อ้างเป็นนักบิน...โจรกรรมเดินสายรูดบัตรเครดิต

อุปโลกน์ตัวเองเป็นนักบิน

หนุ่มใหญ่ติดใช้ชีวิตเลิศหรู อุปโลกน์ตัวเองเป็นนักบิน ตระเวนใช้บัตรเครดิตที่ซื้อมาจากแก๊งโจรกรรมทรัพย์สินนักท่องเที่ยวต่างชาติ รูดจ่ายค่าโรงแรมที่พักหรูหรา นอนจิบสุราต่างประเทศราคาหลักหมื่น

หลังจากตระเวนรูดบัตรเครดิตที่ซื้อต่อมาจากกลุ่มโจรกรรมทรัพย์สินนักท่องเที่ยวมานานหลายปี ในที่สุดหนุ่มใหญ่ที่มักบอกกับใครต่อใครว่าเป็นนักบิน ก็ต้องระเห็จเข้าไปนอนในมุ้งสายบัวแทนโรงแรมหรูหราระดับ 5 ดาว หลังจากตำรวจกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวตามรวบได้ถึงห้องพักย่านวังทองหลาง

นายอนุชิต ฝ้ายเพชร์ หรือ กาวาง หนุ่มใหญ่วัย 44 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 53/1 หมู่ 5 ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ถูก พ.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนาธ สว.ส.ทท.1 บก.ทท.พร้อมกำลัง จับกุมได้ขณะกบดานอยู่ที่ห้องพักเลขที่ 614 อาคารศรีประจักษ์ เลขที่ 2 ซอยลาดพร้าว 120 ถ.ลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม. เมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 15 ธันวาคม หลังจากติดตามตัวมานาน

นายอนุชิต มักบอกกับใครต่อใครว่า เป็นนักบินสายการบินชื่อดัง แต่งกายภูมิฐาน ขับรถคันหรู พูดจามีหลักการ คล้ายคนมีความรู้ระดับสูง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่นายอนุชิตอุปโลกน์ขึ้นทั้งสิ้น ความจริงแล้วหนุ่มใหญ่รายนี้มีพฤติกรรมเป็นนักต้มตุ๋นนำบัตรเครดิตของบุคคลอื่นไปรูดซื้อสินค้าจากร้านค้า และจ่ายค่าโรงแรมหรูหลายแห่งทั่วประเทศ ทำให้ผู้อื่นเสียหายหลายล้านบาท




ปฏิบัติการกระชากหน้ากากนักบินจอมปลอมรายนี้


เกิดขึ้นภายหลัง พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น ผบก.ทท.รับแจ้งจาก นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิตว่า มีผู้ลักลอบนำบัตรเครดิตของคู่สามีภรรยา นักท่องเที่ยวชาวเดนมาร์ก ไปรูดซื้อสุราต่างประเทศจำนวน 39 ขวด ราคาหลายหมื่นบาท จากห้างเทสโก้ โลตัส สาขาถนนศรีนครินทร์ และยังนำไปรูดซื้อสินค้าอื่นรวมราคากว่า 1.5 แสนบาท ขณะที่เจ้าตัวไม่ทราบเรื่อง พล.ต.ต.ปัญญา จึงมอบหมายให้ พ.ต.ต.พฤทธิพงศ์ ติดตามจับกุมคนร้าย

หลังรับคำสั่ง พ.ต.ต.พฤทธิพงศ์ ได้เดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส เพื่อหาหลักฐานติดตามจับกุมคนร้าย และเหมือนสวรรค์มีตาฟ้าไม่เข้าข้างคนผิด การตรวจสอบวิดีโอวงจรปิดของห้างมีภาพขณะนายอนุชิตนำบัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้าปรากฏอยู่อย่างชัดเจน

ทันทีที่เห็นภาพดังกล่าว พ.ต.ต.พฤทธิพงศ์รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างมาก จึงรีบนำภาพถ่ายดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับทะเบียนประวัติอาชญากรคดีปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งมีอยู่ในมือ ปรากฏว่าคือนายอนุชิต ฝ้ายเพชร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาธนบุรี ลงวันที่ 8 มีนาคม 2549 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน รับของโจร และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และน่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย


นอกจากนี้ ช่วงระหว่างปี 2537-2538 นายอนุชิตเคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเช็ก โดยเดิมทีเคยใช้ชื่อว่า ประสิทธิ์ ฝ้ายเพชร์ แต่เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดีจึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น นายกาวาง ฝ้ายเพชร์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น นายอนุชิต ฝ้ายเพชร์ ในปัจจุบัน

หลังจากพ้นคดีเช็คออกมาไม่นาน นายอนุชิต มีโอกาสเข้าไปสัมผัสและรู้จักกับขบวนการโจรกรรมบัตรเครดิต โดยเป็นผู้รับซื้อบัตรเครดิตจากขบวนการโจรกรรมที่นำมาจำหน่ายให้ในราคา 1-2 หมื่นบาทต่อใบ โดยบัตรเครดิตเหล่านั้นมักเป็นของชาวต่างประเทศ เนื่องจากมีวงเงินสูงหลักแสนบาท อีกทั้งเจ้าของบัตรไม่ค่อยติดใจเอาความ เนื่องจากรู้ตัวช้า หรือบางรายแทบไม่รู้ตัวเลย

นอกจากสองผัวเมียชาวเดนมาร์กแล้ว การขยายผลของตำรวจยังทราบว่า ยังมีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ตกเป็นเหยื่อของนายอนุชิต ซึ่งครั้งนั้นนายอนุชิตนำบัตรเครดิตไปรูดซื้อโทรศัพท์มือถือและสินค้าอื่นหลายรายการได้ทรัพย์สินไปจำนวนมาก จากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากของผู้ต้องหารายนี้ พบว่ามีเงินหมุนเวียนวงเงินหลายล้านบาทในรอบไม่กี่ปี


"ผู้ต้องหารายนี้เอาตัวรอดเก่ง แต่งกายภูมิฐาน ขับรถยนต์คันหรู และอ้างกับใครต่อใครว่าเป็นนักบิน พูดจาดีน่าเชื่อถือ จึงทำพนักงานร้านค้าและโรงแรมที่ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อ ยินยอมให้เขาใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้า โดยผู้ต้องหาทำผิดมาแล้วหลายปี ซึ่งต้องขยายผลต่อไปว่าเคยทำผิดที่ไหนบ้าง" พล.ต.ต.ปัญญา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในการจับกุมนายอนุชิต ตำรวจได้ตรวจค้นห้องพักเลขที่ 614 อาคารศรีประจักษ์ ในซอยลาดพร้าว 120 ทุกตารางนิ้ว พบสุราต่างประเทศจำนวนหนึ่ง น้ำหอม 3 ขวด ครีมบำรุงผิว 3 ขวด เครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก 15 เล่ม สมุดเช็คอีก 16 ใบ ซึ่งหลักฐานที่ยึดได้ดังกล่าว เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่คนร้ายได้มาจากการกระทำผิด

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวที่มีประโยชน์จาก
หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์