งแล้วแต่ก็กลับมาใหม่ วันที่ 13 มิถุนายนจะลงไปภาคใต้ก็จะไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ดูแลพระภิกษุสงฆ์ ดูแลชาวบ้านด้วยความเข้มข้น เข้มแข็งมากขึ้น เราต้องอดทนเป็นพิเศษ ไม่มีเรื่องของการแก้แค้น เราช่วยกันแก้ปัญหา

 รองนายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้กระทรวงการต่างประเทศไปชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีคนร้ายบุกกราดยิงในมัสยิด และจะให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีไปที่โอไอซีเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

ชี้หวังดูดความสนใจจากโอไอซี

 พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา กล่าวว่า การก่อความรุนแรงอย่างมีนัยของคนร้ายในช่วงนี้ คาดว่าต้องการสร้างกระแสก่อนที่จะมีการประชุมองค์การที่ประชุมอิสลามโลก หรือโอไอซี อีกครั้งในเดือนหน้า ทั้งนี้กลุ่มก่อความไม่สงบหวังสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งในความรู้สึกของคนต่างศาสนาในพื้นที่ เพื่อให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับไปอยู่ในความสนใจในสายตานานาชาติให้ได้โดยเร็วอีกครั้ง

 ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้กล่าวว่า เหตุการณ์ยิงพระจนมรณภาพเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจ และช็อกความรู้สึกคนทั้งประเทศอีกครั้ง ตลอด 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และเป็นการเพิ่มกระแสความรู้สึกในพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นการเร่งสถานการณ์ให้เข้าสู่วงจรความรุนแรงมากที่สุดอีกครั้ง การสร้างสถานการณ์โดยอาศัยเหยื่อซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา และเปราะบางทางความรู้สึก จะจุดกระแสและผลักดันสถานการณ์เข้าสู่วงจรความรุนแรงได้รวดเร็วกว่าปฏิบัติการอื่นๆ โดยเฉพาะการกระตุ้นความสนใจจากสื่อ ซึ่งจะเป็นหนทางในการเรียกความสนใจจากต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการยกระดับปัญหาชายแดนภาคใต้สู่สากลได้อย่างรวดเร็ว

ชี้ไฟใต้ลาม บีบรัฐเปิด "เขตปกครองพิเศษ"

 นายวรวิทย์ บารู ส.ว.สรรหา นักวิชาการด้านสันติวีธี อดีตกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กล่าวว่า สิ่งที่ต้องระวังคือขณะนี้กลุ่มที่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดนต้องการที่จะขยายผลความขัดแย้งให้เป็นสงครามทางศาสนา ทั้งที่สาเหตุของความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นการยิงในมัสยิด หรือการยิงพระสงฆ์ อาจจะเป็นความขัดแย้งหรือล้างแค้นกันในระดับพื้นที่ แต่ก็ถือว่าเข้าทางขบวนการดังกล่าวที่ต้องการจะแสดงให้องค์กรระหว่างประเทศได้เห็นว่ารัฐไทยไม่สามารถปกครองพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยได้ กลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว หรือ Fail State เข้ามาแทรกแซงแล้วเราจะสูญเสียดินแดนนั้นไป

 "วันนี้อย่ามองว่าการเสีย จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี จ.ยะลา และบางส่วนของ จ.สงขลา เป็นเรื่องล้อเล่นอีกต่อไป เพราะขณะนี้ปัจจัยที่กลุ่มขบวนการจะนำไปอ้างกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อให้สนับสนุนในการสร้างรัฐปัตตานี ก็เริ่มจะสมบูรณ์ทั้งเรื่องจำนวนชาวมุสลิมที่มีเป็นส่วนใหญ่ หรือการกระทำที่รุนแรงจากฝ่ายรัฐ บวกกับเครือข่ายมุสลิมที่อยู่ในประเทศแถบยุโรปทั้งสวีเดน เยอรมนี ที่จะช่วยกดดันนานาชาติอีกทางหนึ่ง" นักวิชาการรายนี้กล่าว

