หมอเก๊โปะยารูดทรัพย์คนไข้ส่งภาพให้ตร.ล่า

เจ้าทุกข์โร่แจ้งตำรวจ คนร้ายพรางตัวเป็นหมอโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ก่อเหตุเอาสำลีโปะยาสลบให้ดม ก่อนฉวยจังหวะลงมือปลดทรัพย์สินที่อยู่ในตัว ได้ไปทั้ง สร้อยทอง แหวน เงินสด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเผย คนร้ายฉวยจังหวะที่เจ้าหน้าที่สับเปลี่ยนก่อเหตุ ส่งภาพวงจรปิดให้ตำรวจล่าตัว

เหตุการณ์ชิงเอาทรัพย์สินจากผู้ที่ไปรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยพฤติกรรมคนร้ายทำทีเป็นแพทย์ เกิดขึ้นเมื่อเวลา  08.30 น. วันที่ 22 กันยายน

นางประคิ่น ยาจาติ อายุ 56 ปี ภูมิลำเนา อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อภิชาติ คชเวช สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ว่า ถูกคนร้ายปลอมตัวคล้ายคลึงกับแพทย์ ก่อเหตุชิงทรัพย์ ขณะกำลังรอคิวเข้ารับการเอกซเรย์ภายในโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช โดยพฤติกรรมการก่อเหตุก็คือ การใช้ยาสลบให้ดม เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อเวลา 16.45 น.วันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา

ทั้งนี้หลังจากรับแจ้ง  พ.ต.ท.อภิชาติ  จึงประสานให้ พ.ต.อ.ภูดิศ นรสิงห์ ผกก. พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สุริยะ เสงี่ยมศักดิ์ สว.สส.รับทราบ พร้อมกับนำกำลังตำรวจเข้าสอบสวนที่โรงพยาบาลดังกล่าวทันที

ขณะเดียวกันจากการสอบสวนนางประคิ่นให้การว่า เวลา 15.00 น. วันที่ 21 กันยายน ขณะกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่บ้านใน อ.พระพรหม รู้สึกมึนและวิงเวียนศีรษะ แน่นหน้าอก จากนั้นบุตรสาวจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และแพทย์ได้ตรวจร่างกายที่ตึกรับผู้ป่วยนอกด้านหน้า ต่อจากนั้นแพทย์สั่งให้นำตนไปเอกซเรย์ที่ตึกเอกซเรย์ด้านหลังตึกผู้ป่วยนอก

ปรากฏว่า ในช่วงที่บุตรสาวและหลานชายคอยอยู่ที่ตึกรับผู้ป่วยนอก ได้มีบุรุษพยาบาลให้ตนเองนอนบนเตียงเข็น และเข็นมาที่หน้าตึกเอกซเรย์ เพื่อรอคิว

ด้านหน้าของตึกซึ่งจะเป็นห้องที่มีม่านสีเขียวกั้นอยู่ ระหว่างตัวห้องเอกซเรย์กับห้องรอคิวตรวจด้านหน้า  ต่อมาปรากฏว่า มีชายแต่งชุดเสื้อคลุมสีขาวแขนยาวคล้ายชุดของแพทย์ นำสำลีชุบยามาให้ดม ทำให้ตนมีอาการสะลึมสะลือ หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวพูดกับตนว่า "นอนนิ่งๆ นะป้า" และปลดทรัพย์ของตน ได้แก่ สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น พร้อมกับพระเครื่องพ่อท่านคล้ายเลี่ยมทอง 1 องค์ แหวนทองคำหนัก 1 สลึง 2 วง สร้อยข้อมือทองคำหนัก 1 บาท 1 เส้น และเงินสดในกระเป๋าอีก 4,300 บาท 

นางประคิ่นกล่าวอีกว่า ช่วงแรกคิดว่าชายคนดังกล่าวเป็นแพทย์ แต่นึกเอะใจ เพราะชายคนดังกล่าวกระทำการอย่างเร่งรีบผิดปกติ

และปลดทรัพย์ตนอย่างรุนแรง เหมือนเป็นคนร้ายที่รีบหนี และช่วงนั้นตนจำเหตุการณ์ได้แม่นยำ จากนั้นชายคนดังกล่าวรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ต่อมามีพยาบาลมานำตนเข้าห้องเอกซเรย์ จึงแจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทราบ  ซึ่งพยาบาลชี้แจงกับตนว่า บุรุษพยาบาลจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ป่วย หรือทรัพย์สินใดๆ ของผู้ป่วย มีเพียงแพทย์และพยาบาลเท่านั้นที่จะดำเนินการให้ กรณีผู้ป่วยมีทรัพย์สินติดตัวมา

ด้าน พ.ต.อ.ภูดิศ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช กล่าวว่า คาดว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนร้ายแฝงตัวเข้ามาในโรงพยาบาลและจะสังเกตว่าผู้ป่วยคนใดมีทรัพย์สินติดตัว ก็อำพรางตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล

เข้ามามอมยาแล้วปลดทรัพย์สินของผู้ป่วย ซึ่งคนร้ายรายนี้จากการสอบปากคำผู้เสียหายทราบว่า ตำหนิรูปพรรณผิวค่อนข้างขาว สูงประมาณ 165 ซม. ไว้ผมรองทรงสั้น หน้าตาดี ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุมาแล้วและคนร้ายมักแต่งกายดูดีคล้ายกับแพทย์

แหล่งข่าวภายในโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

และคนร้ายทำได้แนบเนียนมาก พิจารณาจากการแต่งตัว พบว่าแต่งตัวดีเหมือนกับแพทย์ หรือบุคลากรของโรงพยาบาล รวมทั้งกิริยาท่าทางที่เข้าไปคุยกับคนไข้นั้นแนบเนียนมาก นพ.สมชาย นิ้มวัฒนากุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นว่าโรงพยาบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ปิดประกาศเตือนผู้ป่วยที่เข้ารับการบริการทางการแพทย์ทุกจุดสำคัญ เพื่อชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลทุกส่วนที่ให้บริการจะต้องติดรูปแสดงตัวว่าในส่วนบริการนั้นๆ มีใครบ้าง

"กรณีที่คนร้ายเข้ามาก่อเหตุจะเป็นช่วงรอยต่อเวลานอกราชการ ลงมือขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เข้าประจำหน้าที่ ตั้งแต่ 06.30 น.และหลังเวลาราชการที่เปิดให้บริการคลินิกนอกเวลา พฤติกรรมของคนร้ายจะแต่งตัวดีเข้าไปตีสนิทกับคนไข้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ เข้าไปให้ความช่วยเหลือ จากนั้นฉวยโอกาสปลดทรัพย์  กล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล  สามารถจับภาพของคนร้ายไว้ได้ทั้งหมดรวม 5 จุด พบว่าเป็นคนเดียวกันนับตั้งแต่ช่วงก่อเหตุ ไปจนถึงวิ่งหลบหนีทุกขั้นตอน ซึ่งการหลบหนีนั้นวิ่งไปขึ้นรถสองแถวหน้า ภาพวงจรปิดทั้งหมดนั้นได้มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียบร้อยแล้ว” ผอ.รพ.มหาราชกล่าว