อุเทนยิงปทุมวัน รับสิ้นไส้ไล่ฆ่า ´เด็กเรียนดี´

จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญคนร้ายยิงนายเอกพงษ์ คูหา อายุ 18 ปี


นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปทุมวัน คณะวิศวกรรมอุตสาหกรรม ชั้นปีที่ 1 เข้ากลางหน้าอก 1 นัด ชายโครงซ้ายและขวาอีกข้างละ 1 นัด เสียชีวิตบนสะพานลอยคนข้าม หน้าปากซอยเพชรเกษม 81 แขวงและเขตหนองแขม กทม. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าเป็นการล้างแค้นกันของนักศึกษาสองสถาบัน หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.วิวัฒน์ วรรธนะวิบูลย์ รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.ท.วรงกรณ์ มุ่งพาลชล รอง ผกก.สส.สน.หนองแขม เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ได้สอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์


ทราบว่า ผู้ตายลงจากรถประจำทางไปนั่งกินข้าวบริเวณหน้าปากซอย ระหว่างเดินขึ้นสะพานลอยข้ามถนนกลับบ้านในซอยฝั่งตรงข้าม มีชายวัยรุ่น 2 คน สวมเสื้อยืด กางเกงยีนสีเทาเดินตามขึ้นไป สักพักก็เกิดเสียงปืนดังมาจากบนสะพาน 3 นัด ระหว่างนั้นสังเกตเห็นผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายโบกรถแท็กซี่หนีไป 1 คน ส่วนอีกคนวิ่งย้อนลงสะพานหนีเข้าป่าหญ้าหน้าปากซอย โดยตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือนักเรียนอาชีวะคู่อริที่ตระเวนตามล่าเด็ดหัวนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันช่วงเวลากลับบ้านเพียงลำพัง ซึ่งเกิดขึ้นหลายรายในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะส่งมอบศพให้แผนกนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช นำไปพิสูจน์

กระทั่งเวลา 23.30 น. ของคืนวันเดียวกัน


เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หนองแขม ได้กระจายกำลังประมาณ 100 นาย ปิดล้อมป่ากกน้ำท่วมขังเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ด้านหลังอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น ใกล้ปากซอยเพชรเกษม 81 โดยเดินเรียงหน้ากระดานตรวจค้นหาตัวคนร้าย ในที่สุดพบว่าซุกตัวอยู่ในพงหญ้า ชื่อนายพงษ์พันธ์ บุญวิเศษ อายุ 24 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลภาคตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย คณะเทคโนโลยีภูมิทัศน์ ชั้นปีที่ 2 อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 10 ต.ฉันคำ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด แต่ ไม่พบปืนของกลาง นำตัวไปสอบสวนดำเนินคดีที่ สน. พร้อมกับแบ่งกำลังอีกส่วนหนึ่งตามล่าตัวคนร้ายอีกรายที่ยังหลบหนี

จากการสอบปากคำนายพงษ์พันธ์ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือยิงผู้ตาย


โดยไม่ได้มีเรื่องโกรธเคืองหรือรู้จักกับผู้ตายมาก่อน การก่อเหตุครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักศึกษาร่วมสถาบันไปส่งแฟนสาวที่ย่านลาดพร้าว แล้วเจอคู่อริยิงและแทงร่างจนเสียชีวิต พวกตนได้ตรวจสอบข่าวจนทราบว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุดังกล่าวคือช่างกลปทุมวัน หรือที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปทุมวัน ได้พูดคุยกับรุ่นพี่และวางแผนตามล่าแก้แค้น มีจุดมุ่งหมายล่าสังหาร เด็กที่มีความประพฤติดีตั้งใจเรียนเป็นหลัก เพื่อให้เกิดความโกรธแค้นแก่เพื่อนร่วมสถาบัน


ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมกับเพื่อนรุ่นพี่ชื่อทร หรือสุนทร เรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 ได้ไปดักรอนักศึกษาของสถาบันดังกล่าวที่ย่านมาบุญครอง โดยสังเกตนักศึกษาเป้าหมายที่แต่งกายเรียบร้อย ลักษณะเป็นเด็กตั้งใจเรียน และกลับบ้านคนเดียว จนพบนายเอกพงษ์ ผู้ตาย จากนั้นสะกดรอยตามเพื่อหาจังหวะลงมือแต่ไม่สบโอกาส กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุคาดว่าเหยื่อใกล้ถึงบ้าน ผู้ตายแวะกินข้าวมันไก่ก่อน จึงนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ เมื่อผู้ตายเดินขึ้นสะพานลอย เดินตามไล่หลังขึ้นไปแล้วชักปืนพกลูกโม่ .38 รัวยิงใส่ 3 นัดซ้อน จนเหยื่อล้มฟุบเสียชีวิตคาที่ เสร็จแล้วเดินย้อนกลับไปที่ป้ายรถเมล์ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มีพลเมืองดีแจ้งตำรวจก่อนพากันแยกย้าย โดยนายทรหนีขึ้นแท็กซี่ ส่วนตนวิ่งหนีเข้าซอยเพชรเกษม 81 เพื่อซุกตัวในพงหญ้า แต่ก็ไม่รอดเงื้อมมือของตำรวจ ภายหลังสอบปากคำตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

ต่อมาเมื่อวานนี้ (6 ก.ย.)