 นายวรวิทย์เสนอว่า รัฐไทยวันนี้ต้องคิดในเรื่องรูปแบบการปกครองพิเศษในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะใช้มาตรการอย่างที่เป็นอยู่คือการทุ่มกำลังพล กำลังอาวุธ กำลังเงินมหาศาลเข้าไป พิสูจน์แล้วว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ทางออกคือต้องยอมรับว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความเป็นพิเศษไม่เหมือนพื้นที่อื่น ถึงเวลาแล้วที่จะมีแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ตัวเองโดยตัวเขาเอง ซึ่งรูปแบบการปกครองแบบใหม่ตามที่นักวิชาการเคยศึกษากันมา

 "ยกตัวอย่างว่า ตั้งทบวง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นมาโดยมีปลัดกระทรวง 3 คน อยู่ในพื้นที่ แต่การบริหารการปกครองก็เป็นหน้าที่ของคนในพื้นที่ เพราะวันนี้ระบบการปกครองมีความสมดุลเกิดขึ้น เห็นได้จากคนมุสลิมในพื้นที่ 80 เปอร์เซ็นต์ ชาวไทยพุทธ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ข้าราชการมีไทยพุทธ 94 เปอร์เซ็นต์ คนมุสลิมเพียง 6 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นต้องยอมรับให้เกิดการปกครองรูปแบบพิเศษเพื่อให้ประเทศไทยยังมีจังหวัด ครบ 76 จังหวัด ซึ่งแนวทางนี้จะเป็นการบีบให้กลุ่มที่สร้างความรุนแรงต้องหยุดปฏิบัติการเพราะเมื่อประชาชนมีสิทธิมีเสียงของตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับรัฐไทยอีกต่อไป" นายวรวิทย์กล่าว

ผบ.ทบ.ชี้คนยิงมัสยิดไม่ใช่จนท.รัฐ

  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามผู้ก่อเหตุกราดยิงมัสยิดอัลฟุรกอน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ว่า ขณะนี้ดูจากหลักฐานพบว่าหนึ่งในอาวุธที่ผู้ก่อเหตุนำมาใช้เป็นอาวุธที่เคยก่อเหตุทำร้ายประชาชนมาก่อน

 เมื่อถามว่า จากหลักฐานที่ได้จะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความสบายใจได้หรือไม่ว่าประชาชนจะเข้าใจว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่อย่างที่มีการโจมตีกันอยู่ในเวลานี้ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า พูดตามข้อเท็จจริงและสภาพแวดล้อม หมู่บ้านดังกล่าวให้ความร่วมมือกับราชการอย่างใกล้ชิดดีมาก หน้าที่ถือว่าหมู่บ้านนี้เป็นฝ่ายเราค่อนข้างสูง อีกทั้งสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นไทยมุสลิม และหมู่บ้านไทยพุทธที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ห่าง 3 กิโลเมตร การที่ผู้ก่อการร้ายพยายามใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เมื่อถามว่า มั่นใจได้แค่ไหนว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงมากกว่านี้ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ก็ต้องคุมได้

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ในการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อค่ำวันที่ 11 มิถุนายน ได้กำชับและเร่งรัดเจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีผู้ที่กระทำความผิด วิธีที่ดีที่สุดคือการเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะมีข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องที่น่าจะเป็นประโยชน์ ซึ่งการได้ตัวคนร้ายจะเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าไม่ใช่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ

องค์กรชาวพุทธประณามคนร้ายยิงพระ

 พระครูปลัดสุวัฒนจริยคุณ เลขาธิการองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย กล่าวว่า องค์กรชาวพุทธทั่วประเทศจะประชุมร่วมกันเพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ในพื้นที่ดังกล่าว ในวันที่ 14 มิถุนายน ที่วัดราชาธิวาส กทม. เพราะเท่าที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่พบว่าภาครัฐยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์เท่าที่ควร ส่วนตัวแล้วขอประณามการกระทำดังกล่าว เพราะขนาดพระสงฆ์ออกปฏิบัติศาสนกิจอย่างสงบยังถูกทำร้ายจนเสียชีวิต

