เจ้าบ่าวสวรรค์ล่ม สาว 19 หนีเรือนหอ

"สินสอด 6 หมื่น ทอง 4 บาท"


เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 4 ม.ค. นายเชิด กลิ้งกลางดอน อายุ 56 ปี เจ้าของโรงสีข้าววิเชียรบุรี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 1 ต.โคกปรุง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ได้พานายเสนาะ กลิ้งกลางดอน อายุ 29 ปี ลูกชาย พร้อมญาติพี่น้องกว่า 30 คน เข้าพบ พ.ต.ท.วิบูลย์ เป็นสูงเนิน สารวัตรเวร สภ.อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ขอให้เรียกตัวนางประดิษฐ์ พรมจันทึก อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 หมู่ 4 บ้านวังโรงน้อย ต.กฤษณา อ.สีคิ้ว และบุตรสาวชื่อ น.ส.สุดารัตน์ พรมจันทึก อายุ 19 ปี มาตกลงคืนสินสอดทองหมั้น หลังจากที่นายเสนาะแต่งงานกับ น.ส.สุดารัตน์แล้ว แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมให้ร่วมหลับนอนฉันสามีภรรยา

นายเสนาะเปิดเผยด้วยสีหน้าเศร้าหมองว่า เป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงหมูอยู่ที่ อ.วิเชียรบุรี ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มาเที่ยวบ้านเพื่อนที่บ้านวังโรงน้อย อ.สีคิ้ว ได้พบกับ น.ส.สุดารัตน์โดยบังเอิญ ขณะนั้นยังเรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนใกล้บ้าน ทันทีที่พบหน้าก็เหมือนศรรักปักอกตกหลุมรักทันที พยายามแวะเวียนไปหาทำความรู้จักและซื้อของไปให้ฝ่ายหญิงที่บ้านเป็นประจำ กระทั่ง น.ส.สุดารัตน์เรียนจบ จึงขอให้พ่อแม่มาสู่ขอจากนางประดิษฐ์ ผู้เป็นมารดา ได้เรียกลูกสาวมาสอบถามก็ยินยอมตกลงปลงใจ โดยนางประดิษฐ์ได้เรียกสินสอดเป็นเงินสด 6 หมื่นบาท กับทองคำหนัก 4 บาท กำหนดแต่งงานกันในวันที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา

"เรียกตัวมาสอบถาม คืนเงินและสินสอดให้"


เจ้าบ่าวสวรรค์ล่มเล่าต่อไปว่า ครอบครัวเจ้าสาวมีอาชีพทำไร่ข้าวโพด ฐานะไม่ดีนัก แต่เพื่อรักษาหน้าให้ ตนจึงทุ่มทุนจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต เลี้ยงโต๊ะจีนแขกเหรื่อทั้งหมู่บ้านกว่า 100 โต๊ะ หลังงานเลี้ยงผ่านไปถึงเวลาส่งตัวเข้าห้องหอที่บ้านเจ้าสาว ปรากฏว่าในคืนแรก น.ส.สุดารัตน์อ้างว่าปวดหัวและปวดฟัน ไม่ยอมให้หลับนอนด้วย วันต่อมาก็ยังไม่ยอมให้เข้าใกล้เช่นเดิมอ้างว่ามีประจำเดือน ก็ไม่ว่าอะไร คิดว่าคงจะอายเพราะยังเด็กอยู่ จึงอดทนนอนนอกห้องถึง 3 คืน จากนั้นก็พากลับบ้านที่ อ.วิเชียรบุรี แต่แทนที่จะทำตัวเหมือนผัวเมียคู่อื่น น.ส.สุดารัตน์กลับเอาแต่นอนดูโทรทัศน์และนั่งโทรศัพท์อยู่แต่ในห้องทั้งวัน โดยให้ตนซื้อบัตรเติมเงินมาให้ถึงวันละ 600 บาท หนำซ้ำยังไม่ยอมให้เข้าไปนอนใกล้เหมือนเดิม พอถามก็บอกว่ายังปวดฟันและบ่นว่าอยากกลับบ้านเพราะคิดถึงแม่ จึงนำเรื่องไปปรึกษาพ่อแม่และญาติๆ พร้อมเรียก น.ส. สุดารัตน์มาสอบถาม กลับเอาแต่นั่งร้องไห้ ตัดสินใจพากลับไปส่งที่บ้าน โดยเรียกขอสินสอดทั้งหมดคืน แต่นางประดิษฐ์กลับอ้างว่าใช้จ่ายเป็นค่าสิ่งของในพิธีแต่งงานไปหมดแล้ว จึงพากันมาขอให้ตำรวจช่วยเจรจา