พ.ต.ท.วรงกรณ์ มุ่งพาลชล รอง ผกก.สส.สน.หนองแขม ได้นำตัวนายพงษ์พันธ์ออกจากห้องควบคุมไปค้นหาอาวุธปืน ตามที่ผู้ต้องหาอ้างว่าใส่ในกระเป๋าผ้าร่มโยนทิ้งไว้ในป่าหญ้า แต่เมื่อตรวจค้นนานนับชั่วโมงก็ไม่พบ ผู้ต้องหาอ้างว่าจำจุดที่ทิ้งแน่นอนไม่ได้ เนื่องจากตอนเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน มืดและตกใจ ต่อมาตำรวจนำตัวไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกเป็นป้ายรถเมล์ที่นั่งรอผู้ตายกินข้าวมันไก่ จากนั้นเป็นจุดที่ลงมือยิงผู้ตายบนสะพานลอย เสร็จแล้วเป็นจุดที่หลบหนีเข้าไปในพงหญ้าก่อนจะถูกจับกุมตัว โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวไปยืนสาปแช่งถึงพฤติกรรมอันเหี้ยมโหด ขณะเดียวกันมีนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปทุมวันยกพวกนับร้อยคนไปดูตัวคนร้าย แล้วตามไปที่ สน.หนองแขม ทำให้ตำรวจต้องเพิ่มกำลังอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันเหตุร้าย

ขณะเดียวกัน มีญาติของนายเอกพงษ์ คูหา นักศึกษาเคราะห์ร้าย


ไปติดต่อกับพนักงานสอบสวน เพื่อขอหลักฐานรับศพที่ โรงพยาบาลศิริราช โดยเปิดเผยว่า เดินทางมาจาก จ.ศรีสะเกษ พร้อมทั้งเล่าว่าผู้ตายจบชั้น ปวช. จาก จ.ศรีสะเกษ แล้วมาสอบเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปทุมวัน เป็นเด็กตั้งใจเรียน ออกจากบ้านแต่เช้า เพราะโรงเรียนอยู่ไกล ไม่เคยเถลไถลไปไหน เลิกเรียนก็กลับบ้าน วันหยุดชอบช่วยแม่ขายอาหารรถเข็นหน้าปากซอยเพชรเกษม 114 ไม่ชอบเที่ยว หรือเกเร ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนศพจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดศรีสำราญ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ด้านคดีให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เชื่อว่าคงติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุอีกคนได้แน่นอน


นายเศรษฐา คูหา อายุ 41 ปี ช่างวิศวกร บริษัทสามมิตร จำกัด


พ่อของผู้ตายเปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นคนดี เพิ่งย้ายจากบ้านเกิด จ.ศรีสะเกษ เข้ากรุงเทพมหานคร มาสอบสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 เมื่อเทอมที่ผ่านมา ปกติไม่เคยเหลวไหล หรือมีเรื่องมีราวกับใคร ตนก็พยายามเตือนให้ระวังตลอดด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากมีข่าวนักเรียนช่างกลถูกยิงหลายครั้ง ไม่คิดว่าจะเกิดกับลูกเข้าจนได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า


เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.หนองแขม ได้ตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาแล้ว ไม่พบว่าเคยก่อคดีมาก่อน แต่การสอบสวนเชื่อว่าน่าจะก่อคดีมาแล้วหลายครั้ง เพราะผู้ต้องหาไม่มีอาการสะทกสะท้านในพฤติกรรมที่กระทำไปแม้แต่น้อย

ด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ วรรธนะวิบูลย์ รอง ผบก.น.9 เปิดเผยว่า


ได้มอบหมายให้ กก.สส.น.9 ติดตามตัวนายทร ผู้ร่วมก่อเหตุ โดยประสานกับทางมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลภาคตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ตรวจสอบประวัติและที่อยู่ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีแล้ว

จากนั้นเวลา 13.00 น.


รอง ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า ผกก.สส.น.9 และชุดสืบสวน ได้นำตัวนายพงษ์พันธ์ ผู้ต้องหา ไปชี้จุดทิ้งปืน หลังจากยอมเปิดปากรับสารภาพว่า บริเวณที่โยนของกลางทิ้งนั้นเป็นบริเวณทุ่งหญ้ากว้างประมาณ 50 ไร่ ริมปากซอยเพชรเกษม 81 ตำรวจระดมกำลังค้นหาจนพบปืน .38 ทะเบียน พร 2/6455 ในรังเพลิงมีกระสุน 5 นัด ยิงไปแล้ว 3 นัด จึงยึดไปตรวจสอบหาตัวเจ้าของปืนอีกครั้ง ในขณะที่ผู้ร่วมก่อเหตุอีกคนซึ่งหลบหนีไปได้ ล่าสุดชุดสืบสวนรู้ตัวแล้ว คือนายศิลธร ไชยยานุพัทธกุล อายุ 25 ปี นักศึกษาปีที่ 4 สถาบันเดียวกันกับผู้ต้องหา เป็นคนจังหวัดพัทลุง คาดว่ายังคงกบดานอยู่ใน กทม.

สำหรับการตามล้างแค้นของ 2 สถาบันดังกล่าว


จากคำให้การของผู้ต้องหา สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา เวลา 02.30 น. นายเบญจพล วิริยารัมภะ อายุ 20 ปี นศ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลภาคตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย คณะเทคโนโลยีภูมิทัศน์ ชั้นปีที่ 2 ถูกคนร้ายใช้ปืนยิงตามใบหน้าและลำตัวพรุน 11 แห่ง และมีบาดแผลถูกแทงอีก 4 แผล ในซอยลาดพร้าว 124 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง เชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องของคู่อริต่างสถาบันที่มาเจอกันโดยบังเอิญแล้วถูกอุ้มมาฆ่าทิ้งในบริเวณดังกล่าว

แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์