 ด้านนางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า เจ้าคณะจังหวัดยะลา และ จ.ยะลา ได้ประชุมหารือถึงแนวทางการป้องกันเหตุกับพระสงฆ์แล้ว ในเบื้องต้น สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยะลา จะประกาศเตือนไปยังเจ้าอาวาสทุกวัดให้ระมัดระวังความปลอดภัยระหว่างบิณฑบาตมากขึ้น หากเห็นว่าพื้นที่วัดไหนไม่ปลอดภัยควรงดออกบิณฑบาต พศ.จะนำข้าวสารอาหารแห้งไปถวาย และอยากให้พุทธศาสนิกชนช่วยนำอาหารไปถวายที่วัดแทน แต่วัดไหนเห็นว่า ยังสามารถออกบิณฑบาตได้ ก็ให้แจ้งเส้นทาง เวลา ที่จะออกบิณฑบาตต่ออาสาสมัครรักหมู่บ้าน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่พระสงฆ์ด้วย

เผยสถิติพระตกเป็นเหยื่อไฟใต้อื้อ

 ข้อมูลจากโต๊ะข่าวภาคใต้ศูนย์ข่าวอิศรา ระบุว่า เหตุลอบทำร้ายพระสงฆ์เว้นระยะมาค่อนข้างนาน ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุประทุษร้ายภิกษุ คือเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551 วันนั้นคนร้ายลอบวางระเบิดดักสังหารทหารชุดคุ้มครองพระ ขณะอารักขาพระสงฆ์ออกบิณฑบาต เหตุเกิดบริเวณหลังโรงพักบาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส แต่ชาวบ้านรับเคราะห์แทน ได้รับบาดเจ็บ 2 คน

 ส่วนเหตุการณ์ที่สะเทือนใจชาวพุทธมากที่สุดตลอด 5 ปีของความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือเหตุการณ์ที่คนร้ายบุกสังหารพระและเด็กวัดถึงในวัดพรหมประสิทธิ์ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2548  เที่ยงคืนเศษของวันนั้น คนร้ายที่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 10 คน ใช้อาวุธปืนยิง นายสถาพร สุวรรณรัตน์ อายุ 15 ปี นายหาญณรงค์ คำอ่อน อายุ 17 ปี เด็กวัดพรหมประสิทธิ์ และยังใช้ของมีคมทำร้ายพระแก้ว อายุ 76 ปี จนมรณภาพ ก่อนจะเผากุฏิวอดไปอีก 3 หลัง

 จากสถิติที่ฝ่ายสงฆ์เก็บรวบรวมเอาไว้ พบว่าในปี 2547 เกิดเหตุระเบิดระหว่างพระออกบิณฑบาต 3 ครั้ง ทำร้ายพระอีก 3 ครั้ง และวางเพลิงเผาวัด 1 ครั้ง ส่งผลให้มีพระสงฆ์มรณภาพ 3 รูป บาดเจ็บ 1 รูป ปี 2548 มีเหตุระเบิดระหว่างบิณฑบาต 7 ครั้ง ทำร้ายพระ 1 ครั้ง และวางเพลิงอีก 1 ครั้ง มีพระสงฆ์มรณภาพ 2 รูป บาดเจ็บ 6 รูป

 ปี 2549 เป็นปีที่มีเหตุร้ายกับพระสงฆ์ถี่ที่สุด โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายน-พฤศจิกายน แค่นราธิวาสจังหวัดเดียวมีเหตุการณ์เกิดขึ้นถึง 6 ครั้ง แยกเป็นเหตุการณ์ลอบยิงเข้าไปในวัด 4 ครั้ง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และลอบวางระเบิดพระอีก 2 ครั้ง มีพระบาดเจ็บรวม 6 รูป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์