หลังทราบเรื่องราว พ.ต.ท.เชาวลิต อู่โภคิน รอง ผกก.สส.สภ.อ.สีคิ้ว ที่นั่งฟังการสอบสวนอยู่ด้วย ได้ส่งตำรวจไปตามตัวนางประดิษฐ์และ น.ส.สุดารัตน์ เดินทางมาโรงพักเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง น.ส.สุดารัตน์ กล่าวว่า ที่ไม่ยอมให้นายเสนาะหลับนอนด้วยเพราะ ปวดฟันและมีประจำเดือนจริงๆ หากไม่พอใจก็จะคืนสินสอดให้ทั้งหมด จากนั้นได้ถอดสร้อยคอทองคำหนัก 4 บาท และเงินสด 3 หมื่นบาท คืนให้กับนายเสนาะ ทันที ส่วนอีก 3 หมื่นบาท

"สาวอ้างไม่ได้รักทำเพื่อพ่อแม่ รับไม่ได้หนุ่มเลี้ยงหมูกลิ่นตัวเหม็น"


ที่เหลือจะโอนไปให้ภายหลัง ตำรวจจึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะแยกย้ายกันกลับ โดยนายเสนาะกล่าวตัดพ้อว่า ถึงตัวเองจะรูปชั่วตัวดำหน้าตาไม่หล่อเหลาเหมือนพระเอกหนัง แต่ก็มีจิตใจเป็นสุภาพบุรุษ แม้ฝ่ายหญิงจะไม่เต็มใจหลับนอนด้วยก็ไม่เคยคิดจะใช้กำลังปลุกปล้ำให้เสียศักดิ์ศรี ส่วนที่ต้องขอสินสอดคืนเพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา 7 วัน ยังไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวกันเลย

ด้านนางประดิษฐ์เปิดเผยว่า มีลูกอยู่ 3 คน สามีก็ป่วยเป็นอัมพาต ตอนนี้อายุมากแล้ว เมื่อเห็นคนมีฐานะดีมาชอบลูกสาวก็อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝา ก่อนถึงวันแต่งงานก็ยังไปกู้หนี้ยืมสินมาเลี้ยงแขกเหรื่อในวันสุกดิบ ตั้งใจว่าเมื่อเก็บเกี่ยวพืชไร่ได้แล้วจะเอาไปใช้หนี้ เงินที่แขกใส่ซองมาก็ยกให้ลูกไปทำทุนหมด ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น ต้องถือว่าเป็นเวรกรรม ส่วน น.ส.สุดารัตน์เปิดเผยความในใจว่า ความจริงไม่ได้รักนายเสนาะเลย แต่ที่จำใจแต่งงานเพราะเห็นแก่พ่อแม่ที่แก่เฒ่าแล้ว ไม่อยากเป็นภาระกับท่าน เมื่อแต่งงานกันไปแล้วก็คิดว่าอยู่กันไปนานๆคงจะรักกันไปเอง แต่แล้วก็ไม่สามารถจะร่วมหลับนอนกันได้ เพราะนายเสนาะทำฟาร์มเลี้ยงหมู วันๆเอาแต่คลุกอยู่กับขี้หมูจนเนื้อตัวเหม็นไปหมด ทำให้ไม่มีอารมณ์จะนอน ร่วมกันได้ มันฝืนใจไม่ได้จริงๆ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์